บทที่ 709 ตำนานลึกลับแห่งวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา (3)
เวลานี้ เหล่าจื้อไม่ได้อยู่ในวัง เขาออกไปท่องเที่ยว และหลี่ฉางโซ่วก็ได้พบกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในสวนด้านหลังอย่างง่ายดาย …
น่าเสียดายที่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก เขาเพียงแต่รายงานเรื่องนี้ต่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพื่อให้การปกป้องตนเองเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่ง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังรู้สึกว่า เรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเขาจึงเรียกแผนภาพไท่จี๋ออกมาแล้วใช้ทักษะการหยั่งรู้ทั้งหมดของเขาอย่างเต็มที่ และในที่สุดเขาก็สามารถสรุปออกมาได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
“ไม่มีปัญหากับแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี”
“เช่นนั้นแล้ว เป็นไปได้มากว่า ปัญหาคือ ราชินีโฮ่วถู่เอง” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างจริงจังว่า “ราชินีโฮ่วถู่คือ แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี และแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีก็คือ ราชินีโฮ่วถู่ ทั้งสองล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันมาตั้งแต่แรก
เมื่อความลับสวรรค์เปิดเผยว่า แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีนั้นยังปกติดี ดังนั้น ราชินีโฮ่วถู่ก็ย่อมเป็นปกติดี
ฉางโซ่ว เป็นเพราะอาจารย์อาทั้งสอง องค์เง็กเซียนและพระมารดาเสด็จไปยังโลกมนุษย์เพื่อสัมผัสกับภัยพิบัติความทุกข์ยากและมอบเรื่องของศาลสวรรค์เอาไว้ให้เจ้าจัดการหรือไม่?
เมื่อไม่นานมานี้ เจ้ากดดันตัวเองมากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาในหัวใจเต๋าของเจ้า เป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
“อืม… ข้าสบายใจจริงๆ แค่กๆ ไม่ใช่ว่าข้าไม่กังวลในเรื่องของศาลสวรรค์ แต่ศาลสวรรค์เองก็ไม่ได้มีอะไรให้ข้าทำมากนัก”
หลี่ฉางโซ่วอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนและกล่าวว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านสามารถไปเยี่ยมเยือนที่วังเซิ่งหมู่ของพระมารดาศักดิ์สิทธิ์ เทพีหนี่วา กับข้าได้หรือไม่ขอรับ?”
“แน่นอน นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มพลางพยักหน้า ทว่าตาม เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีกและเพียงกล่าวตกลงตามตรง
เป็นเรื่องยากที่หลี่ฉางโซ่วจะกระตือรือร้นและเร่งเร้ามากขนาดนี้
ในขณะนี้ ร่างหลักของเขาถูกซ่อนอยู่ในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เป็นคนขนส่ง เขาแอบรีบไปพบกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่วังดุสิตของศาลสวรรค์
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้ใช้แผนภาพไท่จี๋เพื่อทะลวงผ่านจักรวาลและตรงไปที่วังเซิ่งหมู่ของพระมารดาศักดิ์สิทธิ์ เทพีหนี่วา
ในไม่ช้าพวกเขาสองคน ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอย่างซึ่งยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการต่อหน้าผู้คน ก็ออกจากดินแดนเทวะทั้งห้าและไปปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่าที่มีดวงดาวประปราย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขี่เมฆ บินตรงไปยังจุดแสงสว่างเจิดจ้าพร้อมกับหลี่ฉางโซ่ว และก่อนที่พวกเขาจะบินไปได้ร้อยลี้ ก็มีแสงเซียนสาดส่องมาตรงหน้าพวกเขา
ทันใดนั้น ก็มีประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางเบา แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็เข้าไปในนั้น
จากนั้นพวกเขาก็มาถึงโลกใบเล็กที่งดงามอีกครั้ง พลังวิญญาณที่ล้นเหลือ สายลมโชยสดชื่น และเสียงหัวเราะที่ไร้กังวลกระจายอยู่ในสายลม ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจมากขึ้น
จากนั้นก็มีเทพธิดาสองคนขี่เรือเมฆสองลำมาและโค้งคำนับให้จากระยะไกล
หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ รู้แล้วว่า เหตุใดศิษย์พี่ทั้งสองคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินถึงมาที่นี่เจ้าค่ะ
ขอศิษย์พี่เสวียนตูโปรดรอในโถงตำหนักก่อน วันนี้พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ขอพบเทพวารีเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มพลางพยักหน้า เขาไม่เอ่ยวาจาใดแล้วไพล่มือไปไว้ที่หลังพร้อมกับตรงไปที่เรือเมฆ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และกระโดดขึ้นเรือเมฆอีกลำไป
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เตือนว่า “ศิษย์น้อง อย่าได้ไร้มารยาทต่อหน้าจอมปราชญ์”
“วางใจเถิดขอรับ ศิษย์พี่” หลี่ฉางโซ่วรับคำ พลางเหลือบดูมังงะในคลังเวทจัดเก็บของเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขา…
ในครั้งนี้ ข้าจะถูกราชินีจอมปราชญ์จองจำนานเพียงใดกัน?
ทว่าก็ยังมีข้อดีประการหนึ่ง คือ หากเขาถูกราชินีจอมปราชญ์ เทพีหนี่วา กักขังเอาไว้ในหอของโลกอันว่างเปล่านั้น เขาก็จะมีเวลาในการปรับสภาพจิตใจของเขาได้มากขึ้น
ภายในนั้น ใช้เวลาหลายร้อยปี แต่เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นสำหรับภายนอก…
ในขณะนั้น เรือเมฆสองลำได้เดินทางไปตามทางได้ครึ่งทาง และแยกออกจากกันท่ามกลางตำหนักต่างๆ
หลี่ฉางโซ่วได้ถูกนำตัวไปที่ทะเลสาบอันเงียบสงบ เขามาถึงเกาะกลางทะเลสาบ แล้วยืนอยู่หน้าหอ จากนั้นเขาก็ทำการคารวะเต๋า
“ขอน้อมพบราชินีจอมปราชญ์ขอรับ”
“เข้ามา”
เสียงเกียจคร้านดังขึ้นจากด้านหลังประตู ดูเหมือนว่า พระมารดาศักดิ์สิทธิ์จะเพิ่งตื่นขึ้น
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและพบว่า เทพธิดาที่นำทางได้หายไปแล้ว เขาจึงยกมือขึ้นผลักประตูไม้เปิดออกทันที
เบื้องหน้าของเขาคือ เยื่อบางๆ ที่ส่องแสงเป็นริ้วหลากสีสัน หลี่ฉางโซ่วก้าวเข้าไปในนั้นอย่างระมัดระวัง และรู้สึกว่าแทบจะไม่มีการเลื่อนไหลของเวลาในที่นี้
จากนั้น เขาก็มาถึงห้องที่คุ้นเคยอีกครั้ง สระน้ำที่คุ้นเคย ฉากกั้นห้อง พรม ของตกแต่ง…
ในขณะนี้ ราชินีหนี่วาซึ่งเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงหลวมๆ สีเหลืองนวลอบอุ่น กำลังลอยอยู่ในสระโดยมีเบาะลมอยู่ข้างใต้นาง
มีการ์ตูนมังงะที่หลี่ฉางโซ่วเขียนให้ กำลังลอยอยู่ตรงหน้านาง มีผลไม้ อาหารเลิศรสทุกชนิดลอยอยู่ข้างๆ นาง และยังมีน้ำผลไม้เย็นที่เทพธิดาโปรดปรานอีกด้วย
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น
ไม่เพียงแต่ไม่มีวาซาบิ[1]ในโลกบรรพกาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการยากที่จะทำให้วิธีการทำซาซิมิ[2]สมบูรณ์แบบอีกด้วย
นอกจากนี้ยังไม่มีน้ำแห่งความสุข[3]ในหอนี้เช่นกัน จึงทำให้วิถีแห่งหอนี้สูญเสียความรู้สึกสนุกสนานไปเล็กน้อย
แค่กๆ มาลงมือทำงานจริงจังกันเถิด
“ราชินี…”
“เจ้าเคยพบโฮ่วถู่หรือไม่?”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาก้มศีรษะลงและไม่กล้ามองมากกว่านี้ต่อไป
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้ามาพบท่านที่นี่ในครั้งนี้เพราะอยากขอให้องค์ราชินีช่วยอธิบายคลายข้อสงสัยของข้าให้ด้วยขอรับ”
เทพธิดาในสระเอ่ยถามอย่างสงบว่า “แล้วเจ้าต้องการรู้เรื่องใด?”
หลี่ฉางโซ่วคลำในแขนเสื้อของเขาแล้วหยิบตำราหนาสามปึกออกมาให้ จากนั้น สตรีสาวในสระก็ปิดตำราในมือ แล้วรอยยิ้มพึงพอใจก็เผยออกมาบนใบหน้าที่งดงามและเคร่งขรึมของนาง
“บอกข้ามา เจ้าอยากรู้เรื่องใด?
เรื่องของโฮ่วถู่นั้นหาใช่เรื่องต้องห้ามไม่ แต่มันค่อนข้างเป็นความลับ และมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋าอีกครั้ง แล้วใช้พลังเซียนส่งภาพวาดไปให้พระนางอย่างนอบน้อม
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อธิบายทุกสิ่งที่เขาได้พบเห็นมาก่อนหน้านี้พร้อมกับนำภาพเหมือนคนออกมา แล้วราชินีหนี่วาก็ยื่นมือมารับมันเอาไว้เพื่อมองดูใกล้ๆ
บัดนั้นดวงตาดุจหงส์ของนางเผยร่องรอยทำอะไรไม่ถูกฉายวาบผ่านออกมาเล็กน้อยเมื่อนางกล่าวว่า “มันยากสำหรับนางเช่นกัน”
“องค์ราชินี ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?”
………………………………………………………………..
[1] หนึ่งในเครื่องเคียงของซาซิมิ
[2] เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบประณีตชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาดิบสด นำเนื้อดิบจากสัตว์ เช่น ปลาทะเลมาหั่นหรือแล่สดๆ หั่นหรือแล่ให้เป็นชิ้นๆ บางๆ แล้วรับประทานควบคู่กับเครื่องปรุงรส หรือเครื่องเคียง โซยุ และวาซาบิ
[3] เป็นแสลง หมายถึงน้ำโค้ก