“ไม่ใช่ตอนนี้”วารุณียักไหล่ “ เพราะการแข่งขันในรอบแรกเป็นการแบ่งกลุ่ม ไม่มีการคัดชื่อของผู้เข้าแข่งขันออก ดังนั้นก็จึงต้องเก็บเธอเอาไว้ก่อน รอรอบต่อไปค่อยคัดออก เพราะยังไงแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันเพราะการลอกเลียนแบบคนอื่นแน่ อย่างนี้มันไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ”
จุ๊บแจงไม่ใช่คนโง่ เธออยากได้ลำดับที่ดีขึ้น แน่นอนว่าก็ย่อมต้องลอกผลงานที่โดดเด่นพวกนั้น
และจุ๊บแจงเองก็เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องของการออกแบบ เมื่อเธอลอกแบบพวกนั้นแล้วได้มาซึ่งลำดับที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน เธอก็กำจัดผู้เข้าแข่งขันที่บริสุทธิ์คนอื่นไปด้วย
ดังนั้นมันจึงไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้น
หากผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นถูกคัดออกเพราะฝีมือจริงๆของจุ๊บแจง ก็ว่าไปอย่าง เพราะสำหรับผู้เข้าแข่งขันแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ลอกงานคนอื่นแบบนี้มันไม่ได้ !
ดังนั้น เธอจะพยายามอย่างเต็มที่ในการแข่งขันรอบถัดไป เพื่อคัดจุ๊บแจงออก
“แบบนี้นี่เอง” นัทธีพยักหน้าให้เล็กน้อย แสดงให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็พูดว่า “ เอาตามที่คุณว่าแล้วกัน ”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า
หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอีกสักพัก แล้วจึงวางสายไป
เพราะลูกน้อยทั้งสองคนก็ได้เวลานอนแล้ว นัทธีต้องไปเล่านิทานให้เด็กๆ เพื่อกล่อมให้เด็กน้อยเข้านอน
และเขาเองก็รู้ว่าเธออยู่ในระหว่างการเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์ ดังนั้นก็จึงอยากให้เธอรีบกลับไปพักผ่อน เพราะหลังจากนี้ คงจะต้องยุ่งมากๆแล้ว
กลับมาถึงที่คฤหาสน์ หลังจากที่วารุณีอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็มานั่งมองดูงานแบบของตัวเองที่ไม่ค่อยเป็นที่พอใจเท่าไร งานที่มีอยู่ละลานตาตรงหน้า สำหรับคนอื่นแล้ว มันเป็นผลงานที่ดีมาก แต่สำหรับเธอ กลับไม่พอใจกับมันเท่าที่ควร มุมปากเหยียดยิ้มเย้ยหยันออกมา
ผลงานพวกนี้ของเธอ ครอบคลุมหัวข้อเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นั้นก็หมายความว่า เธอเคยวาดภาพหัวข้อต่างๆมาแล้ว แต่เพราะไม่พอใจกับผลงานก็จึงเก็บภาพเหล่านี้ไว้ในบัญชีนี้เอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึก
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า ในการออกแบบหัวข้อต่อไป จุ๊บแจงอาจจะมาลอกงานแบบของเธออีกเป็นแน่
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอไม่ปล่อยจุ๊บแจงเอาไว้แน่
งานแบบพวกนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอาไปใช้ แต่ก็เป็นความอุตสาหะของเธอ ที่ระดมจากมันสมองออกมา แม้ตัวเองจะไม่ได้เอาไปใช้ ก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครเอาไปใช้เป็นเครื่องมืออย่างเด็ดขาด
เมื่อคิดได้ดังนี้ ดวงตาของวารุณีก็หรี่เล็กลง จากนั้นก็ปิดโน๊ตบุ๊ค ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไป
ตอนนี้มาเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะจุ๊บแจงก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่ต่อไปนี่สิ ถึงจะเป็นสิ่งที่จุ๊บแจงต้องเจอ
เธอจะทำให้จุ๊บแจงได้รู้ ของของคนอื่น ใช่ว่าเธอจะหยิบจับมันเอาไปได้ง่ายๆ
เมื่อเอาไปแล้ว ก็ต้องแลกกับราคาที่ต้องจ่าย !
ชั่วค่ำคืนผ่านไป เช้าวันรุ่งขึ้น วารุณีถูกเสียงเคาะของประตูปลุก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของลีน่า“วารุณี ตื่นหรือยัง ?”
เมื่อวารุณีได้ยินเสียงของเธอ คิ้วก็ขมวดมุ่น จากนั้นก็ลืมตาตื่น หันมองไปที่ประตู น้ำเสียงยังมีความงัวเงียอย่างชัดเจน“ยัง มีอะไรหรือเปล่า ?”
เสียงเคาะประตูจากทางด้านนอกก็หยุดลง เหลือเพียงเสียงของลีน่า“ งั้นก็รีบลุกได้แล้ว จะได้เวลาอาหารเช้าแล้ว อีกเดี๋ยวต้องไปสนามแข่งอีก”
“ได้ รู้แล้ว”วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้ว จากนั้นก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นนั่ง “ จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ ”
“อืม รีบๆล่ะ ฉันไปรอข้างล่างนะ ” หลังจากที่ลีน่าพูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินลงชั้นล่างไป
วารุณีอ้าปากหาว ดึงผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้น เดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากที่ชำระร่างกายแล้วเสร็จ เธอสวมใส่ชุดจั๊มสูทสุดเก๋ เปิดประตูและเดินลงไปชั้นล่าง
จั๊มสูทสีแดงเพลิง จากใบหน้าเดิมที่สวยงามอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำลายล้างมากขึ้น ทำให้ผู้คนที่พบเห็นถึงกับต้องหยุดหายใจ
ความงามที่เหนือชั้น ไม่มีอะไรมาเทียบได้!
ลีน่ากำลังนั่งอยู่บนโซฟาและเล่นโทรศัพท์อยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จึงหันไปมอง เห็นวารุณีที่สวยสง่าแบบนี้ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง “โอ้แม่เจ้า วารุณี เธอจะสวยเกินไปแล้ว ”
เมื่อได้ยินคำชมของเพื่อนรัก ใบหน้าของวารุณีก็อดที่จะเห่อร้อนไม่ได้ “พูดไปทั่ว”
“สวยจริงๆ”ลีน่าลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาแล้วจับมือของวารุณี เดินวนรอบๆตัวเธอ “วารุณี เธอเป็นผู้หญิง ที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย”
“ขนาดนั้นเชียว?” วารุณีเลิกคิ้ว
ลีน่าพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง“ฉันไม่ได้พูดเกินจริงเลย เรื่องจริง ผู้หญิงสวยนั้นมีมากมาย แต่สวยแบบเธอ ฉันก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ประธานนัทธีเป็นผู้ชายที่โชคดีจริงๆ ”
เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนี้ วารุณีก็อดที่จะขำไม่ได้ “ช่างพูดจริงๆ”
“ฉันไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ ประธานนัทธีเขาโชคดีจริงๆ พูดตามตรง ฉันก็โชคดีเหมือนกัน อันที่จริงแล้วฉันไม่เคยได้บอกเธอมาก่อน ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเธอ ฉันมีผลงานมากมาย เพราะเธอฉันถึงออกแบบมันมาได้” ลีน่าดึงเธอไปที่ตรงโซฟาแล้วพูดขึ้น
วารุณีประหลาดใจ “เพราะฉัน?”
“อืม”ลีน่าพยักหน้า “ใช่ เพราะเธอสวยมาก เมื่อเห็นเธอแล้ว ฉันก็จะมีแรงบันดาลใจที่ไม่สิ้นสุด เพราะแค่ฉันคิดว่า เธอใส่เครื่องประดับแบบไหนแล้วจะสวยที่สุด จากนั้นแรงบันดาลใจทุกอย่างก็จะประเดประดังกันเข้ามาในหัวสมอง อันที่จริงคงไม่ใช่แค่ฉันหรอก ฉันเชื่อว่านักออกแบบคนอื่นๆ ถ้าได้เห็นเธอก็น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้ เพราะการออกแบบคือการขุดค้นหาความงาม ต้องรู้ว่า การประเมินความสวยงามของแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน แต่เธอคือความสวยงามที่ทุกคนต่างก็ยอมรับ ดังนั้นนักออกแบบหลายๆคนที่เห็นเธอ ก็จะมีแรงบันดาลใจกันทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ วารุณีก็หัวเราะ และไม่คิดว่าคำพูดเธอนั้นผิดตรงไหน
พูดแบบไม่อวยตัวเอง เวลาที่เธอดูรูปของตัวเอง หรือส่องกระจก ก็มักจะเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาเหมือนกัน
“พอแล้วลีน่า อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย กินอาหารเช้ากันก่อนเถอะ เดี๋ยวยังต้องไปสนามแข่งอีกนะ ”วารุณีพูดพลางเอามือลูบไปที่ท้อง
ลีน่าพยักหน้า“ได้ ไปกินข้าวกัน ฉันหิวแล้วด้วย ”
ทั้งสองคนเดินไปที่ห้องอาหารพร้อมกัน
หลังจากที่ทานอาหารแล้วเสร็จ ทั้งสองก็ขับรถไปที่สนามแข่ง
ทันทีที่มาถึงทางเข้าของสนามแข่ง ทั้งสองก็เจอเข้ากับจุ๊บแจงที่กำลังลงมาจากรถเบนท์ลีย์
เมื่อเห็นเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์ดังของจุ๊บแจง รวมไปถึงการแต่งหน้าและทรงผมอันประณีตของเธอ แล้วมองรถที่อยู่ด้านหลังของจุ๊บแจง แววตาของวารุณีก็ปรากฏรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
ผู้หญิงคนนี้ แม้จะเป็นพวกบูชาเงิน แต่ก็แสร้งทำเป็นเหมือนคนไม่เห็นแก่เงิน
และตอนนี้ จุ๊บแจงคงถูกทายาทเศรษฐีปรนเปรอให้ไม่น้อย ลืมไปเสียสิ้นว่าตัวเองนั้นแสร้งทำเป็นคนไม่เห็นแก่เงินอยู่ ธาตุแท้ของคางคกขึ้นวอก็เผยออกมาจนหมดสิ้น
หลังจากที่วารุณีเหลือบมองไปยังจุ๊บแจงแล้ว ก็ไม่คิดจะสนใจอะไรเธอ
แต่ลีน่ากลับขมวดคิ้วแล้วมองไปที่จุ๊บแจง โดยเฉพาะกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่จุ๊บแจงสวมใส่ ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
สายตานี้ของเธอทำเอาจุ๊บแจงรู้สึกเจ็บแปลบ และยังไปจี้โดนจุดความต่ำต้อยในใจของจุ๊บแจงอีกด้วย
เพราะเธอรู้ดีว่า ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรือสง่าราศี อีกทั้งความสามารถและภูมิหลังทางครอบครัว เทียบไม่ได้กับผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้เลย
ดังนั้นเมื่อเธอเห็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมกว่าเธอ ใช้สายตาแบบนี้มองเธอ ในใจของเธอก็ย่อมจะรับไม่ได้
“ไปกันเถอะลีน่า ”วารุณีไม่อยากจะเสวนากับคนอย่างจุ๊บแจง จึงพูดกับลีน่าไปตรงๆ
ลีน่าพยักหน้าให้ “ ไปสิ ”
ทั้งสองกำลังจะเดินจากไป จุ๊บแจงกลับไม่พอใจ มือกอดอกแล้วพูดขึ้นว่า“คุณหญิงวารุณี เพิ่งจะเจอกันก็จะไปแล้วเหรอ ไม่ชอบหน้าฉันขนาดนั้นเลย?”
ขาของวารุณีหยุดลงทันที หันกลับมาด้วยใบหน้าที่คิ้วขมวด “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตาเลย ดังนั้นจะเรียกว่าชอบหรือไม่ชอบคงไม่ได้ เธอสำหรับฉันแล้ว เป็นแค่อากาศธาตุ เธอคิดว่าฉันจะให้ความสำคัญกับอากาศธาตุงั้นเหรอ?”
“นี่เธอ!”ใบหน้าของจุ๊บแจงบูดบึ้ง
ผู้หญิงคนนี้ เปรียบเธอกับอากาศธาตุงั้นเหรอ
คำพูดนี้ความหมายว่า ผู้หญิงคนนี้เห็นเธอไม่มีตัวตน เมื่อเทียบกับการไม่ชอบขี้หน้าแล้ว มันฟังดูแย่กว่ามาก
อย่างน้อย การไม่ชอบขี้หน้าเธอ ก็แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เห็นเธอเป็นอากาศธาตุ อย่างน้อยก็ยังมองเห็นเธออยู่
แต่เมื่อเปรียบเธอกับอากาศ มองไม่เห็นเธอ การดูแคลนและมองข้ามแบบนี้ มันทำเธอรับไม่ได้