บทที่ 705 การขอความช่วยเหลือจากแดนยมโลก (2)
ในขณะที่เขากล่าว หน้าม้าก็หยิบถุงเก็บสมบัติที่เขาเพิ่งเก็บไว้ ออกมาและเตรียมจะส่งคืนให้หลี่ฉางโซ่ว …
“เฮ้!”
หัววัวโบกมือและสกัดกั้นถุงเก็บสมบัติของหน้าม้าทันที
จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอก มันก็พอมีวิธีอยู่บ้าง เป็นเพียงว่า มันลำบากยิ่ง…”
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาและคลี่ยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบถุงเก็บสมบัติอีกสองใบออกมาและมอบให้ทูตเกี่ยววิญญาณทั้งสองคนตามลำดับ
“เช่นนั้นข้าขอรบกวนพวกท่านทั้งสองด้วย”
“พวกเราไม่สามารถยอมรับได้ เฮ้! พวกเราไม่อาจยอมรับได้ ดูนี่สิ… เราค่อยคุยกันก็ได้”
หัววัวถือถุงเก็บสมบัติเอาไว้ในมือและยัดส่วนแบ่งของหน้าม้าเข้าไปในกระเป๋าในอกของหน้าม้า
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือ ความเจ็บปวดจากนรกสิบแปดขุมนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หาไม่แล้ว ระเบียบของสวรรค์และปฐพีนี้ย่อมจะวุ่นวายไปหมด พวกเราทำได้เพียงช่วยเหลือและให้เขาต้องทนทุกข์น้อยลงเท่านั้น
เมื่อเขาถูกส่งไปยังนรกขุมใดก็ตามที่เขาจะต้องรับการตัดสินโทษหลังจากนี้ พวกเราก็จะจัดตำแหน่งของเขาให้อยู่ในมุม
สหายเต๋า เจ้าว่าเป็นอย่างไร มันใช้ได้หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าและพบว่า นางกำลังครุ่นคิด
นางค่อนข้างต่อต้านเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะนั้นนางไม่ได้ลุกขึ้นยืนหยัดต่อต้านเพื่อจัดการกับญาติของนางที่กระทำผิด เพื่อปกป้องความเป็นธรรมของสังคมอย่างชอบธรรม
พิษสงของนางอ่อนลงแล้วจริงๆ หรือ!?!
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกประทับใจอย่างไม่อาจอธิบายได้
จากนั้นเขาก็ส่งข้อความเสียงไปว่า “ศิษย์น้องโหย่วฉิน ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เองเถิด เจ้าไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้อีก”
“เจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวพลางพยักหน้ารับ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ก้าวออกไปข้างหน้าครึ่งก้าวและกระซิบกับหัววัวและหน้าม้า เขาฉวยโอกาสไถ่ถามรายละเอียดของนรกสิบแปดขุม และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่กล้ารับงาน
จ้าวผู้ปกครองของอาณาจักรมนุษย์ได้อาศัยโอสถอายุวัฒนะเพื่อยืดอายุขัยให้คงชีพอยู่ยืนยาวได้หลายร้อยปี
เมื่อพวกเขาสิ้นชีพ พวกเขาก็มักจะหาผู้ฝึกบำเพ็ญที่เชื่อถือได้สักหนึ่งหรือสองคนเพื่อนำดวงวิญญาณของพวกเขาไปยังแดนยมโลกเพื่อดูว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญเหล่านั้นจะสามารถจัดเตรียมการสำหรับชีวิตในชาติหน้าให้พวกเขาต่อไปได้หรือไม่
ทว่าเมื่อมันเกี่ยวข้องกับ ‘จักรพรรดิ’ ในโลกมนุษย์ แดนยมโลกก็จะเปลี่ยนท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตรตามปกติที่เคยเป็น และปฏิเสธพวกเขาอย่างจริงจังเด็ดขาด
หัววัวชี้แจงว่า “มันมีเรื่องเช่นนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน และในที่สุด ผลที่ตามมาก็คือ ต้องทัณฑ์แห่งสวรรค์โดยตรง
เจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกที่รับสินบนและผู้พิพากษาที่เขียนคำตัดสินได้ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยวิญญาณแท้แม้แต่คนเดียว
ส่วนจ้าวผู้ปกครองแห่งโลกมนุษย์ ล้วนมีโชคเหลืออยู่ พวกเขายืดอายุขัยของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเทียบเท่ากับการท้าทายเต๋าสวรรค์ …
ดังนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงโยนเขาลงไปในนรกขุมที่สิบแปดเท่านั้น ทว่าพวกเขาก็ยังสามารถได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์น้อยลงได้หากได้รับความยินยอมจากเต๋าสวรรค์”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ และถามโหย่วฉินเสวียนหย่าว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
“ข้าทำให้ท่านจ้าวแห่งแดนยมโลกต้องลำบากแล้ว” โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวพลางประสานมือและโค้งคารวะ
“ขอบคุณศิษย์พี่ ขอบคุณท่านทูตใหญ่ทั้งสอง”
“ไม่ต้องเกรงใจเพียงนั้น ฮี้!”
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่หัววัวและหน้าม้าแล้วกล่าวว่า “แม้เขาจะต้องถูกส่งไปยังนรกขุมที่สิบแปด แต่พวกท่านพอจะช่วยผ่อนปรนมากขึ้นอีกสักหน่อย และปล่อยให้พวกเราสองคนได้คอยเฝ้าดูจากด้านข้างได้หรือไม่?
โปรดถือเสียว่าให้ศิษย์น้องหญิงของข้าได้ส่งบิดาของนางก็แล้วกัน นางสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อตัดความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ของนางให้หมดสิ้นและเป็นการทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้ดีที่สุดต่อเขา”
“แน่นอน”
หัววัวตกลงและกล่าวอย่างไม่สบายใจว่า “ทว่าพวกเราก็ช่วยเจ้าได้เพียงเท่านั้นเอง แต่พวกเราก็ได้รับผลประโยชน์มากมายจากสหายเต๋า …
และสหายเต๋า โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับใต้เท้าเทพวารี”
“สหายเต๋าไม่ต้องวิตก” หลี่ฉางโซ่วตบหน้าอกพลางกล่าวว่า “ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับเทพวารีอย่างแน่นอน!”
ในที่สุด หัววัวและหน้าม้าก็สบายใจ พวกเขามองไปยังเครื่องปรุงรสจำนวนมากที่พวกเขาได้รับและอดจะยิ้มและลิงโลดใจไม่ได้
จากนั้นพวกเขาก็นำศิษย์ทั้งสองคนแห่งสำนักตู้เซียน ไปยังเมืองเฟิงตู
เดิมทีทั้งหัววัวและหน้าม้ามีสถานะเล็กน้อยอยู่ในหมู่เผ่าเวท ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้ใกล้ชิดกับเทพวารีแห่งศาลสวรรค์และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
ดังนั้น แดนยมโลกจึงให้ค่าพวกเขาอย่างมาก และพวกเขาทั้งสองคนจึงได้รับการยกย่องชื่นชมพิเศษสุดในแดนยมโลก
มันจึงไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขาจะจัดให้ราชาแห่งอาณาจักรมนุษย์ตัวเล็กๆ ได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์น้อยลงในนรกขุมที่สิบแปดด้วยคำพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเรียกวิญญาณของเหล่าองครักษ์หลายสิบคนในไข่มุกกักวิญญาณ…
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขากินเครื่องปรุงรสมากเกินไป หัววัวและหน้าม้าจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ พวกเขาแม้แต่ใช้แรงกำลังมากเกินไปด้วยซ้ำ
พวกเขาเรียกเจ้าหน้าที่จากแดนยมโลกกลุ่มใหญ่มาทันที และสั่งให้จัดเตรียมการกลับชาติมาเกิดของวิญญาณปกติเหล่านี้ ซึ่งวิญญาณของพวกเขาแต่ละคนก็ได้เข้าสู่สังสารวัฏ กลับชาติไปเกิดอยู่ในตระกูลที่ดี
หัววัวยังถามเหล่าองครักษ์อย่างกระตือรือร้นว่า พวกเขามีคำขอพิเศษใดๆ หรือไม่
ตัวอย่างเช่น หากพวกเขาคิดว่าในชีวิตนี้ การเป็นบุรุษนั้นมันเหนื่อยเกินไป พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนตำราแห่งชีวิตและความตาย แล้วอนุญาตให้พวกเขากลายเป็นสตรีในชาติหน้าได้
วิญญาณแท้นั้นไม่มีคุณสมบัติที่แน่นอน
หลี่ฉางโซ่วกะพริบตา ดูเหมือนว่า จะมีโครงการใหม่ในภัยพิบัติสังสารวัฏขององค์เง็กเซียนในอนาคต!
เขาสามารถให้กลอุบายใหม่ๆ แก่องค์เง็กเซียนได้อีกครั้ง
แค่กๆ มาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า
ประเด็นหลักในวันนี้คือการจัดการกับวิญญาณของราชาองค์ก่อน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วและโหย่วฉินเสวียนหย่าเดินตามหลังหัววัวและหน้าม้า แล้วแอบเข้าไปในตำหนักจ้าวแห่งแดนยมโลก
หลังจากนั้นไม่นาน วิญญาณของบิดาของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ถูกพาตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาระดับสูง…
ทันใดนั้นหัววัวและหน้าม้าก็พุ่งออกไปข้างหน้าทันทีเพื่อกระซิบสองสามคำ
จากนั้นผู้พิพากษาใหญ่ก็มองไปที่หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ที่มุมห้อง และพยักหน้าอย่างสงบ
“ในเมื่อศิษย์ของสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและศิษย์น้องแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่เทพวารีให้คุณค่า มาร้องขอ เช่นนั้น ข้าก็สามารถช่วยให้เขาพ้นจากสามหวาดกลัวห้าหวาดผวาได้”