บทที่ 803 ตัวตนของซุนเสี่ยวอวี้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 803 ตัวตนของซุนเสี่ยวอวี้

บทที่ 803 ตัวตนของซุนเสี่ยวอวี้

ซื่อเลี่ยงมองท่าทางมีชัยของซุนเสี่ยวอวี้ด้วยความดูแคลน เสี่ยวเถียนอยากระเบิดหัวเราะออกมาดัง ๆ มันมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือนี่?

เสี่ยวอวี้ที่ทุกคนรู้จัก ใช่รู้จักในทางจอมคดโกงไหมนะ?

ซุนกังเก่งในการตั้งชื่อลูกจริง ๆ แล้วถ้ารู้ว่าลูกชายหลอกตัวเองแบบนี้ไม่โกรธจนตายเลยเหรอ?เสี่ยวเถียนคิดในใจ เธออยากรู้ว่าซุนกังเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหน และใหญ่ระดับไหนด้วย ไม่รู้ตำแหน่งคุณปู่รองสูงกว่าด้วยหรือเปล่า

เห็นได้ชัดว่าซุนเสี่ยวอวี้ภาคภูมิใจจนเชิดหน้าชูตา

“พวกแกรู้ก็ดี ฉันจะบอกให้แล้วกันว่าอย่าทำให้ฉันเคือง ส่วนเธอสาวน้อย เป็นบุญเธอแล้วนะที่ฉันชอบ!”

คนรอบข้างมองเด็กหนุ่มอย่างจนปัญหา และไม่อยากจะพูดอะไร ไม่รู้มีอะไรให้โอ้อวดหนักหนาเจ้าบ้านี้มันไม่ได้สืบข้อมูลมาก่อนหรือไง? เสี่ยวเถียนไม่ใช่คนธรรมดา มีผู้นำหลายคนที่หนุนหลังเธออยู่นะ

เธอไม่กลัวหรอกกับคนแบบนี้

เพราะผู้นำพวกนั้นแทบรอแย่งตัวเสี่ยวเถียนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แล้วผู้นำที่ซุนเสี่ยวอวี้ว่าจะใหญ่ได้เท่าคนฝั่งเสี่ยวเถียนหรือเปล่าล่ะ?

เด็กสาวมองท่าทางกวนประสาทของอีกฝ่าย ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือร้านอาหาร เธอคงจะเตะหมอนี่ก้นโด่งออกไปจากร้านแล้ว

“พี่รองไปกันเถอะ” ต้องมาคุยกับคนโง่แบบนี้ เสียทั้งเวลาเสียทั้งพลังงาน

ซุนเสี่ยวอวี้เห็นเสี่ยวเถียนเมินเฉยตัวเอง และหมายจะจากไปจึงรีบรั้งเอาไว้ อุตส่าห์มีสาวน้อยให้หมายตาทั้งที จะมาหนีไปซึ่ง ๆ หน้าได้ยังไงเล่า?

ซุนเสี่ยวอวี้ผู้ชินกับการเอาแต่ใจตัวเองลืมไปเลยว่าที่นี่คือเมืองหลวง

แต่แล้วก็ถูกซื่อเลี่ยงเข้ามาสกัดไว้ได้ทัน

“แกลองไปถามพ่อก่อนไหมว่าสร้างปัญหาที่นี่ได้หรือเปล่า!” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เขารู้จักซุนกังดี

ช่วงอยู่ลี่เฉิง เขาได้เจอคนรอบกายอาเขยมาไม่น้อย นั่นรวมถึงผู้นำที่ชื่อซุนกังด้วย ได้ยินว่าเขายศใหญ่ ที่จริงมันสูงกว่าอาเขยนิดหน่อยเอง และไอ้ความนิดหน่อยที่ว่านั่นแหละ ที่ทำให้อาเขยรู้สึกอึดอัดมาก

แล้วซุนเสี่ยวอวี้ชื่อมันเหมือนกับที่ทุกคนรู้จัก แต่ทุกคนในลี่เฉิงรู้ถึงการกระทำอันชั่วร้ายของชายผู้นี้

เขาอาศัยอยู่ในอำนาจของพ่อ จริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงคนชั่วโง่เขลาและไม่ได้เรื่อง เดี๋ยวนะ สภาพแบบนี้สอบเข้าจิ่งเฉิงได้ยังไง?

ซื่อเลี่ยงอดมองอีกฝ่ายไม่ได้

หลังจากขบคิดอย่างรอบคอบก็รู้สึกได้ว่าเจ้านี้ไม่มีทางได้เรียนแน่นอน

หรือว่า…

ยิ่งคิดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ

ซุนเสี่ยวอวี้ไม่รู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร จึงคิดสู้กลับ

“ไสหัวไปซะ!” ซื่อเลี่ยงกดเสียงต่ำ

ดีใจเหลือเกินที่กลับมา ไม่งั้นก็คงไม่รู้หรอกว่าน้องโดยไอ้พวกนี้รังแก แล้วไอ้ฉืออี้หย่วนที่สัญญาว่าจะปกป้องมัวแต่ไปทำอะไรอยู่? นี่คิดจะปกป้องน้องจริง ๆ หรือ? เหอะ ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด!

ฉืออี้หย่วนที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่หอและคิดจะไปหาเสี่ยวเถียนนั้นจามขึ้นมาอีกครั้ง ได้แต่นึกสงสัยว่าช่วงนี้เขาเป็นอะไร?

ซุนเสี่ยวอวี้เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย แต่ตอนนี้กำลังโดนบีบแขนอยู่ ความเจ็บปวดชั่วขณะหนึ่งทำให้เขาต้องละสายตาไปทางอื่น ทั้งยังต้องฟังคำของซื่อเลี่ยงด้วย

แต่เพราะความอวดดีนั่นละ เขาไม่ได้กลัวจริง ๆ หรอกนะ แถมเขายังไม่ไม่ใช่คนยอมเสียเปรียบด้วย สบโอกาสเมื่อไหร่จะต้องจัดการซูเสี่ยวเถียนให้ได้ ถ้าทำได้เมื่อไร มันก็คือหน้าที่เขาที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อฟังไม่ใช่หรือ?

ตอนนี้เจ้าตัวถึงกับตัดสินใจจะหาคนมาทำลายหออีหมิงแห่งนี้ในเร็ววัน! ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ย่อมจบไม่สวยแน่นอน

แต่เขาลืมไปเสียสนิทถึงสิ่งที่ซุนกงได้บอกไว้ก่อนมาที่นี่ ที่จริงไม่ใช่ว่าลืมหรอก ไม่ได้สนใจแต่แรกมากกว่า เรียกได้ว่าไม่ได้คำนึงถึงคำพูดจริงใจของพ่อด้วยซ้ำ

สิ่งเดียวที่อยู่ในใจเขาตอนนี้คือคำพูดของแม่ อย่าทำผิดต่อตนเอง

สองพี่น้องไม่รู้เลยว่าเด็กคนนั้นคิดจะจัดการกับพวกเขายังไง ตอนนี้กำลังนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ในเมื่อน้องสามีมาหา หลินหลินจัดการทำอาหารมาให้ 4 อย่าง และน้ำแกงอีกถ้วยอย่างกระตือรือร้น ก่อนวานให้พนักงานนำมาเสิร์ฟ

จากนั้นโส่วเวินก็มาปรากฏตัวที่เคาน์เตอร์ของร้าน

พวกพนักงานรู้จักเขาดี จึงยิ้มบอกสิ่งที่เสี่ยวเถียนได้แจ้งเอาไว้ให้ทราบ

โส่วเวินเข้าครัวไปหาภรรยา หลังจากคุยด้วยนิดหน่อยก็ทราบว่าซื่อเลี่ยงกลับมาแล้วเช่นกัน

“ขึ้นไปคุยกับซื่อเลียงกับเสี่ยวเถียนเถอะ ลูกค้ารออยู่อย่าเพิ่งมากวนกัน!” หลินหลินยิ้มก่อนผลักสามีออกไป

โส่วเวินเปิดประตูเข้ามาเจอน้องทั้งสองกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ที่จริงเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกมาก คนที่สนิทกับเสี่ยวเถียนที่สุดเหมือนจะเป็นน้องรองเสมอ ขนาดเสี่ยวอู่กับเสี่ยวเถียนเป็นพี่น้องทางสายเลือด ยังไม่สนิทเท่าซื่อเลี่ยงที่เป็นญาติกันเลย

ถ้าจะบอกไม่อิจฉาก็คงเป็นการโกหก แต่เพราะบางครั้งว่าเราเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องอิจฉาหรอก

“พี่ใหญ่ กลับมาแล้วเหรอคะ? พี่สะใภ้ยังบอกอยู่เลยว่าพี่จะกลับมาตอนเย็น” เสี่ยวเถียนยิ้มกว้างตอนเห็นพี่ชาย

ใบหน้าสดใสเป็นที่ต้องตาต้องใจผู้คนนัก ไม่แปลกใจที่ไอ้เวรซุนเสี่ยวอวี้อยากได้มาครอบครอง

เวรกรรมจริง ๆ จะซ่อนน้องสาวที่หน้าตาสวยขนาดนี้ยังไงดี?

“ได้ยินพี่สะใภ้บอกว่าพวกเธอมาก็เลยรีบน่ะสิ!” โส่วเวินทรุดตัวลงนั่งข้างน้องสาว

“พี่รอง พี่ดูสิว่าพี่ใหญ่มีภรรยาแล้วชีวิตดีขนาดไหนน่ะ เมื่อไรพี่จะมีพี่สะใภ้รองให้หนูล่ะ?” เสี่ยวเถียนยิ้ม

เพราะเสี่ยวเถียนเป็นคนพูดซื่อเลี่ยงจึงไม่ได้เขินอายสักนิด

เด็กคนนี้ ยิ่งโตยิ่งยุให้คนอื่นแต่งงานอยู่เรื่อย แต่ครอบครัวพี่ใหญ่ชีวิตดีจริง ๆ นะ เหมือนการแต่งงานจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ช่างเถอะ ตอนนี้อย่างเพิ่งคิดเลย การแต่งงานเป็นเรื่องของโชคชะตา คิดเฉย ๆ มันจะไปทำได้ได้ยังไง?

ในฐานะพี่ใหญ่ เขาเอ่ยถามชีวิตน้องชายที่ลี่เฉิงด้วยความเป็นห่วง “แล้วนี่มาถึงก็มาเรียนเลยหรือ? ยังไม่ได้กลับบ้าน?”

“บ่ายพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียนครับ เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้ ตอนเช้ามีเรียนน่ะ” ซื่อเลี่ยงส่ายหัว

จากนั้นก็ว่าต่อ “พี่ใหญ่ เสี่ยวเถียนโดนรังแกตอนผมไม่อยู่หรือเปล่า?”