บทที่ 738 เจอสุขใจ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เพราะว่าพวกเขาไม่อยากให้ตอนที่สุขใจกลับประเทศมา ไม่ได้เจอพ่อแม่ของตัวเอง และไม่ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่

ถึงแม้สุขใจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่พวกเขาในฐานะพ่อแม่ ก็จะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้

ดังนั้น ทำให้สุขใจกลับประเทศช้าไป

ส่วนช้าไปนานแค่ไหนนั้น ตอนนั้นวารุณีกับนัทธีไม่ได้ปรึกษากันอย่างละเอียด

คิดไม่ถึงว่า นัทธีจะเซอร์ไพรส์เธอ ให้สุขใจกลับประเทศมาแล้ว

คิดถึงตรงนี้ วารุณีก็กำมือ เบ้าตาแดงก่ำ มองชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“สามี คุณ……”

นัทธีรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จึงกอดเธอไว้แล้วตอบไปเบาๆ:“เมื่อวาน เมื่อวานเช้า ผมให้ทางต่างประเทศส่งสุขใจกลับมา วันนี้สี่โมงเย็น สุขใจก็มาถึงแล้ว พอถึง ก็ย้ายมาที่นี่ทันที เพราะว่าตอนนี้สุขใจยังออกจากตู้อบไม่ได้”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจ

เมื่อวานให้สุขใจกลับประเทศ วันนี้สุขใจก็มาถึงแล้ว

และเขายังปกปิดได้เนียนมาก ไม่ได้บอกเธอเลย

เหมือนจะอ่านความคิดในใจของวารุณีออก นัทธียกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตาเธอเบาๆ“ขอโทษ ผมแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณ”

“เซอร์ไพรส์จริงๆ”วารุณีก็ยิ้มออกมา”การกลับมาของสุขใจ ทำให้ฉันดีใจที่สุด เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุด สามี ขอบคุณค่ะ”

เธอโผเข้าหาอ้อมแขนชายหนุ่ม กอดชายหนุ่มไว้แน่น

ชายหนุ่มก็กอดเอวเธอไว้ ลูบผมของเธอ ปลอบเธอเบาๆ“ไม่ต้องขอบคุณผม สุขใจก็เป็นลูกผม เรื่องพวกนี้ผมควรทำอยู่แล้ว”

ด้านข้าง เด็กทั้งสองคนมองเห็นพ่อกับหม่ามี๊กอดกัน ก็พอจะเข้าใจอะไร

ไอริณชี้แล้วมองไปที่อารัณ ถามเสียงเล็กๆ“พี่คะ พ่อกับหม่ามี๊หมายความว่า น้องชายกลับมาแล้วเหรอ?”

อารัณพยักหน้าแรงๆ มือเล็กๆสองข้างก็กำเข้าไว้ด้วยกัน ใบหน้ามีความดีใจที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้“ใช่ น้องชายกลับมาแล้ว อยู่ข้างใน”

ตอนที่พ่อไปรับพวกเขาที่โรงฝึกซันดา บอกว่าจะพาพวกเขาไปที่หนึ่ง เซอร์ไพรส์พวกเขากับหม่ามี๊

ตอนนั้น เขาก็เดาได้ว่าต้องเกี่ยวกับสุขใจแน่

เพราะสำหรับหม่ามี๊แล้ว อย่างเดียวที่เรียกว่าเซอร์ไพรส์ได้ ก็คือสุขใจ

“ดีจัง”ไอริณได้ยินคำตอบของอารัณ ก็ปรบมืออย่างดีใจแล้วกระโดดขึ้นมา“น้องชายกลับมาแล้ว ไอริณได้เจอน้องแล้ว”

“ใช่”อารัณตอบอือ

วารุณีกับนัทธีได้ยินเสียงของพวกลูก ก็ปล่อยอีกฝ่าย

วารุณีถอยออกไปจากอ้อมแขนนัทธี เงยมองนัทธี“สามี พวกเราเข้าไปเถอะ ฉันก็อยากเจอสุขใจแล้ว”

ตั้งแต่สุขใจเกิดจนตอนนี้ เธอก็ได้เห็นสุขใจกับตาเพียงครั้งเดียว แล้วก็รีบกลับประเทศไปหาเขา

จากนั้น เธอก็ไม่ได้เจอสุขใจกับตาตัวเองอีก ได้แต่เจอในวิดีโอคอล

แต่ได้เจอในวิดีโอ ยังไงก็ทำให้ตื่นเต้นไม่เท่ากับเจอกับตา

ดังนั้นตอนนี้เธอ แค่อยากรีบเจอสุขใจไวๆเท่านั้น เธอรู้สึกแย่ต่อลูกชายคนเล็ก

“ไป”นัทธีจูงมือของเธอ พยักหน้า จากนั้นพาเธอเดินไปที่ประตูโรงพยาบาล

เด็กทั้งสองคนก็จูงมือกันอยู่ข้างหลัง

แป๊บเดียว สี่คนพ่อแม่ลูกก็ได้เจอหมอ

หมอคนนั้นวารุณีเคยเห็นแล้ว และคุ้นเคยมาก ตอนที่ท้องสุขใจ นัทธีจัดหมอที่ต่างประเทศให้รับผิดชอบตรวจเธอก่อนคลอด

จากนั้นคลอดสุขใจ หมอคนนี้ ก็กลายเป็นหมอประจำตัวของสุขใจ ดูแลสุขใจที่ต่างประเทศมาตลอด ปกติที่เธอวิดีโอคอลหาสุขใจ ก็เป็นหมอคนนี้ที่โทรมา

หมอคนนี้โค้งให้วารุณีและนัทธีเล็กน้อย พูดทักทาย“ประธานนัทธี คุณวารุณี”

“คุณหมอกฤต ลูกชายฉันล่ะคะ?ลูกชายฉันอยู่ไหน?”วารุณีรีบปล่อยมือนัทธีแล้วเดินเข้าไป จับแขนของหมอ ถามด้วยเสียงร้อนรน

นัทธีก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป“พาพวกเราไปเจอลูกก่อนทีครับ”

“ครับ”หมอพยักหน้า

วารุณีปล่อยเขา

เขาหันกลับเดินนำหน้าไป

นัทธีเดินเข้ามา จับวารุณีไว้อีกครั้ง“อย่าบุ่มบ่าม เดี๋ยวก็ได้เจอสุขใจแล้ว ไปเถอะ”

วารุณีฉีกยิ้มไป ตอบอือ“ค่ะ”

ถึงจะให้เธอใจเย็นลง แต่เธอจะใจเย็นได้ไงกัน

ยังไงนั่นก็เป็นลูกชายของตัวเอง

สี่คนพ่อแม่ลูกตามคุณหมอกฤตเดินผ่านทางเดินไปสองสามแห่ง หลังจากเลี้ยวมุมสองสามจุด ในที่สุดก็มาถึงนอกห้องทารกแรกเกิด

แต่ห้องทารกแรกเกิดนี้เป็นห้องใหม่ เป็นห้องที่นัทธีตั้งใจเปิดให้สุขใจโดยเฉพาะ ดังนั้นด้านในจึงมีแค่ทารกสุขใจคนเดียว

สุขใจอยู่บนโต๊ะตรงกลางที่สุดของห้อง บนโต๊ะตรงกลางห้องมีตู้อบอยู่ สุขใจนอนอยู่ด้านใน

สุขใจที่เจ็ดเดือนกว่า ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งเกิดที่ทั้งเล็กและแดง เหมือนกับลูกแมวที่ไร้ขน

สุขใจในตอนนี้ ได้หายแดงไปทั้งตัวแล้ว ผิวหนังนอกจากจะเหลืองเล็กน้อยแล้ว ก็ยังพอเหมือนกับทารกทั่วๆไป และขนาดตัวก็ใหญ่กว่าตอนที่คลอดออกมาด้วย

แต่เทียบกับทารกที่แข็งแรงครบกำหนด กลับยังเล็กกว่ามาก

แต่ว่าสุขใจแค่เจ็ดเดือน ยังต้องให้โตอีก อาจจะอีกสองเดือน ถึงขนาดตัวจะเทียบทารกที่คลอดมาปกติไม่ได้ แต่ก็พอๆกันมากขึ้นแล้ว

“สุขใจ……”วารุณีกำมือสองข้างแน่นแนบไปที่กระจก ตาสองข้างจ้องทารกในตู้กระจก อย่างไม่อาจละสายตาออกได้แม้แต่นิดเดียว

นั่นคือลูกชายของเธอ ลูกชายคนเล็กของเธอ

อาจเป็นเพราะหัวใจที่เชื่อมต่อกันของแม่ลูก ตอนที่เห็นเด็กชายคนนี้อีกครั้ง เธอก็แน่ใจได้เลยว่า นั่นเป็นลูกชายเธอ

“น้องชาย”ไอริณก็ทำท่าตามวารุณี กะพริบตาปริบๆมองทารกในตู้อบ ใบหน้าน่ารักนั้นเต็มไปด้วยความดีใจ“พี่ นั่นน้องชายแหละ”

เช่นเดียวกับวารุณี ถึงแม้ทารกในตู้อบ จะต่างโดยสิ้นเชิงกับน้องชายที่เธอเห็นเป็นครั้งแรก แต่เธอมั่นใจได้ว่า นั่นเป็นน้องชายของเธอ น้องชายที่เธอชอบที่สุด

อารัณก็มองทารก พยักหน้าไปมา“พี่รู้ นั่นสุขใจ เป็นน้องชายพวกเรา น้องโตขึ้นเยอะเลย”

“พี่คะ ทำไมน้องยังนอนอยู่ข้างในล่ะ เขาออกมาได้เมื่อไหร่เหรอ?”ไอริณหันหน้าไปมองอารัณ“ไอริณอยากลูบน้อง”

“เอ่อ……”คำถามนี้ถามแล้วกลับทำให้อารัณไม่สามารถตอบได้ อารัณที่ฉลาดมาเสมอ ตอบไม่ได้เล็กน้อย

ตอนนี้เอง ในที่สุดนัทธีก็ละสายตาออกจากตัวทารก มองไปที่หมอที่อยู่ด้านข้าง ถามคำถามที่ไม่ใช่แค่เด็กสองคนนี้อยากรู้ ขณะเดียวกันวารุณีก็อยากรู้ที่สุดด้วย“ลูกชายผม จะออกมาจากตู้อบได้เมื่อไหร่?”

คุณหมอกฤตดันแว่นแล้วตอบไปว่า:“ตอนนี้คุณชายน้อยเจ็ดเดือนกว่า ถึงแม้สภาพร่างกายสู้ทารกทั่วไปไม่ได้ แต่เนื่องจากได้รับการรักษาที่ดี ระบบร่างกายก็จะไม่แย่มากไป เดือนที่เก้า ก็สามารถออกมาได้”

“เก้าเดือน……”นัทธีเม้มริมฝีปาก“งั้นก็เหลืออีกเดือนกว่า”

“ใช่ครับ”คุณหมอกฤตพยักหน้า

ไอริณหักนิ้วนับ นับไม่ออกว่าหนึ่งเดือนกว่านี่กี่วัน ก็หงุดหงิดเล็กน้อย“พี่ ที่พ่อบอก หนึ่งเดือนกว่านี่นานแค่ไหนเหรอ?”

“สามถึงสี่สิบวัน”อารัณตอบ

ไอริณทำปากจู๋“นานขนาดนี้เลยเหรอ”

“ทำอะไรไม่ได้ ร่างกายของน้องแย่มาก ดังนั้นจึงต้องนานแบบนี้แหละ”อารัณพูดไป ก็มองทารกที่อยู่ในติอบแก้วอย่างสงสาร

นัทธีย่อตัวลง ลูบหัวลูกทั้งสองคน“อารัณ ไอริณ พวกลูกก็รู้ว่าร่างกายน้องแย่ เพราะว่าน้องชายคลอดออกมาก่อนที่จะถึงเวลาคลอด ดังนั้นน้องชายพวกลูกถูกลิขิตมาว่าชีวิตนี้จะไม่สามารถมีร่างกายที่แข็งแรงได้ ดังนั้นพวกลูกต้องปกป้องน้องชาย ดูแลน้องชายดีๆนะ”