บทที่ 876 ขับไล่เข่นฆ่า
บทที่ 876 ขับไล่เข่นฆ่า
หืม? เป็นนางจริง ๆ?
เขาได้พบกับผู้หญิงคนนี้ไม่นานมานี้ นางคือพระสนมไป่!
สาวงามผู้นี้จริง ๆ แล้วกำลังเบื่อจึงออกมาเดินเล่น นางไม่สนใจทหารที่โค้งคำนับนาง เนื่องจากเป็นภาพที่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม นางสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าหนึ่งในนั้นกำลังแอบมองนางอยู่ นางอึ้งไปครู่หนึ่ง ทหารผู้น้อยคนนี้ไม่เข้าใจกฎหรือว่ากล้าหาญเกินตัวกันแน่?
โดยธรรมชาติแล้วนางเป็นคนใจดี ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรวุ่นวายมากนัก กังวลว่าจะส่งผลเสียต่ออนาคตของคนตัวเล็ก ๆ เช่นนี้
นางกำลังจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นแต่จู่ ๆ นางก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ นางจำซูอันได้ “เป็นเจ้านี่เอง?”
เสียงของนางนั้นอ่อนหวานและลื่นไหลเหมือนสายน้ำที่อ่อนโยน
ซูอันยิ้ม “ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเราจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้”
คำพูดของเขาทำให้เกิดสีกุหลาบขึ้นบนแก้มของสาวงามคนนี้
จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้ว เขาเพิ่งเตือนผู้ชายคนนี้ว่าอย่าโต้ตอบกับนางสนมในวัง แต่ไม่ทันไร ชายคนนี้สร้างเรื่องเข้าซะแล้ว และเป็นเหตุการณ์เกิดต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ!
เดี๋ยวนะ ทำไมไอ้คนผู้นี้มันถึงได้ทำหน้าทำตาเจ้าชู้ใส่พระสนมไป่ด้วย!?
เขาทำได้เพียงพยายามแก้ไขสถานการณ์เท่านั้น “พระสนมไป่ เขาเพิ่งได้รับตำแหน่งขุนนางฉายาบุรุษหงส์จากองค์จักรพรรดิและจะทำหน้าที่เป็นราชเลขาของรัชทายาท ข้าน้อยกำลังพาเขาออกจากวัง”
ไป่โหรวเซวี่ยตกตะลึง นางพอรู้เรื่องราวของซูอันมาบ้าง และคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางรอดตายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เพียงซูอันได้รับตำแหน่งขุนนางเท่านั้น แต่ยังถูกแต่งตั้งให้เป็นราชเลขาของรัชทายาทอีกด้วย!
เขาทำได้อย่างไร?!
นางรีบละความคิดเหล่านี้และกล่าวด้วยรอยยิ้มหวานว่า “เจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ข้าขอฝากรัชทายาทด้วยก็แล้วกัน”
นี่เป็นคำพูดที่เหมาะสมจากพระชายาของรัชทายาท
“นั่นเป็นหน้าที่ของข้าน้อย” ซูอันตอบ “รัชทายาทและข้าน้อยรู้สึกคุ้นเคยกันแปลก ๆ ตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก ข้าเชื่อว่าเราสามารถดูแลกันเหมือนเครือญาติได้”
“ขอบคุณมาก” คำพูดของเขากระตุ้นความรู้สึกแปลก ๆ ภายในใจของนาง แต่นางเก็บอาการและพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนที่นางกำนัลและขันทีจะพานางจากไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้นางสนทนากับชายอื่นนานเกินไป
ซูอันสูดกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เมื่อพระสนมไป่จากไป จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้วทันที “ข้าเตือนเจ้าไปแล้วก่อนหน้านี้ เจ้าคิดอะไรถึงได้พูดคุยกับนาง? ขอบคุณสวรรค์ที่ข้าอยู่ข้างเจ้าในวันนี้ หากข่าวนี้แพร่กระจายไป เจ้าจะไม่มีทางสามารถรับผลที่ตามมาเพียงลำพังได้!”
ซูอันไม่เห็นด้วย ท้ายที่สุดจักรพรรดิยังคงต้องการให้เขาจัดการกับราชันลมปราณ พระองค์จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ทำไม? “ก่อนหน้านี้ข้าเกือบจะถูกองค์หญิงรัชทายาทลงทัณฑ์” เขาตอบ “และข้าก็รอดพ้นมาได้เพราะพระสนมไป่ ข้าเพียงต้องการแสดงความขอบคุณต่อนาง”
จูเซี่ยฉือซินพยักหน้า เขาได้ยินมาแล้วเช่นกันเกี่ยวกับการเผชิญหน้าของซูอันกับองค์หญิงรัชทายาท “ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน แต่เจ้าอย่าได้ทำอะไรแบบนี้อีก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในวังตะวันออก เจ้าต้องยิ่งระวังตัวให้มากขึ้น พระชายาองค์อื่นขององค์รัชทายาทยังพอทำเนา แต่เจ้าต้องไม่ยั่วยุองค์หญิงรัชทายาทหรือพระสนมไป่โดยเด็ดขาด”
ซูอันตกตะลึง เจ้าอ้วนนั่นดูโง่เง่าจะตาย แต่จริง ๆ กลับมีผู้หญิงมากมายคอยปรนนิบัติงั้นเหรอ!
“ข้าเข้าใจว่าทำไมข้าควรระวังองค์หญิงรัชทายาท แต่พระสนมไป่เป็นเพียงนางสนม ทำไมข้าต้องระวังนางด้วย?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
จูเซี่ยฉือซินลังเล แต่เขารู้ว่าทั้งสองกำลังจะทำงานร่วมกันในอนาคต ดังนั้นเขาจึงอธิบายให้ซูอันเข้าใจ “องค์รัชทายาทได้รับพระราชทานพระสนมไป่มาเป็นการส่วนตัว นอกจากนี้นางยังเป็นผู้ให้กำเนิดบุตรชายคนเดียวของรัชทายาท แน่นอนว่านางมีสถานะพิเศษ”
ซูอันรู้สึกคันปากอยากจะนินทา เขาถามคำถามเป็นชุด “ข้าได้ยินมาว่าพระสนมไป่เคยเป็นพระสนมของฝ่าบาทจริงหรือเปล่า? จักรพรรดิทรงรักนางมากหรือไม่? นางกับรัชทายาท…”
คำถามมากมายเหล่านี้ทำให้เปลือกตาของจูเซี่ยฉือซินกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ “หุบปาก! เจ้าไม่ควรสอดรู้เรื่องเหล่านี้!”
ตามปกติแล้วทูตยุทธ์เสื้อแพรคือกลุ่มบุคคลที่เต็มไปด้วยความลับและมักจะสงวนท่าทีอยู่เงียบ ๆ แต่ซูอันคนนี้กลับทำตัวไม่เข้าพวกราวกับอยากจะทำลายภาพลักษณ์นี้ จูเซี่ยฉือซินเริ่มสงสัยในความคิดของจักรพรรดิเป็นครั้งแรก
ใบหน้าของเขามืดมนขณะที่เขาพาซูอันออกจากวัง จากนั้นผ่านไปพักใหญ่ทั้งคู่หยุดอยู่หน้าที่พักนอกเมืองหลวง “เรือนหลังนี้จะเป็นของเจ้า”
ซูอันเห็นตัวอักษร ‘เรือนสกุลติ้ง’ บนแผ่นป้ายเหนือประตูทางเข้า เขามองผ่านเข้าไปด้านใน “แต่ยังมีคนอาศัยอยู่ข้างใน…” เขาพูดอย่างลังเล
“ไม่นานหรอก” จูเซี่ยฉือซินโบกมือ ทูตยุทธ์เสื้อแพรสวมหน้ากากหลายคนปรากฏตัวขึ้นและรีบเข้าไปในที่พัก มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่นานก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว
“ตั้งแต่วันนี้ ที่นี่จะเป็นเรือนของเจ้า” จูเซี่ยฉือซินประกาศ
ซูอันทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยสีหน้าโง่งม
ซูอันขมวดคิ้ว “ถ้าราชสำนักไม่มีเรือนไหนที่ว่างจริง ๆ ข้ามีเงินติดตัวอยู่ไม่น้อย ข้าสามารถหาซื้อเรือนใกล้ ๆ นี้ได้ด้วยตัวเอง ทำไมต้องยึดที่ของคนอื่นแบบนี้?”
“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถซื้อบ้านในเมืองหลวงได้เพียงเพราะเจ้ามีเงินงั้นหรือ?” จูเซี่ยฉือซินกล่าวอย่างเฉยเมย
ซูอันพ่นลมหายใจ มีการเล่นเก้าอี้ดนตรีสำหรับการซื้อบ้านด้วยหรืออย่างไร?
“ถึงจะซื้อไม่ได้ แต่ข้าก็สามารถเช่าห้องพักในโรงเตี๊ยมได้ไม่ใช่หรืออย่างไร? ข้าทนไม่ได้กับการไล่ที่ด้วยการฆ่าฟันแบบนี้!”
“เจ้าเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพร และราชเลขาของรัชทายาทด้วย ถ้าเราให้เจ้าอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมมันจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของราชสำนักและองค์จักรพรรดิ!” จูเซี่ยฉือซินกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามเขาพูดต่อ “ส่วนเรื่องของผู้คนที่เคยครอบครองเรือนแห่งนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ ตระกูลนี้เคยได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แต่ต่อมากลับคิดไม่ซื่อสมรู้ร่วมคิดกับสำนักมาร นี่คือชะตากรรมที่พวกเขาสมควรได้รับแล้ว!”
ซูอันเงียบไป แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง แต่เขาก็มาจากโลกที่มีอารยธรรม เขายังคงยอมรับได้ยากในแนวคิดที่ว่าชีวิตของผู้คนไม่ได้มีค่าสักเท่าไรในโลกนี้
ในเวลาเดียวกัน เขาตระหนักว่าจูเซี่ยฉือซินตั้งใจพาเขามาที่นี่และแสดงฉากนี้เป็นการเตือนว่า หากเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์จักรพรรดิ เขาก็จะลงเอยเช่นเดียวกับตระกูลนี้
ทูตยุทธ์เสื้อแพรต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความสะอาดภายใน หลังจากนั้นจูเซี่ยฉือซินก็พาเขาเข้าไปดู
ซูอันชื่นชมเหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรเป็นอย่างมาก ไม่มีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ภายใน พวกนี้เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
จูเซี่ยฉือซินกล่าวว่า “แล้วข้าจะหาสาวใช้ให้”
“ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว และที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ข้าจัดการทุกอย่างเองได้” ซูอันปฏิเสธข้อเสนออย่างรวดเร็ว ใครจะรู้ว่าจะมีสายลับคอยดูเขาอยู่สักกี่คน ถ้าเขาปล่อยให้จูเซี่ยฉือซินหาสาวใช้ให้!
จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ชอบถกเถียงเรื่องไร้สาระ “เอาล่ะ วันนี้พักผ่อนได้ แล้วไปรายงานตัวที่วังตะวันออกในเช้าวันพรุ่งนี้”