บทที่ 796 ความหมายต่างกัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 796 ความหมายต่างกัน

บทที่ 796 ความหมายต่างกัน

เซี่ยหนานอยากรู้จริง ๆ ว่าใครกันโทรหาอธิการ แต่ที่แน่ ๆ มันต้องเกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวเถียนแน่นอน จะเป็นไปได้ไหมว่าฝ่ายนั้นรู้ว่าเสี่ยวเถียนไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยโทรมาสนับสนุน?

หญิงวัยกลางคนอดมองเด็กสาวไม่ได้

เด็กหญิงคนนี้ต้องไม่ใช่เด็กธรรมดา ๆ แน่!

ทีแรกฮั่วซือเหนียนตั้งใจจะให้เด็ก ๆ กลับไปก่อน แต่ในเมื่ออธิการไม่ให้ไปเลยทำได้แค่อยู่รอ

“อาจารย์ฮั่ว เราไปกันเถอะ!” เสี่ยวเถียนเหมือนไม่อยากอยู่ต่อแล้ว

เรื่องราวในวันนี้วุ่นวายมากพอแล้ว เธอไม่อยากอยู่หรอกนะ

มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ายอมแพ้แล้วจะทำไมล่ะ?

ว่ากันตรง ๆ มันคือความถ่อมตัวของเด็กอายุ 14 ปีเท่านั้นแหละ ต่อให้เรียนซ้ำอีกปีแต่ตอนเรียนจบก็ยังอายุแค่ 18-19 ด้วยซ้ำ เป็นวัยที่คนอื่น ๆ เข้ามหาวิทยาลัยพอดี

“รอก่อนเถอะ อธิการบอกให้รอ เราต้องเคารพเขานะ!” ฮั่วซื่อเหนียนจ้องไปที่เซียวหย่วนหยาง

เขาอยากเห็นสีหน้าเจ้านี้ตอนมันรู้ว่าใครโทรมานัก

วันนี้เซียวหย่วนหยางตื่นเต้นมากจนไม่ได้สังเกตท่าทางเป็นกังวลของอธิการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนรับสายโทรศัพท์

แถมสายตายังคอยมองมายังเสี่ยวเถียนอยู่บ่อยครั้ง

ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนประมาทหรอก เพียงแค่ตื่นเต้นกว่าทุกครั้งที่เคยจนไม่ได้สนใจอะไร

แค่คิดภาพฮั่วซือเหนียนและซูเสี่ยวเถียนออกไปจากโรงเรียนก็ดีใจจนเนื้อเต้น

ขณะที่กำลังคิดไปต่าง ๆ นานา ในที่สุดอธิการก็วางสายเสียที

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปหาเสี่ยวเถียน แต่ก่อนหน้านั้นเหลือบมองโทรศัพท์อีกทีเพราะสงสัยว่าจะมีสายที่สี่อีกหรือเปล่า แต่โชคดีที่ไม่มีอีกแล้ว จึงไปหาเด็กสาวได้อย่างราบรื่น

“ซูเสี่ยวเถียน เรื่องในครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของทางมหาวิทยาลัยเองที่ทำให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉันขอโทษในนามของมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงด้วยนะ และในขณะเดียวกันก็จะจัดการบุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่คล้ายกันในอนาคตด้วย!”

จู่ ๆ อธิการกลับขอโทษเสี่ยวเถียนอย่างจริงจังจนทุกคนตกใจ

เกิดอะไรขึ้น?

พวกเขาต่างคิดสับสน

“…” นักศึกษาหนึ่ง

อธิการเข้าถึงได้ขนาดนี้เลยหรือ?

“…” นักศึกษาสอง

การปฏิบิติต่อนักเรียนหัวกะทิมันเป็นแบบนี้เองสินะ!

“…” นักเรียนสาม

สมกับเป็นท่านอธิการ เพื่อรักษานักเรียนดีเด่นเอาไว้ เขาไม่กลัวที่จะต้องลดตัวลงมาเลย!!

“…” อาจารย์เซี่ยหนาน

เหมือนคนที่โทรมาจะไม่ใช่คนธรรมดา! เราถามท่านอธิการดีไหมนะ?

“…” เซียวหย่วนหยาง

ท่านอธิการกินยาผิดขนาดหรือ? เรื่องแค่นี้ต้องทำให้ยิ่งใหญ่ด้วยหรือไง?

“…” ฮั่วซื่อเหนียน

ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือไง?

ท่านอธิการเห็นเสี่ยวเถียนยังคงเงียบก็ยิ่งร้อนใจ

“นักศึกษาเสี่ยวเถียน การจากพิจารณาก่อนหน้านี้เธอได้รับเลือกให้เป็นคนถือธงของมหาวิทยาลัยของเรา เพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทำให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเธอยังยินดีจะเข้าร่วมเดินขบวนกับจิ่งเฉิง เราจะแก้ไขรายชื่อให้ทันที แต่ถ้าไม่ยินดี…”

อธิการเอ่ยพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง

เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยินดีจะเข้าร่วมหรือเปล่า ได้เดินขบวนทหารในวันชาติเธอยินดีอยู่แล้ว และเชื่อว่าทุก ๆ คนก็เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่การกระทำของรองอธิการและตัวอธิการเองก่อนหน้านี้มันทำให้เธอลังเล

“ท่านอธิการ เพื่อนของพวกเราต้องเต็มใจอยู่แล้วสิ ใช่ไหมเสี่ยวเถียน?” จ้าวหงเหมยเพิ่งได้สติกลับมา

ท่านอธิการได้แสดงความรับผิดชอบแล้ว คราวนี้เพื่อนเธอก็สามารถกลับไปเข้าร่วมเดินขบวนได้แล้วล่ะ แน่นอนว่าตามปกติไม่มีทางปฏิเสธหรอก

แววตาอธิการเป็นประกายวาบเพียงครู่ก่อนจะหายไป

เพราะเรื่องนี้แหละ เลยทำให้ระหว่างมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงกับซูเสี่ยวเถียนเกิดรอยร้าว

ไม่รู้ด้วยว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อ

สาวน้อยคนนี้เพิ่งบอกด้วยซ้ำว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อเรียนใหม่ แล้วถ้าเขาปล่อยให้เธอลาออกไปจริง ๆ มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งอื่นก็คงพร้อมจะรับซูเสี่ยวเถียนทันที

ต่อให้ไม่ต้องเรียนซ้ำอีกปี ปัญหาทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายไปหมดแล้ว

“ท่านอธิการคะ สายที่คุณรับเมื่อกี้เกี่ยวกับหนูหรือเปล่าคะ?” เสี่ยวเถียนรู้สึกคาใจ

ทุกคนต่างมองไปที่เขา

แม้แต่ตัวอธิการก็เกิดสับสนจนหายใจไม่ออก สถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานในชีวิตเขาเจอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังรู้สึกกดดันจนพูดไม่ออกเสมอ

“ท่านอธิการครับ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะโทรมาเพื่อเชิญซูเสี่ยวเถียนไปเข้าร่วมพิธีสำคัญนี้?”

ฮั่วซื่อเหนียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง

จะเป็นไปได้ยังไง?

“อาจารย์ฮั่ว เลิกพูดจาล้อเล่นได้แล้ว นักศึกษาคนนั้นเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!” แต่เซียวหย่วนหยางไม่เชื่อ

มีโทรศัพท์โทรเข้ามาเชิญไปเข้าร่วมพิธีทั้งหมดสามสายหรือ?

เด็กนั่นเป็นใครกัน?

สิ้นประโยคท่านรอง ท่านอธิการก็ได้แต่พยักหน้า

“อาจารย์ฮั่วพูดถูกแล้วล่ะ”

เซียวหย่วนหยางสติหลุดไปเลย

ฮั่วซือเหนียนพูดจริง?

“นักศึกษาเสี่ยวเถียน สายแรกมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรกรรม ทางนั้นขอเชิญเธอเข้าร่วมเดินขบวนกับพวกเขาอย่างจริงใจ” น้ำเสียงอธิการหนักแน่นมากแต่ท่าทางไม่ยินดี

อธิการของมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมพูดอย่างจริงจังเลยว่า ต้องการให้ซูเสี่ยวเถียนเข้าร่วมเดินขบวนด้วย หากเกิดความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายให้ถือว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณพวกเราเลยแล้วกัน!

อธิการไม่กล้าแม้แต่จะพูดว่า ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้อยู่ในรายชื่อมหาวิทยาลัยเราประกาศด้วยซ้ำ

ทุกคนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอาการตกใจ

เรื่องการเข้าร่วมเดินขบวนทหารในวันชาติ ช่วงนี้กำลังมีกระแสเป็นอย่างมาก

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยทั้ง 6 แห่งในเมืองหลวงได้รับสิทธิให้เข้าร่วม โดยตัวแทนจากแต่ละที่จำนวน 100 คน ซึ่งจิ่งเฉิงคือหนึ่งในนั้น และมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมก็เช่นกัน

ได้ยินว่าที่นั่นคัดเลือกเด็ก ๆ จากผลงานด้านการเกษตร

แต่ไม่ว่ายังไง ขนาดมหาวิทยาลัยตัวเองที่ว่างยังไม่พอให้เด็กด้วยซ้ำ แล้วจะรับจากที่อื่นไปอีกทำไม?

ปฏิกิริยาแรกของเซียวหย่วนหยางคือ เขาต้องคิดว่าตนเองได้ยินผิดอย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าทางนั้นรับเด็กเพิ่มอีก คาดว่าสำนักงานอธิการมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมคงหัวหมุนกว่าพวกเราตอนนี้ด้วยซ้ำ

เผลอ ๆ ยกโขยงบุกไปหากันทั้งมหาวิทยาลัยเลยมั้ง

และประโยคต่อมาทำให้เซียวหย่วนหยางสับสนมากกว่าเก่า

“สายที่สองมาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทางนั้นแจ้งว่ามีรถแห่ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์การเกษตรโดยคัดเลือกจากทั่วประเทศ มีผู้สูงอายุ คนวัยกลางคน และเยาวชนจำนวน 66 คน กับนักวิทยาศาสตร์การเกษตรอีก 26 คนเสนอชื่อให้เธอเข้าร่วมน่ะ!”

รถแห่ผลผลิตอุดมสมบูรณ์?

ทุกคนอ้าปากค้าง!

เข้าร่วมเดินขบวนทหารกับร่วมขบวนรถแห่ไม่เหมือนกันเลยนะ

ฝ่ายหนึ่งขึ้นเวทีอย่างจริงจัง กับอีกฝ่ายเหมือนคนไปเดินผ่านงานเลยไหมล่ะ?