บทที่ 698 งานเลี้ยงสุราเล็กๆ (1)
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หายากที่จะเห็นหรานเติ้งต้องทนทุกข์ทรมาน เหตุใดหัวใจเต๋าของข้าถึงสบายยิ่ง!?!”
“หรานเติ้งผู้นี้ไม่มีพลังเวทแข็งแกร่งใดๆ แต่โคมนั้นก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ในร้านอาหารในเมืองแห่งดินแดนเทวะบูรพา
จ้าวกงหมิงกำลังลูบเคราและหัวเราะในขณะที่ชุดเกราะบนร่างของเขาสั่นกระเพื่อมอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
พวกเขาทั้งสามคนนั่งรอบโต๊ะกลมตรงกลางห้องส่วนตัวพิเศษที่กว้างขวาง ทว่าพวกเขาก็มีสามรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ข่งเชวี่ยนบริสุทธิ์สะอาดปราศจากมลทิน และเย่อหยิ่งในโลกมนุษย์ เขาเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ก้าวออกมาจากทะเลโกลาหลก่อนที่ความโกลาหลจะพัฒนาและเกิดปฐมโกลาหลขึ้น
เขามีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และไม่แยแสใดๆ
อาจารย์ลุงจ้าวยังคงเป็นบุรุษผู้กล้าเช่นเคย
ในขณะนั้นเขาอารมณ์ดีและยังคงยิ้มแย้มไม่หยุด เขาทำให้ผู้คนมีความสุขอย่างไม่อาจอธิบายได้
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ข้างๆ ในขณะนั้นเสื้อคลุมสีขาวและเส้นผมสีขาวของเขาเปล่งแสงสีขาวบางเบา
หากมีผู้ใดมองผ่านอย่างรวดเร็ว จะดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจ “ทุกสิ่ง” ของเทพแห่งอำนาจธรรมดาในศาลสวรรค์ได้
แต่เมื่อพวกเขากลับมารู้สึกตัว พวกเขาก็จะรู้สึกว่า นี่คือทะเลกว้างใหญ่ที่ล้ำลึกสุดหยั่ง…
พวกเขาทั้งสามคนต่างดื่มและพูดคุยกันที่นั่น แน่นอนว่า พวกเขาใช้พลังเวทที่ยอดเยี่ยมในการปกปิดความลับสวรรค์เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยินการสนทนาของพวกเขา
ข่งเชวี่ยนเอ่ยถามว่า “หรือว่า หรานเติ้งผู้นี้ไม่เป็นที่นิยมชมชอบเท่าใดนักในสำนักบำเพ็ญเต๋า?”
“ก็คงคล้ายๆ อย่างนั้น” จ้าวกงหมิงเดาะลิ้นของเขา
“เดิมทีสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานของเรามีแนวคิดที่แตกต่างกันในการรับศิษย์ เพราะท่านอาจารย์และอาจารย์รองมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์อาวุโสสองสามคนก่อนหน้านี้ก็สะสมความขุ่นเคืองและคับข้องใจเอาไว้บ้างแล้ว และมักจะมีเรื่องกระทบกระทั่ง ขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเล็กน้อย หรานเติ้งผู้นี้ก็จะเติมเชื้อไฟอยู่เบื้องหลังและกล่าววาจาเกินจริงจนทำให้พวกเราประสบปัญหาและความสูญเสียมากมาย”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “โดยผิวเผินแล้ว ดูเหมือนว่า การกระทำของหรานเติ้งจะยับยั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แต่ความจริงแล้ว มันทำให้ความขัดแย้งระหว่างกันลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เป็นผลให้คนจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋าลุกขึ้นยืนและจัดการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาสำนักเซียนแห่งดินแดนเทวะมัชฌิมา ต่อสู้กันเอง
พวกเขาใช้โอกาสนี้ประสานรอยร้าวระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ทว่าน่าเสียดายที่ท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ไม่อาจรักษาที่ต้นตอของปัญหาและจัดการอย่างถาวรได้…
ในท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังมีความขัดแย้งในแนวความคิด”
จ้าวกงหมิงถอนหายใจและกล่าวว่า “มีคนยืนยันเมื่อนานมาแล้วว่าจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอย่างแน่นอน แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร”
“มีเทพวารีไม่ใช่หรือ?”
ข่งเชวี่ยนกล่าวพลางเชิดคางไปที่หลี่ฉางโซ่ว และจ้าวกงหมิงก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าทำได้เพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็ยังคงแสวงหาความเงียบและสงบสุขอยู่เสมอ เราไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวกับกรรมได้มากนัก”
“วันนี้ข้าได้สั่งสอนบทเรียนให้หรานเติ้ง คงต้องมีศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานบ่นถึงเรื่องนี้กันอยู่บ้าง”
จ้าวกงหมิงลูบเคราของเขาพลางถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “ข้ากลัวว่า พวกเขาจะคิดว่านี่เป็นความพยายามร่วมกันระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินโดยจงใจไม่รวมสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน น้องชาย เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”
“ความจริงแล้ว มันก็ไม่ได้ร้ายแรงเพียงนั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
“ตัวข้าเองก็มีหลายสถานะในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ทุกคนในสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานล้วนรู้ดี
ต่อจากนี้ ข้าจะขอให้ศิษย์พี่เสวียนตูออกมาจากการปิดด่านและไปเยี่ยมศิษย์พี่กวงเฉิงจื่อในวังอวี่ซวี เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้”
จู่ๆ ข่งเชวี่ยนก็ถามขึ้นว่า “เขาจะไปเมื่อใด?”
“นั่นจะขึ้นอยู่กับการเตรียมการของศิษย์พี่เสวียนตู…”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงถามไปอย่างนั้นเอง” ข่งเชวี่ยนตอบอย่างสงบโนเวลพีดีเอฟ
จากนั้น เขาก็หยิบสุราเซียนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะมองมาก่อน ขึ้นมาจิบ
หลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนหัวข้ออย่างใจเย็นและถามจ้าวกงหมิงว่า “พี่ชาย ท่านไม่ได้ออกไปเดินเล่นรอบๆ ข้างนอกกับใครบางคนหรอกหรือ? แล้วไยถึงกลับมาเร็วเพียงนี้?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวกงหมิงก็มีสีหน้ามืดมนเล็กน้อยทันที เขาอยากจะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาก็หายไปเมื่อเพียงผ่านไปได้ครึ่งทาง แล้วกลายเป็นการถอนหายใจยาว
“ความจริงแล้ว เรื่องระหว่างชายหญิงนั้นเป็นปัญหามากกว่าการฝึกบำเพ็ญนับพันเท่า เฮ้อ…”
ข่งเชวี่ยนอดจะรู้สึกสนใจและตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง ไม่ได้
เขาเพียงอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วคิดกับตัวเองในใจว่า ‘ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น’
แต่ภายนอกนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิด แล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “พี่ชาย เกิดอันใดขึ้น? หากมีเรื่องใดไม่สบายใจ ท่านก็บอกข้าได้”
จ้าวกงหมิงส่ายศีรษะแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อจิบสุราเซียนที่หลี่ฉางโซ่วนำออกมา
เขายังคงนิ่งเงียบ
ชั้นเรียนเล็กๆ ของฉางโซ่วกล่าวไว้ว่า เวลาที่เห็นสหายของท่านแสดงสีหน้าเศร้าหมองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และเริ่มพูดสรุปๆ นั่นย่อมไม่ใช่ว่า อีกฝ่ายจะไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้
เพียงแต่เขาไม่มีอารมณ์จะพูด และอยากได้รับความสนใจมากขึ้นมากกว่านี้ก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวออกมาเท่านั้น
ภายใต้ความเงียบงันที่เสแสร้งนั้น กลับมีความปรารถนาที่จะระบายเรื่องราวในใจของเขาออกมาราวกับมีคลื่นยักษ์แฝงเร้นอยู่!
หลี่ฉางโซ่วถามอย่างกังวลว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชาย? หรือว่า ท่านมีเรื่องขัดแย้งกับเทพธิดาจินกวงไม่?”
จ้าวกงหมิงยิ้มขื่นและมองไปที่จอกสุราที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขากล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้จะบอกผู้อื่นอย่างไร แต่ศิษย์น้องหญิงจินกวงและข้า… ไม่เหมาะที่จะเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันจริงๆ
หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป มันย่อมจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของศิษย์น้องหญิงจินกวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฮ้อ” เขาถอนหายใจจากนั้น
ข่งเชวี่ยนกล่าวว่า “แล้วไยเราต้องสนใจว่าผู้อื่นจะพูดอะไรด้วยเล่า?
สิ่งมีชีวิตในยุคของข้า สามารถฝึกบำเพ็ญและเข้าใจเต๋าใหญ่ได้ก็เพียงพอแล้ว”
“สหายเต๋า คำพูดของเจ้ามีอคติเล็กน้อย ความจริงแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์ของผู้อื่นได้อย่างสมบูรณ์หรอก”
หลี่ฉางโซ่วยกตัวอย่างที่ด้านข้างว่า “หากมีคนเผยแพร่ข่าวเท็จว่า ศิษย์พี่เสวียนตูและเทพธิดาคนหนึ่งกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า…”
“เหอะ!”
ข่งเชวี่ยนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะดูว่า เป็นผู้ใดที่กล้าปล่อยข่าวลือและสร้างปัญหาลับหลัง!
ข้าจะทำให้มีชีวิตอยู่มิสู้ตาย!”
“ดูสิ” หลี่ฉางโซ่วผายมือออกและกล่าวว่า “สิ่งที่พี่ชายข้าใส่ใจก็คือ คนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะมีความคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้
เฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าใส่ใจศิษย์พี่เสวียนตู มันเป็นเพียงการที่ต่างคนต่างให้การเอาใจใส่กับสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกันเท่านั้น”