บทที่ 708 ตำนานลึกลับแห่งวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 708 ตำนานลึกลับแห่งวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา (2)

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม “พี่ชาย ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับแดนยมโลกมากหรือไม่?”

“แดนยมโลก?”

จ้าวกงหมิงอดจะกล่าวอย่างสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ว่า “แดนยมโลกตั้งอยู่ในสมัยโบราณก่อนที่จะมีศาลสวรรค์ในเวลานี้

มันคือบรรพบุรุษของเผ่าเวท ต้าเต๋อโฮ่วถู่ ผู้เสียสละตัวเอง ได้กลายเป็นแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี

นางเป็นผู้นำทางในการเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีของดวงวิญญาณที่ไม่มีที่อยู่ใดในโลก ให้กลับมาเกิดใหม่เป็นสิ่งมีชีวิต

เพื่อปกป้องแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีและรักษาความมั่นคงของสังสารวัฏแห่งสามอาณาจักรและหกภพภูมิ[1] จึงได้สร้างแดนยมโลกขึ้นมา…”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านมีข้อมูลใดๆ ที่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่รู้หรือไม่”

จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งในขณะที่เทพธิดาจินกวงก็ช่วยเขาคิดเช่นกัน

ในไม่ช้า อาจารย์ลุงจ้าวก็ตัดสินใจลองดูและกล่าวว่า “ครั้งหนึ่ง ต้าเต๋อโฮ่วถู่เคยเป็นหนึ่งในสามสุดยอดปรมาจารย์ของบรรดาบรรพชนเผ่าเวททั้งสิบสองคน น้องชายพอรู้เรื่องนี้หรือไม่?

ในอดีตนั้น เป็นที่รู้กันว่า นางไร้เทียมทานเมื่อยืนอยู่บนพื้นดิน นางเป็นผู้ที่ใกล้เคียงที่สุดกับร่างเต๋าเซียนเทียนในบรรดาบรรพชนจอมเวททั้งสิบสองคน และนางเป็นผู้ดำรงอยู่ที่มีความเข้าใจในเต๋าผานกู่ลึกซึ้งที่สุด

ทว่าตั้งแต่หลังสมัยโบราณ ก็มีน้อยคนนักที่พูดถึงเรื่องนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็พยักหน้าและยังคงมองไปที่จ้าวกงหมิงด้วยความคาดหวัง

อาจารย์ลุงจ้าวรู้ในทันทีว่า เขายังกล่าวไม่ตรงประเด็น เขาจึงก้มศีรษะลงและคาดคำนวณต่อไป

เทพธิดาจินกวงกล่าวว่า “ข้าเองก็เคยได้ยินบางคนกล่าว ดูเหมือนว่า แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีนั้น จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มันเหมือนกับจานหยกสร้างสัมฤทธิ์ที่บรรพาจารย์เต๋าใช้เพื่อทำให้เต๋าสวรรค์สมบูรณ์

มีช่องโหว่ในเต๋าสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีช่องว่างในจานหยกสร้างสัมฤทธิ์ และดูเหมือนว่า แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีจะไม่สมบูรณ์แบบ มันมีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อยเช่นกัน”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

บัดนั้นเทพธิดาจินกวงซึ่งมีความเป็นผู้ใหญ่และรอบรู้มากขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่พบกัน ก็เผยรอยยิ้มเขินอายออกมา…

นางช่วยอะไรไม่ได้มากจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วรออยู่ครู่หนึ่งแล้วถามจ้าวกงหมิงว่า “พี่ชาย ท่านเคยเห็นองค์ราชินีโฮ่วถู่ในสมัยโบราณหรือไม่?”

“แน่นอน”

ดวงตาของจ้าวกงหมิงเต็มไปด้วยความทรงจำขณะที่เขาลูบเคราพลางยิ้ม

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ราชินีโฮ่วถู่เป็นคนใจดี แม้แต่ในช่วงมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจ นางก็ตั้งรับ คอยปกป้องเป็นส่วนใหญ่และแทบจะไม่ค่อยทำการสังหาร ครั้งหนึ่งข้าเคยโชคดีพอที่จะพูดคุยเรื่องเต๋ากับราชินีโฮ่วถู่

น่าเสียดาย…

ช่างเถิด เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเสียดาย นางตัดสินใจเลือกเองและยอมเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งมีชีวิตและพวกเผ่าเวท”

ขณะที่จ้าวกงหมิงกำลังกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็ได้คว้าพู่กันและหมึกมาจากโต๊ะแล้ว และด้วยการลงพู่กันเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็วาดรูปลักษณ์ใบหน้าด้านข้างออกมา

“พี่ชาย ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”

“นี่คือ ราชินีโฮ่วถู่ไม่ใช่หรือ?”

จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าไปเห็นภาพเช่นนี้จากที่ใด… น้องชาย เกิดอันใดขึ้น? สีหน้าท่าทางของเจ้าดูผิดปกติไป”

หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และเดินถอยกลับไปสองสามก้าวยังที่นั่งหลัก

ดูเหมือนว่า เรื่องนี้จะเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้แล้ว

……

สองชั่วยามต่อมา

ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็แน่ใจอย่างเต็มที่แล้วว่า สตรีผู้ที่ถูกพันธนาการ กักขังไว้ที่ทะเลสาบ แต่งกายด้วยชุดสีดำและเผยความเศร้าโศกอย่างไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็คือ ต้าเต๋อโฮ่วถู่ในตำนาน

จากนั้นเขาก็แสดงภาพคนทั้งสามให้จ้าวกงหมิงดูเป็นครั้งแรก และจ้าวกงหมิงก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า พวกนางล้วนคือ ราชินีโฮ่วถู่

จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ไปที่วังมังกรและถามถึงเรื่องนี้กับราชามังกร เขาใข้ความรู้ที่เก็บไว้ใน “หินคงชีพแห่งบรรพกาล” เพื่อการยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง

ในระหว่างดำเนินการนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้บอกความจริงกับจ้าวกงหมิง แต่ซ่อนเร้นเรื่องบางอย่างกับวังมังกร

เขาเพียงกลัวว่าวังมังกรจะเป็นกังวลไปเปล่าๆ เท่านั้น

ในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล ในขณะนี้ จ้าวกงหมิงและเทพธิดาจินกวงได้เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่ว

พวกเขาคนหนึ่งจับเครา ส่วนอีกคนหนึ่งก็บีบคาง พวกเขาทั้งคู่กำลังระดมสมองช่วยกันครุ่นคิดอย่างหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

จากนั้นจ้าวกงหมิงก็กล่าวว่า “ราชินีโฮ่วถู่ขอความช่วยเหลือจากเจ้า ว่าแต่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี?

ตามความลับสวรรค์ และทุกอย่างในแดนยมโลกก็เป็นปกติดี ไม่มีทีท่าว่าจะล่มสลายเลย”

“หรือว่า ความจริงแล้ว ราชินีโฮ่วถู่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากท่าน” ดวงตาของเทพธิดาจินกวงสว่างวาบขึ้น

“หรือว่า… เทพวารี บางที อาจเป็นหัวใจเต๋าของท่านมีปัญหา?”

หลี่ฉางโซ่วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้แล้วหลับตาลง

จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็เปล่งแสงสีเขียวจางๆ แล้วเสี้ยวหนึ่งของอักขระเต๋าที่บริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ก็ไหลเวียนออกมา…

ทันใดนั้นเทพธิดาจินกวงก็กล่าวชื่นชมว่า “สหายเต๋า ท่านได้ฝึกฝนหัวใจเต๋าไร้มลทินจริงๆ แต่จินกวงเพิ่งหลุดปากพลาดไปแล้ว”

จ้าวกงหมิงกล่าวว่า“ เหตุใดข้าถึงไม่ไปถามที่เกาะซานเซียน ให้คนอื่นๆ สักสองสามคนมาร่วมกันช่วยคิดก็ยังดีกว่าที่เราจะคิดอะไรไม่ออกและอับจนหนทางอยู่ที่นี่”

“พี่ชาย ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจัง

“ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพื่อไม่ให้บรรดาสิ่งมีชีวิตต้องตื่นตระหนก

ข้าจะไปถามศิษย์พี่เสวียนตู หรือขอให้เหล่าจื้อช่วยชี้แจงหาคำตอบ และข้าหวังว่าพี่ชายและสหายเต๋าจินกวงจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กับผู้ใดอีก”

“แน่นอน!”

จ้าวกงหมิงตกลงพร้อมเผยสีหน้าท่าทีจริงจัง จากนั้นเขาก็กล่าวอำลากับเทพธิดาจินกวงทันทีและเตือนหลี่ฉางโซ่วว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องของพวกเขาทั้งสองคนมากเกินไป แต่ให้หลี่ฉางโซ่วไปจัดการเรื่องสำคัญเช่นนี้ก่อน…

หลี่ฉางโซ่วเพิ่งส่งเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยสองคนที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ในโลกบรรพกาลจากไป

ในขณะนั้นร่างจำแลงของเทพวารีของหลี่ฉางโซ่วในศาลสวรรค์ก็ได้บินออกไปนอกวังดุสิตแล้ว

………………………………………………………………..

[1] สามอาณาจักรคือ สวรรค์ โลกมนุษย์ แดนยมโลก หกภพภูมิ ก็คือหกวิถีนั่นเอง ซึ่งเป็นภพที่วิญญาณไปเกิดใหม่ มี1. ภพเทวภูมิ หรือ ฉกามาพจรภูมิ คือภพภูมิแห่งเทพที่เต็มไปด้วยความสุข บางที่เรียกว่าแดนสุขาวดี 2. ภพมนุษยภูมิ คือถือกำเนิดมาในภพภูมิมนุษย์ จะมีรูปร่างหน้าตารวมถึงศีลธรรมแตกต่างกันไปเนื่องมาจากกรรมในอดีต 3. อสุรภูมิ เป็นภพภูมิของเหล่าปีศาจ อสุรา ผู้ก่อสงครามกับทวยเทพและสร้างความลำบากต่างๆให้แก่มนุษย์ 4. ติรยัคภูมิ หรือภพภูมิแห่งสัตว์เดรัจฉาน 5. เปรตภูมิ เป็นภพภูมิแห่งวิญญาณผู้หิวโหย ว่ากันว่าผู้ที่มาถือกำเนิดในภพภูมินี้ก็เพราะด้วยมีความอยากได้ใคร่ดีและยึดติดอย่างรุนแรง พวกเขาจะไม่มีร่างกาย ไม่อาจมองเห็นได้ หิวกระหายตลอดเวลา 6. นรกภูมิ ซึ่งผู้ที่จะมาในภพภูมินี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ทำกรรมชั่วมากมายหลายอย่าง