บทที่ 691 ให้หน้า...ข้าสักหน่อย! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 691 ให้หน้า…ข้าสักหน่อย! (2)

หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาสั่นไหวราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากความฝันและฟื้นคืนสติกลับมา

“โอ้? รองเจ้าสำนักหรานเติ้งมาถึงแล้วหรือ? บินเร็วมากจริงๆ!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ขออภัย ขออภัย เป็นข้าผิดเอง เป็นข้าผิดเอง

เดิมทีข้าเริ่มตั้งกฎห้ามเอาไว้สำหรับร่างจำแลงนี้ เมื่อข้าเห็นใครบางคนทำการคารวะเต๋า สติของข้าก็จะกลับมาทันที”

แต่เขาก็ลืมไปว่ารองเจ้าสำนักหรานเติ้งกล่าวอ้างว่า เขาเป็นคนรุ่นเดียวกันกับจอมปราชญ์ โดยปกติแล้ว เขาย่อมจะไม่น้อมคารวะทักทายผู้อื่น

มันเป็นความผิดของข้าจริงๆ ข้าเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการเฝ้าดูเผาจื่อ[1]โง่ๆ กลิ้งไปบนหิมะโดยใช้ร่างจำแลงอื่นจนไม่ทันสังเกตเห็นการมาถึงของรองเจ้าสำนักหรานเติ้ง

รองเจ้าสำนักหรานเติ้งกล่าวอันใดหรือ?

รบกวนกล่าวอีกสักครั้งได้หรือไม่?”

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี บัดนั้นมันยิ่งเงียบงันมากกว่าเดิม

ในขณะนั้น เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งหมดแห่งสำนักเซียนเต๋าเวยต่างตกใจและโกรธ

พวกเขาทั้งหมดล้วนมาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาย่อมไม่พอใจที่รองเจ้าสำนักของพวกเขาถูกเยาะเย้ยเช่นนี้

เหล่าผู้เป็นเซียนจากสำนักตู้เซียน รู้สึกเพียงว่า เทพวารีแห่งศาลสวรรค์นั้นทรงพลังมากทีเดียว

พวกเขาไม่ได้สนใจผู้ทรงพลังโบราณเช่นหรานเติ้งอย่างจริงจังเลย

นี่อาจเป็นความมั่นใจของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของพวกเขาหรือไม่?

ในอีกด้านหนึ่งนั้น เจ้าสำนักตู้เซียน จี้อู๋โหย่วได้มองดูด้วยสายตาครุ่นคิด

เขาเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งเบื้องหลังคำพูดเหล่านี้ของเทพวารีอย่างละเอียดรอบคอบ

ในการเผชิญหน้าระหว่างปรมาจารย์เหล่าปรมาจารย์เช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคำพูดและการกระทำของพวกเขาจะมีความหมายเพียงผิวเผินเท่านั้น

ดูเหมือนว่า เทพวารีจะด่ากระทบกระเทียบหรานเติ้งว่าหยาบคายอย่างอ้อมๆ แต่ความจริงแล้ว มันอยู่ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น…

ใช่แล้ว เขาอาจจะด่าว่าหรานเติ้งว่า เป็นเผาจื่อโง่ๆ ก็ได้!

เหตุใดกัน?

ดูผิวเผินจากภายนอกแล้ว จี้อู๋โหย่วยังคงรักษาความสงบเอาไว้ ทว่าในใจของเขานั้น เขาก็คล้ายกับเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญกลุ่มเล็กๆ ที่นี่ พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความพิศวงงงงวย

ในขณะนั้นสีหน้าท่าทางของหรานเติ้งมืดทะมึนอย่างยิ่ง เวลานี้ เขาโกรธจัดจริงๆ

“เทพวารี เหตุใดเจ้าต้องลดระดับตัวเองลงถึงเพียงนี้ด้วย? เจ้ามาก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่! แล้วเจ้าไม่กลัวจะถูกผู้อื่นหมิ่นหยามหรือ?”

“เจ้าหมายความอันใด?” หลี่ฉางโซ่วถาม

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว เขาก็เริ่มหัวข้อเพื่อควบคุมการสนทนาอีกครั้ง และตะโกนออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

“รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง โปรดระวังคำพูดของเจ้าด้วย!

ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดสามสำนักบำเพ็ญเต๋ามาก แค่กๆ เจ้าปกป้องกลุ่มสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสามได้อย่างดียิ่ง เมื่อเจ้าได้เห็นสถานการณ์ตึงเครียดที่นี่ เจ้าย่อมต้องรู้สึกกังวลในใจอยู่บ้างจนทำให้กล่าวออกไปโดยไม่ทันคิด

ทว่าในยามนี้ ข้าก็ยังคงเป็นเทพผู้ชอบธรรมขั้นที่สามแห่งศาลสวรรค์ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการน้ำของทั้งสามอาณาจักร และมันย่อมไม่สำคัญว่าข้าจะลดระดับตัวเองลงหรือไม่

รองเจ้าสำนักหรานเติ้งกล่าวว่า ข้าก่อความวุ่นวายและกำลังถูกหมิ่นหยาม

เช่นนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องกิจการทางน้ำในทั้งสามอาณาจักรล้วนเป็นเรื่องวุ่นวายทั้งหมด และศาลสวรรค์อันยิ่งใหญ่ก็กำลังถูกผู้อื่นหมิ่นหยามไปด้วยเช่นกันหรอกหรือ?

ฟ่อ-

ด้วยสองคำนี้จากรองรองเจ้าสำนัก หรือว่า เจ้าไม่พอใจเต๋าสวรรค์และไม่อาจทนรับคำว่า ศาลสวรรค์ได้ ดังนั้นเจ้าจึงแอบหมิ่นหยามปรมาจารย์บรรพาจารย์เต๋าที่มีโองการให้สร้างศาลสวรรค์อยู่ลับๆ?

นี่เป็นบาปใหญ่หลวงนัก!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของจี้อู๋โหย่วก็กระตุกอย่างรุนแรงโนเวลพีดีเอฟ

สร้างวาทกรรมให้เป็นเรื่องใหญ่ หมายความว่าอย่างไร?

นี่เป็นคนสุดยอดมากจริงๆ สร้างวาทกรรมให้เป็นเรื่องใหญ่!

หรานเติ้งเพียงแค่กล่าวถ้อยคำส่งเดชออกไปสี่คำว่า ‘ก่อความวุ่นวาย’ เขาก็ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นหยามบรรพาจารย์เต๋าอย่างร้ายแรง!

หรานเติ้งจึงไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป เขาตวาดด่าออกไปทันทีว่า “เทพวารีช่างชาญฉลาดในการอ้างเหตุผลต่างๆ นานามาเถียงข้างๆ คูๆ มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ข้ามีความเคารพนับถือเจ้าสำนักเป็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และข้าก็ยิ่งเคารพท่านปรมาจารย์บรรพาจารย์เต๋าอย่างไร้ที่สิ้นสุด!”

“จริงหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เหตุใดข้าถึงไม่เชื่อเท่าใดนัก? หากเคารพปรมาจารย์บรรพาจารย์เต๋ามากเช่นนั้น รองเจ้าสำนักหรานเติ้งจะเลือกไม่ไปที่วังเมฆม่วงในระหว่างการเทศนาเต๋าทั้งสามครั้งหรือ?

โว้วๆ ถ้อยคำและการกระทำของรองเจ้าสำนักนั้นแตกต่างออกไป ข้าอดจะสงสัยไม่ได้

วันนี้เจ้าเอาแต่พูดว่า ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ในใจของเจ้ากำลังวางแผนว่าจะทำให้ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าแตกแยกและอ่อนแอลงได้อย่างไร!”

“อย่าให้ร้ายข้า!

เทพวารีพุ่งเป้ามาที่ข้า ผู้เป็นรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานมาอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้ายังใส่ร้ายให้ชื่อเสียงของข้าต้องเสื่อมเสียอีกด้วย เจ้าต้องการอันใด? เจ้าต้องการอันใดกัน!?!”

ดวงตาของหรานเติ้งฉายประกายเย็นวาบ เขาถูกสะกิดบาดแผลเข้าแล้วจริงๆ

“ข้าให้ร้ายเจ้าหรือ?” ทันใดนั้น ม้วนกระดาษเปล่าที่ไม่ธรรมดาก็ปรากฏขึ้นมาในมือของหลี่ฉางโซ่ว

ม้วนกระดาษนั้นฉายแสงสีทองกะพริบวิบวับและปล่อยพลังสะกดข่มแห่งเต๋าสวรรค์ออกมาเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วชูมันขึ้นสูงและกล่าวเสียงดังลั่น

“รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง เมื่อยี่สิบปีก่อน เจ้าแอบสั่งเต๋าเวยจื่อให้วางกับดักไปทั่วอาณาจักรหงหลิน วางแผนทำร้าย และตัดทางการดำรงชีพของสำนักตู้เซียนในวันนี้

ข้าได้รับความลับสวรรค์จากเต๋าสวรรค์แล้ว!

เจ้ากล้าสาบานกับเต๋าสวรรค์ต่อหน้าทุกคนแล้วให้ปรมาจารย์จอมปราชญ์และปรมาจารย์ทั้งหลายเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่า เจ้าซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และไม่เคยวางแผนทำร้ายสามสำนักบำเพ็ญเต๋าหรือไม่!?!”

หรานเติ้งกล่าวอย่างสงบว่า “เทพวารี เจ้ากล้าสาบานกับเต๋าสวรรค์ต่อหน้าผู้คนหรือไม่ว่า เจ้าไม่เคยพุ่งเป้ามาที่ข้า ผู้เป็นรองเจ้าสำนักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน?”

“รองเจ้าสำนักกลัวหรือ?”

“คนที่ควรกลัวนั้นน่าจะเป็นเทพวารี”

“ใช่แล้ว ข้ากลัวจริงๆ…”

กลัว… ยอมรับหรือ?