บทที่ 707 ตำนานลึกลับแห่งวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 707 ตำนานลึกลับแห่งวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา (1)

เหตุใดข้าถึงเกิดความรู้สึกว่าแดนยมโลกนี้น่ากลัวเล็กน้อยขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้?

หลังจากออกจากเมืองเฟิงตูกับโหย่วฉินเสวียนหย่าแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงความสงบและค่อยๆ บินออกจากแดนยมโลก

จากนั้นเขาคว้าไหล่ของโหย่วฉินเสวียนหย่าเอาไว้ทันทีแล้วใช้หลีกลี้วารีเร้นกายอย่างรวดเร็ว…

“ศิษย์พี่?”

“ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่สำนักก่อน” หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงทุ้มต่ำ

“จู่ๆ ข้าก็มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการที่นี่”

“หากเสวียนหย่าพอช่วยได้…”

โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค แล้วนางก็สัมผัสได้ถึงความรวดเร็วของวิชาหลบหนี ดังนั้นนางจึงหยุดกล่าวอย่างชาญฉลาด

ดูเหมือนว่าในยามนี้นางไม่อาจช่วยศิษย์พี่ฉางโซ่วได้ รังแต่จะสร้างปัญหาให้เขาเดือดร้อนเท่านั้น

“ข้าจัดการได้ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียง

“กลับไปที่ฝึกบำเพ็ญที่สำนักเถิด แล้วอย่าลืมหาโอกาสบอกท่านอาจารย์ป้าเจียง[1]ว่า เจ้ามีความตั้งใจที่จะรับใช้ศาลสวรรค์ แล้วไว้ข้าจะบอกรายละเอียดส่วนที่เหลือกับเจ้า”

กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มเพ่งจิตจดจ่อไปอยู่กับการควบคุมวิชาหลบหนี และมุ่งความสนใจไปที่การกลับไปที่ร่างหลักของเขามากขึ้น

จากนั้นเขาก็วาดภาพเหตุการณ์ที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในห้องลับแห่งยอดเขาหยกน้อย

เขาวาดภาพสามภาพติดต่อกัน พวกนางเป็นสตรีในชุดสีดำที่กำลังร้องไห้อยู่ที่ทะเลสาบ

จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้กลมและไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นเป็นเวลานาน

เมื่อพบเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ในโลกบรรพกาล แล้วข้ามีปฏิกิริยามากเกินไปหรือไม่?

ไม่ ปฏิกิริยานั้นเป็นผลมาจากการที่หลี่ฉางโซ่วระงับความหวั่นไหวในหัวใจเต๋าของเขาเอง!

ในตอนนี้ ความเศร้าได้ปรากฏขึ้น และทำให้หัวใจของหลี่ฉางโซ่วรู้สึกหม่นหมองอย่างยิ่ง และเขาที่เป็นคนแปลกถิ่นในโลกบรรพกาลซึ่งมีชีวิตที่ดีในชาติก่อน ก็แทบจะหลั่งรินน้ำตาออกมา

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดบาปที่บุรุษจะร้องไห้ แต่หากเวลานี้เขาถูกหลอมรวมเข้ากับอักขระเต๋าที่น่าเศร้า มันก็จะทำร้ายหัวใจเต๋าของเขาให้บาดเจ็บเสียหายอย่างใหญ่หลวง…

พี่สาวผู้นั้นมีภูมิหลังอย่างไร?

นางขอให้ข้าช่วยนางหรือ?

พวกเขาอยู่ในแดนยมโลกและใกล้แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี…

หลังจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ได้เปรียบเทียบกับสถานการณ์เมื่อเขาขึ้นไปที่เกาะอมตะสังสารวัฏหลายครั้ง

ดูเหมือนว่า สิ่งพิเศษเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดนรกขุมที่สิบแปด

และความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ มีร่างที่ทรงพลังถูกกักกันอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด!

ทว่าไฉนถึงโจมตีสภาวะจิตใจของข้า?

ในขณะนั้นศิษย์น้องโหย่วฉินซึ่งมีอารมณ์แปรปรวนอย่างเห็นได้ชัดเจนและมีระดับฐานพลังค่อนข้างต่ำ แต่ก็ไม่ได้มีความผิดแปลกแตกต่างอะไรเลย

หลี่ฉางโซ่วบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้เพื่อคำนวณและค้นหาความลับสวรรค์ แต่เนื่องจากทักษะการหยั่งรู้ของเขามีจำกัด เขาจึงอนุมานได้ว่าสตรีผู้นั้นเป็น “วิญญาณ” แท้

สิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงรูปปั้นหินขนาดใหญ่สองรูปที่แบกสังสารวัฏหกวิถีเอาไว้บนหลัง

หรือว่า สตรีผู้ที่ขอให้ข้าช่วยคือ ต้าเต๋อโฮ่วถู่?

ทว่าไยต้าเต๋อโฮ่วถู่ถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?

เขาจำได้ถึงสถานการณ์ที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีเมื่อครั้งล่าสุด เขาได้ขาดการติดต่อกับมันในช่วงเวลาสั้นๆ

จากนั้นเมื่อเขาออกมาจากแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี เขาก็อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก

นอกจากนี้เมื่อราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงเข้าไปแล้วออกมาจากแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี พวกเขาก็ยังมีร่องรอยถูกกลั่นแกล้งอย่างชั่วร้าย[2]เผยออกมา…

มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ต้าเต๋อโฮ่วถู่อยู่ในแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี และมีความซุกซนเป็นพิเศษซ่อนอยู่

แล้วผู้ใดเป็นคนขอความช่วยเหลือ?

ผู้อาวุโสบนคลื่นผู้นั้นหรือไม่?

มันก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อพระมารดาศักดิ์สิทธิ์กล่าวถึงผู้อาวุโสคนนั้น นางก็ได้อธิบายชะตากรรมของผู้อาวุโสบนคลื่นผู้นั้นไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะต้องถูกเต๋าสวรรค์กำจัดไปอย่างสิ้นเชิง

คนที่โจมตีผู้อาวุโสนั้นน่าจะเป็นบรรพาจารย์เต๋า แล้วผู้เฒ่าที่ไร้ความปรานีเช่นบรรพาจารย์เต๋า จะทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้อย่างไร

เขาเพิ่งวาดภาพคนสามภาพและอยากทดสอบเต๋าสวรรค์ ทว่ามันก็ยังได้ผลลัพธ์คงเดิม…

มันตัดความเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิงว่าคนในภาพนั้นคือ ผู้อาวุโสบนคลื่นซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของเต๋าสวรรค์

แล้วสตรีผู้นี้คือใครกัน?

เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่คิดจะรักษาเรื่องนั้นเป็นความลับของเขา

ไม่เช่นนั้น มันอาจไปพัวพันกับกรรมแปลกๆ ได้

แล้วตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดี?

รายงาน!

หากมีปัญหา ข้าจะไปหาท่านอาจารย์!

ข้าจะรายงานสถานการณ์ไปยังวังดุสิต และจัดการความเสี่ยงที่ข้าต้องเผชิญด้วยตัวข้าเอง!

หากสตรีผู้นั้นเป็นคนอันตราย เขาก็จะเพียงได้รับข้อความช่วยเหลือเท่านั้นและไม่ได้ทำอะไรผิด

หลี่ฉางโซ่วเรียกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามตัวที่เป็นคนขนส่งและขอให้พวกเขานำภาพวาด มุ่งหน้าไปยังศาลสวรรค์ ทะเลบูรพา และวิหารเทพวารีทักษิณตามลำดับ

แม้หลี่ฉางโซ่วจะทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน แต่เขาก็ยังคงเพ่งจิตสนใจส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่ร่างหลักของเขา ซึ่งเอาแต่บีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อดูว่า สตรีที่เขาเห็นนั้นคือผู้ใด…

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ในขณะนั้นมีเสียงน้ำกระเซ็นในวิหารเทพทะเล ซึ่งเป็นจ้าวกงหมิงที่เพิ่งกลับมา

หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับพวกเขา จ้าวกงหมิงและเทพธิดาจินกวงขี่เมฆร่อนลงมาจากท้องฟ้า แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็เผยรอยยิ้มอย่างผ่อนคลายออกมาบนใบหน้า…

“พวกท่านทั้งสองคนได้คุยกันแล้วหรือไม่?”

ก่อนที่จ้าวกงหมิงและเทพธิดาจินกวงจะขี่เมฆร่อนลงมา พวกเขาก็พยักหน้ารับแล้ว

จ้าวกงหมิงยิ้มและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เป็นอย่างที่เจ้าว่า น้องชาย พวกเราสองคนควรได้ชี้อจงให้กันและกันฟัง”

“บัดนี้ จินกวงเข้าใจสิ่งที่เทพวารีกล่าวเมื่อวันก่อนนั้น กระจ่างแล้ว”

เทพธิดาจินกวงโค้งคำนับให้และกล่าวต่อว่า “ข้าหวังว่าจะได้พบศิษย์พี่กงหมิง และให้ความเคารพศิษย์พี่กงหมิงมากขึ้น แต่ข้าคงรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจที่จะคบกับเขาจริงๆ… ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อพวกท่านทั้งสองคนได้ตัดสินใจแล้วก็เป็นเรื่องดี”

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ใจเต้นรัว เขาจงใจแสดงสีหน้าลำบากใจและกล่าวเสียงเบาว่า “ในตอนนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะไม่อาจช่วยพวกท่านทั้งสองคนจัดงานฉลองได้แล้ว”

เทพธิดาจินกวงรีบกล่าวว่า “เทพวารี พวกเราไม่ควรรบกวนท่านในเรื่องนี้”

จ้าวกงหมิงถามว่า “จู่ๆ เจ้าได้พบปัญหาอะไรหรือไม่?”