“โอเค”ปาจรีย์พยักหน้า
วารุณีนั่งลงข้างเตียงคนไข้“ฉันน่ะ ฉันเหมือนกับเธอเลย ตอนแรก ไม่รู้ด้วยว่าพ่อของลูกเป็นใคร แต่เธอรู้ และพ่อของลูก ก็ยังเป็นคนที่เธอรักอีก ดังนั้นที่เธออยากเก็บลูกไว้ ฉันเข้าใจได้ แน่นอนว่า ฉันพูดแบบนี้ ไม่ได้กำลังแนะนำให้เธอเอาเด็กคนนี้ออก ฉันแค่อยากบอกเธอว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าเธอตัดสินใจออกมาแล้วจริงๆ จะเสียใจภายหลังไม่ได้”
“วารุณีพูดถูก”คุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีเสริมไป
วารุณีหัวเราะ“ลูกคนนี้ ลิขิตมาแล้วว่าจะไม่ได้รับความรักและการยอมรับจากพ่อเขา ดังนั้นเธออยากเก็บลูกไว้ ก็ต้องเป็นทั้งแม่ และพ่อ และเธอก็จะถูกลิขิตมาให้แข็งแกร่งมากขึ้น และยังต้องทิ้งหลายๆอย่างเพื่อลูกคนนี้ด้วย ถ้ามีความรักในอนาคต คุณอาคุณน้าพูดถูก ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะรับเธอที่มีลูกได้ และเธอเลี้ยงลูกคนนี้ ก็ไม่สามารถวางใจผู้ชายในอนาคตได้ใช่ไหมล่ะ?”
ปาจรีย์ละสายตาลงแล้วตอบอือ
วารุณีจับมือเธอไว้“ดังนั้นเธอจะยอมแพ้สิ่งนี้อย่างเดียวไม่ได้ ขณะเดียวกัน เธอก็ต้องยอมรับหลายๆอย่างมากกว่าคนทั่วไป เช่นการนินทาของคนอื่น การมองแรงของคนอื่น อย่างเช่นฉัน ไม่ว่าจะท้องอารัณกับไอริณ หรือว่าคลอดอารัณกับไอริณออกมาแล้ว คนข้างกายก็จะถามว่า พ่อของพวกเขาคือใคร ทำไมคุณไม่แต่งงานแล้วคลอดลูก และยังจะมีคนตำหนิเธอลับหลัง บอกว่าเธอไม่รอบคอบ ไปมั่วข้างนอก ถึงได้ท้องขึ้นมา พวกนี้ เธอรับได้เหรอ?”
“ฉันทำได้”ปาจรีย์กำมือแน่น พูดอย่างแน่ใจ:“วารุณี เธอก็ผ่านมาแบบนี้ เธอยังรับได้ ทำไมฉันจะรับไม่ได้ล่ะ?และก็เธอเข้าใจฉัน รู้จักความดื้อรั้นของฉัน ถ้าเส้นทางนี้ที่ฉันเลือกมันเดินผิดจริงๆ ฉันก็ไม่เสียใจ ฉันจะเดินต่อไป นี่คือฉัน”
“ฉันรู้”วารุณีพยักหน้า“แต่ว่าเธอรับสิ่งพวกนี้ได้ งั้นเธอรับคำถามจากลูกได้ไหม?ระหว่างที่ลูกเติบโต ต้องการคนเป็นพ่อนะ เธอจะต้องไม่อยากบอกลูกแน่ว่า พ่อเขาคือใครใช่ไหม ยังไงพ่อเขาก็ไม่รับเขา ดังนั้นเธอต้องไม่บอกเขา ให้เขารู้แน่ว่า เขาเป็นเด็กที่ไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อ เพราะว่าเธอกลัวลูกจะเสียใจ”
ปาจรีย์กัดริมฝีปาก ไม่พูดจา
เพราะว่าวารุณีพูดถูก คลอดลูกคนนี้มา เธอไม่บอกลูกแน่ ว่าพ่อของเขาคือใคร
สาเหตุหลักๆเลย ก็คือสิ่งนี้
“ดังนั้นปาจรีย์ ความอยากรู้อยากเห็นของลูกนั้นสำคัญมาก ยิ่งเธอไม่พูด เขาก็ยิ่งอยากรู้ อย่างเช่นอารัณ เมื่อก่อน เขาก็เคยถามฉันว่าพ่อของเขาคือใคร ฉันก็ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร เห็นเขาคาดหวังกับพ่อมาก ในใจฉันก็ยิ่งเสียใจ เพราะว่าฉันไม่สามารถบอกเขาได้ ว่าพ่อเขาคือใคร ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่สามารถให้พ่อเขาได้ ดังนั้นเห็นลูกไม่ได้คำตอบ ความรู้สึกสูญเสียอย่างนั้น ในใจนั้นเสียใจยิ่งกว่าเอามีดมากรีดอีก”
วารุณีลูบหน้าอกตัวเองแล้วพูด
ปาจรีย์หัวเราะอย่างขมขื่น“วารุณี ที่จริงที่เธอพูดพวกนี้ ฉันรู้นะ เพราะว่าเธอประสบเรื่องพวกนี้มา ฉันเห็นกับตาเอง ดังนั้นฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เก็บเด็กไว้ ฉันจะเจออะไรบ้าง แต่ฉันอยากบอกว่า ฉันมั่นใจพอว่าจะให้ความรักเป็นสองเท่าแก่ลูกได้ ทำให้เขาสามารถไม่ต้องการพ่อได้ และฉันก็เตรียมใจแล้วว่าต่อไปจะถูกคนนินทา”ปาจรีย์สูดหายใจลึกๆแล้วพูด
วารุณีพยักหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นเธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้?”
ปาจรีย์ละสายตาลงไป“อือ ฉันอยากเก็บไว้ ตอนแรกฉันก็ยังคิดเกี่ยวกับมัน ตอนนี้ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะเก็บเขาไว้ ฉันกับพงศกรเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ฉันเก็บลูกของฉันกับเขาไว้ได้ อย่างน้อยแบบนี้ ความรู้สึกที่อยู่ในใจนี้ ก็สามารถจบสิ้นลงได้”
ลูกคนนี้ เป็นรางวัลสุดท้าย ที่เธอรักพงศกรมาอย่างขมขื่นถึงสิบกว่าปีละกัน
คิดไป ปาจรีย์ก็ลูกท้องแล้วยิ้มบางๆ“และสัญชาตญาณฉันก็บอกฉันว่า ถ้าฉันไม่เก็บเขาไว้ ฉันอาจจะเสียใจไปทั้งชีวิต”
“ใช่ เสียใจ”วารุณีตบหลังมือเธอ“ฉันก็คิดเช่นนี้ ตอนนั้นฉันก็คิดจะเอาอารัณกับไอริณออก แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้เอาออก ที่จริงตอนนั้นที่เลือกไม่เอาออก ฉันก็คิดว่า ฉันทำแบบนี้สรุปผิดหรือไม่ อนาคตจะเสียใจไหมที่เลือกแบบนี้?ความจริงพิสูจน์แล้วว่า ถ้าตอนนั้นเลือกเอาออก คงเสียใจจริงๆ”
“เธอดูสิ เธอยังคิดแบบนี้ ต้องรู้ว่าตอนนั้น เธอยังไม่รู้เลยว่าเด็กเป็นลูกใคร แต่ฉันกลับรู้ ดังนั้นฉันจึงยิ่งไม่อยากเอาเขาออก ฉันไม่อยากให้อนาคตต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเสียใจ ถึงคลอดเด็กคนนี้ออกมา อนาคตอาจจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่เสียใจ”
ปาจรีย์พูดไป ก็มองพ่อแม่ที่อยู่ตรงข้ามไปด้วย“พ่อ แม่ ได้โปรดอนุญาตให้ฉันทำตามอำเภอใจเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ เด็กคนนี้ ให้ฉันเก็บไว้ได้ไหม?เพื่อเขาแล้ว ฉันจะใช้ชีวิตอย่างดี ไม่ทำเรื่องโง่ๆอีก”
คุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีมองลูกสาวที่จริงจังแบบนี้ หลังจากสบตากัน ก็ถอนหายใจ
คุณพ่อประสิทธิ์พูด:“ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้ว งั้นลูกก็เก็บเขาไว้เถอะ พ่อแค่หวังว่าอนาคตลูกจะสามารถเป็นอย่างที่ลูกพูดตอนนี้ ไม่เสียใจก็พอ”
“ไม่มีทาง!”ปาจรีย์พยักหน้าอย่างแน่ใจ
เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าตัวเองทำอะไร
การเลือกของเธอนี้ ไม่ได้เป็นอะไรที่บุ่มบ่าม แต่ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว ถึงได้ตัดสินใจ
คุณแม่ปารวีมองปาจรีย์“ในเมื่อจะไม่เสียใจภายหลัง งั้นก็ตามนี้ รอเด็กคลอดออกมา ดูแลเขาให้ดี”
“อือ ขอบคุณค่ะพ่อแม่”ปาจรีย์จากที่ร้องไห้ก็ยิ้มแย้มออกมา
วารุณีลูบผมเธอ“ยินดีด้วย จะเป็นแม่แล้ว”
“ขอบใจนะวารุณี”ปาจรีย์มองวารุณีแล้วยิ้ม
ในห้องจากนั้น วารุณีก็อยู่กับเธอตลอด
จนฟ้าใกล้จะมืด นัทธีพาลูกทั้งสองคนมารับเธอที่โรงพยาบาล เธอจึงออกไปกับสามคนพ่อลูก
บนรถที่กลับไปโรงแรม วารุณีจูงมือของนัทธีแล้วพูด“สุดท้ายปาจรีย์ก็ตัดสินใจเก็บเด็กคนนั้นไว้”
“เป็นเรื่องที่คาดคิดไว้แล้ว”มือข้างหนึ่งของนัทธี ไถแท็บเล็ตแล้วตอบกลับ
วารุณีเลิกคิ้ว“คุณเดาได้นานแล้ว?”
“ประมาณนั้น ปาจรีย์รักพงศกร รักมาสิบกว่าปี ถึงแม้ถูกทำร้ายมาหลายครั้ง ก็ไม่ตายใจจากพงศกรเลย เธอรู้สึกกับพงศกร ไม่ใช่ความรักที่แสนบริสุทธิ์แล้ว ที่มากกว่านั้น มันเป็นความหมกมุ่น ไม่เต็มใจ เพราะว่าที่ทุ่มเทไปสิบกว่าปี ไม่ได้การตอบรับที่เท่าเทียมกันกลับมา เธอติดอยู่กับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขและออกมาได้ แต่เด็กคนนี้ เป็นกุญแจดอกนั้นที่ปล่อยเธอออกมา”
นัทธีพูดออกมา พูดนิ่งๆ
วารุณีเอียงหัวอย่างสงสัย“ยังไง?”
“ผมบอกแล้วไง ความรู้สึกสิบกว่าปีของปาจรีย์ ไม่ได้แลกมาด้วยความตอบสนองที่เท่าเทียมกันของพงศกร สำหรับเธอแล้วพงศกรนั้น ได้กลายเป็นความหมกมุ่น และยังเป็นความหมกมุ่นที่เดินออกมาไม่ได้ แต่ตอนนี้ พงศกรก็มีลูกให้เธอ การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ ทำลายของความหมกมุ่นของปาจรีย์”
นัทธีวางแท็บเล็ตลง“เพราะเด็กคนนี้ ทำให้ปาจรีย์เข้าใจว่า ความรู้สึกสิบกว่าปีที่เธอจ่ายไปให้พงศกร ไม่ได้สูญเปล่า ความรู้สึกของเธอ ถึงไม่ได้บานออก แต่ก็ออกผล”
“ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีเงยคางขึ้นอย่างเข้าใจทันที“ความทุ่มเทสิบกว่าปี ความรู้สึกสิบกว่าปี ถ้าสุดท้ายไม่ได้อะไรมา ปาจรีย์ก็จะออกมาไม่ได้เลย จะติดอยู่แต่กับความสัมพันธ์นี้ แต่ตอนนี้พงศกรมีลูกให้เธอ ทำให้ปาจรีย์รู้ว่า ความรู้สึกที่เธอทุ่มเทไป ได้รับการตอบสนองมาเช่นกัน หมายความว่าความรู้สึกของเธอไม่ได้ทุ่มเทอย่างสูญเปล่า เธอสามารถปล่อยไปได้แล้ว”