เผชิญหน้ากับสายตาของหญิงสาว นัทธีก็อ้าปากบางๆ เหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็กลืนกลับไป ตอบอือ“โอเค ผมไม่ดึงออก”
พูดจบ เขาก็หันหน้ากลับไป
ช่างเถอะ เธอยากครอบแก้วให้เขาก็ให้เธอทำไปเถอะ ถือว่าให้เธอเล่นไป เอาใจให้เธอมีความสุข
ใช่ นัทธีไม่เชื่อว่าครอบแก้วจะมีผลเกี่ยวข้องกับอาการปวดกล้ามเนื้อข้อ สำหรับเขา พวกนี้เป็นสิ่งแปลก
แต่วารุณีคิดว่าได้ผล เขาก็ไม่พูดอะไรด้วย ไม่งั้นเธอก็ไม่พอใจ และเขาต้องง้อ
เห็นนัทธีหันกลับไปอย่างเชื่อฟัง วารุณีจึงหัวเราะอย่างพอใจ จากนั้นหยิบขวดแก้วเล็กๆอันหนึ่งขึ้นมา ด้านในใส่น้ำมันหอมระเหย จุดไฟ แล้วกดไปที่หลังเขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นัทธีก็รู้สึกว่าครอบแก้วบนหลังตัวเองแต่ละอันนั้นถูกหญิงสาวหยิบลงมา
หญิงสาวตบหลังเขา“โอเค คุณขยับได้แล้ว ดูว่าดีขึ้นหรือยัง”
นัทธีขมวดคิ้ว
ทำไมแป๊บเดียวก็ดีขึ้น?
จะเป็นไปได้ไง!
ถึงคิดแบบนี้ แต่นัทธีก็ทำตาม เพื่อไม่ให้วารุณีไม่พอใจ จึงนั่งตัวตรงขยับแขนคอและหลังเล็กน้อย
และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เธอรู้สึกว่าทั้งร่างกายนั้นสบายขึ้นเยอะจริงๆ
คิดไป นัทธีก็บีบไหล่ตัวเอง แล้วก็เบิกตากว้างทันที
เพราะเขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อไหล่ตัวเอง ไม่รู้สึกแข็งเหมือนตอนแรกแล้ว ตอนที่บีบ ก็ไม่รู้สึกปวดอะไร
ดังนั้นจะเห็นว่า ครอบแก้วนั้นได้ผลจริงๆ
นัทธีหันตัวไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ ต้องขวดแก้วเล็กๆเหล่านั้น ในแววตามีความตกใจ ชัดเจนว่าไม่เค่อยเข้าใจ ทำไมจุดไฟข้างใน จากนั้นวางบนผิวหนัง ปล่อยให้ขวดดูดผิวหนัง ก็ทำให้คลายความเจ็บปวดบนกล้ามเนื้อได้
แต่ถึงคิดไม่ออก แต่ก็ทำให้นัทธีไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลลัพธ์นี้ ทำให้คนตะลึงจริง
มองชายหนุ่มที่ยังไม่หายตกใจอยู่นาน วารุณีก็รู้ว่าเขากำลังรู้สึกเหลือเชื่อกับอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกไป“เป็นไงบ้าง ครอบแก้วไม่แย่เลยใช่ไหม?”
นัทธีพยักหน้า“ใช่เลย”
เขาผิดไปแล้ว ไม่ควรคิดว่าของสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ
กลับกัน มีประโยชน์มากจริงๆ
เป็นครั้งแรก ที่เขาตบหน้าตัวเอง
“แบบนี้ก็ดี ต่อไปคุณปวดกล้ามเนื้อ ค่อยให้ฉันครอบให้ แต่อย่าปฏิเสธฉันเหมือนเมื่อก่อนอีกเด็ดขาด”วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม
ใช่ ก่อนหน้านี้เธอก็มีความคิดจะครอบแก้วให้เขา
แต่นัทธีพูดว่าไม่ทำอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเธอได้แต่ช่างมัน
ตอนนี้ครอบแก้วให้เขา ก็ถือโอกาสตอนที่เขาหลับถึงลงมือให้เขาได้
แต่ดีที่ผลลัพธ์นั้นดี ผลของการครอบแก้ว ถูกเขายอมรับแล้ว
นัทธีพยักหน้า“โอเค”
เขาเห็นด้วยแล้ว
เขาจะไม่ปฏิเสธวิธีการที่เรียกว่าแพทย์แผนจีนนี้อีกต่อไปแล้วจริงๆ
เพราะว่าผลลัพธ์ เป็นเขาที่สัมผัสกับตัวเอง
แต่ว่าก็มีข้อเสีย ก็คือถึงแม้ครอบเสร็จร่างกายจะผ่อนคลาย แต่จุดที่ครอบแก้ว กลับทิ้งรอยแดงช้ำแต่ละจุดไว้ กว่าหลายวันถึงจะหายไป
นัทธีหันหน้ามองรอยวงกลมสีแดงช้ำจุดหนึ่งตรงใต้ไหล่ตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
รอยนี้ เหมือนถูกทุบตี
วารุณีเห็นชายหนุ่มจ้องรอยที่ครอบแก้วทิ้งไว้อย่างตกใจ ก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากหัวเราะ:“ตอนนี้สามีคุณก็เป็นประธานที่ติดดินแล้ว”
ไม่ได้ติดดินเหรอ?ประธานที่ครอบแก้ว จากภูเขาหิมะที่สำรวมตนและเรียบง่าย มาสู่โลกที่แสนธรรมดาที่สุดทันที ทำเรื่องที่คนทั่วไปถึงทำเท่านั้น ไม่ได้ติดดินแล้วเป็นอะไร
“เอาล่ะ น้ำเย็นแล้ว ลุกขึ้นเถอะ”นัทธีหันกลับไป ยันอ่างสองด้านแล้วยืนขึ้นมา
วารุณีอือไป แล้ววางน้ำมันระเหยลง ลุกขึ้นตาม
ทั้งสองชำระล้างร่างกายใต้สายน้ำ จากนั้นเปลี่ยนเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากห้องน้ำ
จนทั้งสองผมแห้ง เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแล้วลงไปชั้นล่าง ป้าส้มก็เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว เด็กทั้งสองคน ก็ถูกคนขับรถที่นัทธีจัดมาไปรับมา
เห็นวารุณี ดวงตาเด็กทั้งสองคนก็เป็นประกายขึ้นมา จากนั้นวิ่งไปที่วารุณี
แต่ยังวิ่งไปไม่ถึงตรงหน้าวารุณี เด็กทั้งสองคนก็ถูกนัทธีห้ามไว้
“พ่อ?”เด็กสองคนเอียงหัวมองนัทธีอย่างไม่เข้าใจ ชัดเจนว่าไม่เข้าใจ ทำไมนัทธีต้องห้ามพวกเขา ไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้หม่ามี๊
นัทธีเข้าใจสายตาของเด็กสองคนนี้ หมอบลงและลูบศีรษะของเด็กสองคน พูดเสียงเบาว่า:“ตอนนี้พวกลูกหกขวบแล้ว โตขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นแรงก็เยอะมาก ไม่สามารถกระโจนเข้าหาหม่ามี๊ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หม่ามี๊ก็ไม่สามารถรับพวกลูกไว้โดยไม่ขยับเหมือนเมื่อก่อนได้ พวกลูกชนเข้าหาแบบนี้ จะทำหม่ามี๊ล้มได้ เข้าใจไหม?”
“พวกเราเข้าใจแล้ว”เด็กทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที
จากนั้นมองไปที่วารุณี ขอโทษอย่างเขินอาย“ขอโทษนะหม่ามี๊ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ”
ที่จริงอารัณคิดตรงนี้ได้ ก็แค่พอเห็นวารุณีกลับมา ก็ตื่นเต้น บวกกับเด็กๆที่เดิมทีก็ติดพ่อแม่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงคิดไม่ถึงว่าพวกเขาโตแล้ว แรงก็มากแล้วด้วย
“ไม่เป็นไร”วารุณียิ้มให้เด็กทั้งสองคน“ถึงแม้ไม่สามารถชนเข้ามาแบบเมื่อก่อนได้แล้ว แต่ว่าสามารถเดินมากอดหม่ามี๊ได้ ใช่ไหม?”
เธอบีบจมูกเล็กๆของเด็กทั้งสองเบาๆ
เด็กทั้งสองพยักหน้ากัน“ใช่”
“เอาล่ะ รีบวางกระเป๋าเรียนลง พวกเรากินข้าวกันเถอะ”วารุณียื่นมือกลับมา
เด็กทั้งสองทำตาม ถอดกระเป๋านักเรียนลงไปที่โซฟาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นดึงนัทธีกับวารุณี เดินไปที่ห้องทานข้าว
ทานข้าวเสร็จ ยากมากที่นัทธีจะไม่ไปทำงานที่ห้องทำงาน
วารุณีก็ไม่ได้ไปทำงานที่ห้องทำงานตัวเอง แต่ไปที่ห้องรับแขกด้วยกัน อยู่ดูการ์ตูนกับเด็กๆ เพลิดเพลินเวลาครอบครัว
นี่คือสิ่งที่เธอกับนัทธีนัดกันไว้แล้ว เพราะว่าพวกเขาสองคนล้วนแต่ยุ่ง อยู่กับเด็กๆไม่ได้ตลอดเวลา แต่เด็กๆจะขาดพ่อแม่ไม่ได้ ดังนั้นเธอเลยตกลงกับนัทธี ในหนึ่งสัปดาห์ ทุกคืนวันจันทร์พุธศุกร์เสาร์ ห้ามทำงานเด็ดขาด ตั้งใจจะอยู่ดูโทรทัศน์ หรือเล่นของเล่น เล่านิทานกับเด็กๆทั้งสองโดยเฉพาะ
นัทธีจึงตกลงอย่างธรรมชาติ
และคืนนี้ เป็นวันจันทร์ จึงตั้งใจอยู่กับเด็กๆโดยเฉพาะ
ตอนที่สี่คนพ่อแม่ลูกกำลังดูการ์ตูน อย่างมีความสุขนั้น จู่ๆโทรศัพท์ของนัทธีก็ดังขึ้นมา
วารุณีสามคนแม่ลูกมองไปทางเขา
นัทธีก็รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองทำลายความอบอุ่นของครอบครัว จึงขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ดูว่าใครโทรมา ถ้าเป็นเรื่องด่วน ก็ต้องรับ”วารุณีพูด
อารัณพยักหน้า“ใช่ครับพ่อ ถ้ามีเรื่องด่วนจริง ก็ไปจัดการเถอะ ยังไงเวลาก็ยังมีอยู่”
“อืออือ พ่อไปเถอะค่ะ”ไอริณก็พูด
เห็นสามคนแม่ลูกเปิดใจแบบนี้ นัทธีก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มาดู
“พิชิตโทรมา”นัทธีเม้มริมฝีปาก
วารุณีประหลาดใจ“คุณหมอพิชิต?ดึกขนาดนี้ เขาโทรมาทำไม คุณรับเถอะ”
นัทธีตอบกลับ แล้วกดรับสาย
ไม่รู้ว่าพิชิตที่อยู่ปลายสายพูดอะไร วารุณีเห็นสีหน้านัทธีไม่ค่อยดี จากนั้นพอพูด‘ไม่จำเป็น’ก็วางสาย
“ทำไมเหรอ?”วารุณีรีบถาม
นัทธีปิดเครื่องโทรศัพท์ ทิ้งไว้บนโต๊ะน้ำชา“พิชิตหาหลุมศพให้นวิยาได้แล้ว พร้อมฝังพรุ่งนี้ ถามพวกเราว่าจะไปดูไหม”
“มีอะไรให้น่าไปเหรอ”วารุณีไม่สนใจทันที พูดไปเบาๆ
มีใครบ้าง จะไปร่วมพิธีศพของศัตรู?