บทที่ 776 เริ่มวงจรฟ้าบุพกาลใหม่ บรรพชนมารลู่หยวน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 776 เริ่มวงจรฟ้าบุพกาลใหม่ บรรพชนมารลู่หยวน

ท่ามกลางความมืดมิด เงาร่างหนึ่งที่มีเปลวเพลิงโชติช่วงลุกโชนอยู่รอบตัวกำลังโจมตีห้วงมิติอย่างบ้าคลั่ง

เป็นอี๋เทียน!

“สมควรตาย!”

อี๋เทียนพยายามทุกวิถีทางแล้ว ทว่าหากไม่สามารถทำลายห้วงมิติมืดดำแห่งนี้ได้ ก็ไม่อาจไปค้นหาหานทั่วในหุบเหวไร้ขอบเขตได้

เขาไม่เคยพบห้วงมิติที่แข็งแรงทนทานเช่นนี้มาก่อน เมื่อพลังเวทของเขาโจมตีไปที่ความมืดมิด ก็จะถูกสลายทิ้งโดยตรง ทำให้เลือดลมในกายเขาซ่านสะท้านปั่นป่วนขึ้นมา ทรมานอย่างยิ่ง

เนิ่นนานยิ่งนักแล้วที่อี๋เทียนไม่ได้รู้สึกอ่อนแอไร้กำลังเช่นนี้

นับตั้งแต่หานทั่วพิสูจน์มรรคผลเบิกฟ้า ล้วนเป็นหานทั่วที่ปกป้องเขามาโดยตลอด กว่าเขาจะปลุกพลังกลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลได้ไม่ง่ายเลย สืบทอดพลังมหามรรคฟ้าประทาน ทว่ายังคงไม่สามารถช่วยเหลือหานทั่วได้

ความรู้สึกหดหู่เช่นนี้ทำให้อี๋เทียนแทบจะกลายเป็นบ้า

เพราะเหตุใดกัน!

‘พระเหตุใดข้าถึงอ่อนแอขนาดนี้!

‘ตัวข้าไร้บิดามารดา หรือว่าแม้แต่น้องชายเพียงคนเดียวก็ยังช่วยไว้ไม่ได้อีก ตัวข้าที่เป็นเช่นนี้จะมีอันใดต่างจากมดปลวกเล่า’

อี๋เทียนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้อยคำเหล่านี้ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ในใจ

ในเวลานี้เอง เสียงหัวเราะสายหนึ่งพลันแว่วเข้ามา

“เทพมารฟ้าบุพกาลรุ่นเยาว์เอ๋ย เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ เจ้าไม่มีทางทำลายหุบเหวไร้ขอบเขตได้ ระดับของเจ้ากับข้าห่างชั้นกันมากเหลือเกิน!”

เสียงนี้เต็มไปด้วยความถากถางและดูแคลน

อี๋เทียนหยุดชะงัก หมุนตัวไปรอบๆ พลางร้องตะโกน “ไสหัวออกมาซะ! แน่จริงเจ้าก็เอาข้าไปสะกดไว้ด้วย หรือไม่ก็ฆ่าข้าเสียเลยสิ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดต้องสังหารเจ้าด้วยเล่า และข้าก็ไม่คิดจะสังหารเขาด้วย ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองยอมสยบต่อข้า ข้าทำให้พวกเจ้าได้รับคุณสมบัติที่เหนือชั้นกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลได้!”

อี๋เทียนโมโหจนยิ้มออกมา “ยังมีคุณสมบัติใดที่แข็งแกร่งไปกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลด้วยหรือ เทพมารอนธการกระมัง คิดจะหลอกล่อให้พวกเรากลายเป็นศัตรูของทั่วทั้งฟ้าบุพกาลเช่นนั้นหรือ”

เพิ่งจะเอ่ยจบ เงาร่างสีขาวสายหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอี๋เทียน ใช้นิ้วหนึ่งแตะหน้าผากเขา ในช่วงวินาทีนั้น เปลวเพลิงทั่วร่างเขาพลันสลายหายไปในทันใด เผยร่างจริงออกมา

อี๋เทียนเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ

เงาร่างสีขาวอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ร่างกายคล้ายมนุษย์ ผิวพรรณขาวกระจ่างดั่งหยก มองไม่เห็นริ้วรอยใดๆ สวมหน้ากากศิลาอันหนึ่ง ไม่มีช่องดวงตา ด้านหลังศีรษะคือเส้นผมยาวสยายที่บิดเลื้อยเร่าๆ ราวกับหนอนสีดำ

อี๋เทียนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขากัดฟันถาม “เจ้าเป็นใครกันแน่”

เงาร่างสีขาวหัวเราะแปลกพิกล เอ่ยตอบว่า “เจ้าเรียกข้าว่าบรรพชนมารก็ได้”

บรรพชนมารอย่างนั้นหรือ

อี๋เทียนขมวดคิ้วเอ่ยถาม “บรรพชนมารแห่งมรรคาสวรรค์หรือ”

“นั่นเป็นเพียงหนึ่งในร่างจำลองของข้า ในสามพันโลกาแห่งฟ้าบุพกาล ล้วนมีร่างจำลองของข้าอยู่ ข้าคอยช่วยเหลือโลกต่างๆ สร้างกฎระเบียบให้สำเร็จ ข้าคือเทพมารฟ้าบุพกาลที่เก่าแก่โบราณที่สุด ยามที่ข้าถือกำเนิด ฟ้าบุพกาลยังอยู่ในรูปลักษณ์ต้นกำเนิด ไม่มีโลกา ไร้สิ่งมีชีวิต ทึบทะมึน ข้ารู้สึกว่าเช่นนั้นสิถึงจะเป็นรูปลักษณ์ที่งดงามที่สุด” บรรพชนมารเอ่ยกลั้วหัวเราะ

คำพูดของเขาทำให้อี๋เทียนสั่นสะท้านทั้งที่ไม่รู้สึกหนาว

คนผู้นี้หมายความว่าอย่างไร

เขาคิดจะทำลายล้างทุกสิ่ง ทำให้ฟ้าบุพกาลหวนสู่ต้นกำเนิดอย่างนั้นหรือ

บรรพชนมารเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงข้าเห็นแววในตัวพวกเจ้าทั้งสองยิ่งนัก ดังนั้นถึงได้สละเวลามาจัดการพวกเจ้า จงสยบต่อข้า ข้าจะสร้างกฎระเบียบใหม่ขึ้น อยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง ข้าจะเป็นเทพเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ส่วนพวกเจ้าก็เป็นรองจากข้า!”

อี๋เทียนเงียบไป

บรรพชนมารเกลี้ยกล่อมล่อลวง “ต่อสู้เพื่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย พวกเจ้าได้รับสิ่งใดเล่า นึกถึงอดีตปีนั้น จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยังอยู่ในมรรคาสวรรค์ ก็เคยร้องขอความช่วยเหลือจากร่างจำลองของข้าเช่นกัน ทุกครั้งที่สรรพสิ่งสูญสิ้นศรัทธาในตัวเทพเซียน เขาจะร้องขอให้ข้าส่งเผ่ามารเข้าสู่โลกา สังหารเข่นฆ่าสรรพสิ่ง สร้างโอกาสให้เหล่าเทพเซียนได้กลายเป็นผู้กอบกู้โลก คนเช่นนี้ พวกเจ้ายังจะต่อสู้เพื่อเขาอีกหรือ พวกเจ้ากำลังแสวงหาสิ่งใดอยู่”

อี๋เทียนหน้าถอดสี ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะเคยทำเช่นนี้

“ข้าต้องการเริ่มต้นวงจรฟ้าบุพกาลใหม่ เหมือนที่มรรคาสวรรค์เริ่มต้นวงจรใหม่ มีเพียงการกวาดล้างครั้งใหญ่ ถึงจะทำให้เริ่มต้นก่อกำเนิดใหม่ได้ มรรคาสวรรค์ในยามนี้ใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ยังห่างไกลจากความสงบสุขที่แท้จริงอยู่บ้าง ที่สำคัญคือบิดาของน้องชายเจ้าคนนี้ยังไม่เด็ดขาดพอ ยังคงพึ่งพาอริยะเหล่านั้นก่อตั้งกฎระเบียบ” บรรพชนมารเอ่ยถึงหานเจวี๋ย น้ำเสียงแฝงความเสียดายไว้

อี๋เทียนกัดฟันเอ่ยว่า “หากติดตามเจ้า มิใช่ต้องช่วยเจ้าเข่นฆ่าคนใกล้ชิดของพวกเราหรอกหรือ”

ความหมายของการเริ่มต้นวงจรฟ้าบุพกาลใหม่ก็คือต้องการล้างสังหารสรรพสิ่งในฟ้าบุพกาล!

บรรพชนมารเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ในเมื่อเป็นคนกันเอง ข้าต้องช่วยดูแลพวกเจ้าแน่ ข้าจะปกป้องคนที่พวกเจ้าให้ความสำคัญ

“พวกเจ้าไม่เหลือช่องให้ปฏิเสธแล้ว หากไม่ยอมสยบต่อข้า ก็ต้องตาย”

อี๋เทียนโกรธเคืองอย่างยิ่ง ทว่าจิตใจเปี่ยมด้วยความอ่อนแอไร้กำลัง เขาเอ่ยถามว่า “เหตุใดถึงเลือกพวกเรา’

บรรพชนมารเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เพราะพวกเจ้าพิเศษ พวกเจ้าสองพี่น้องมองเผินๆ คล้ายจะเป็นเทพมารฟ้าบุพกาล ทว่าไม่มีมหามรรคเป็นของตน เห็นได้ชัดว่ามิใช่เทพมารฟ้าบุพกาล ส่วนเจ้า มรรคาสวรรค์เลือกเจ้าเป็นบุตรแห่งมรรคาสวรรค์ แปลกประหลาดยิ่ง บางทีเจตจำนงของผานกู่อาจจะคอยควบคุมทุกสิ่งอยู่ในความมืด ข้าต้องการให้เจ้ากลายเป็นหมากของข้า สุดท้ายแล้วในสักวันหนึ่ง ข้าจะต้องปะทะกับผานกู่ ปะทะกับบรรพชนเต๋า มีเพียงต้องสังหารพวกเขาให้ได้ ข้าถึงจะทำให้ฟ้าบุพกาลเริ่มต้นวงจรใหม่ได้”

อี๋เทียนเงียบงัน

บรรพชนมารเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เหลือเวลาไม่มากแล้ว ความอดทนของข้าใกล้จะสิ้นสุดแล้ว”

อี๋เทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง “ตกลง! ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยน้องชายข้า!”

หน้ากากของบรรพชนมารเริ่มบิดเบี้ยว พื้นผิวหน้ากากศิลาพลันปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด

“เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน!”

….

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาปิดด่านรวดเดียวแปดหมื่นปี

ใช่จริงๆ หลังจากอายุครบหนึ่งล้านปี ก็ไม่ปรากฏรางวัลทางเลือกทุกหนึ่งแสนปีอีก คาดว่าต่อไปนี้ล้วนต้องรอให้ครบหนึ่งล้านปีถึงจะได้รับโอกาสสักครั้ง

โชคดีที่หานเจวี๋ยแข็งแกร่งมากพอแล้ว ไม่ได้ปรารถนาในของรางวัลจากระบบมากนัก

เดิมทีเขาคิดจะฝึกบำเพ็ญต่อไป

แต่ระยะนี้ค่อนข้างรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง

เขานับนิ้วทำนาย กลับทำนายไม่พบว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน

น่าประหลาด

เขาคืออริยะมหามรรค เว้นแต่จะเกี่ยวข้องถึงตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเขา เช่นนั้นเรื่องราวสรรพสิ่งทั้งปวงล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู บางทีอาจจะหาคำตอบจากแวดวงสหายได้

[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านได้รับยอดสมบัติ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหานทั่วบุตรชายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[อี๋เทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียน] x78920

[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหานทั่วบุตรชายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฉินหลิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากอี๋เทียนสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[นักพรตเต๋ามิ่งอวิ๋นสหายของท่านสนทนาธรรมกับผู้ทรงพลังลึกลับ]

[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านพลัดหลงเข้าสู่แดนมหัศจรรย์ฟ้าบุพกาล ดวงชะตาเพิ่มพูน]

….

หืม

เกิดอะไรขึ้นกับหานทั่วและอี๋เทียน

หานเจวี๋ยเรียกรูปประจำตัวของทั้งสองออกมาตรวจสอบ พบว่าตบะของทั้งสองเพิ่มพรวดขึ้นไปถึงระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะปลายแล้ว

เร็วเหลือเกิน!

แต่ต่อให้เป็นเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะปลาย ก็ไม่ถึงขึ้นที่สามารถทำร้ายจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและโจวฝานจนบาดเจ็บสาหัสได้

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง

ในข้อมูลดวงชะตาของทั้งสองมีสถานะหนึ่งเพิ่มเข้ามา

ผู้สืบทอดบรรพชนมาร!

บรรพชนมารอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยใช้งานความสามารถวิวัฒนาการทันที

‘ข้าอยากทราบว่าบรรพชนมารที่หานทั่วและอี๋เทียนรับสืบทอดสมบัติคือผู้ใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่แสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[บรรพชนมารลู่หยวน: ระดับยอดมหามรรคระยะกลาง จิตมารบรรพชนเต๋า บรรพชนหมู่มารนับหมื่นพัน หนึ่งในเทพมารฟ้าบุพกาลยุคบรรพกาล]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ระดับยอดมหามรรค!

โผล่มาจากที่ใด

‘ข้าอยากรู้ว่าหากข้าต่อสู้กับบรรพชนมารลู่หยวนจะมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่แสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ท่านมีโอกาสหกสิบเปอร์เซ็นต์ในการสังหารบรรพชนมารลู่หยวนได้]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น

อันตรายเกินไป!

ลงมือกับคนผู้นี้ไม่ได้ ใช้ได้เพียงหนังสือแห่งความโชคร้ายเท่านั้น!

………………………………………………………………