บทที่ 666 รู้จัก (1)
สาวใช้ให้ความสนใจเจ้าม้าตัวนั้นเป็นอย่างมาก พลางนึกในใจว่าเกิดมาไม่เคยพบเคยเจอม้าที่ลากรถเองโดยไม่ต้องมีสารถี
แถมท่าทางของมันดูยังดูอารมณ์ดีเหลือเกิน
ราชาม้าชอบอยู่กับผู้คน ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งคึก
กู้เจียวกำลังนั่งหลับตาอย่างสงบในรถม้า แต่พอราชาม้าดีดที รถก็โคลงที จนกู้เจียวเวียนหัวไปหมด
“เดินให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม!” กู้เจียวเปิดม่านพร้อมกับตะโกนต่อว่าราชาม้า
พอได้ยินดังนั้น ราชาม้าก็ลดความเร็วลงทันทีและเดินรถด้วยความเร็วปกติ แต่ไม่นานก็กลับมาคึกตามเดิมอีกครั้ง!
กู้เจียว “…”
สาวใช้ที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
กู้เจียวหันไปเหลือบมองสาวใช้โดยไม่รู้ตัว สาวใช้ตัวน้อยพอเห็นว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์ไม่ดีนักจึงรีบโค้งตัวลงเพื่อเป็นการขอโทษแล้วปลดม่านลง
กู้เจียวหันกลับมานั่งตามเดิม
แล้วรถม้าทั้งสองคันก็สวนผ่านกันไป
ทว่า จู่ๆ กู้เจียวกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
กู้เจียวย่นคิ้วลง ก่อนตัดสินใจเปิดม่านรถออก ก็เห็นว่ารถม้าอีกคันแล่นออกไปไกลแล้ว ขณะที่รถม้าของกู้เจียวกำลังเลี้ยวเข้าตรอกแห่งหนึ่ง
จุดที่กู้เฉิงเฟิงเป็นลมหมดสติไปเมื่อครู่นั้นคือทางที่กู้เจียวต้องวิ่งผ่านพอดี
หากกู้เฉิงเฟิงไม่ถูกฮูหยินคนนั้นพาตัวไป ป่านนี้พวกเขาคงได้เจอกันแล้ว
น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
เพียงแต่กู้เจียวรู้สึกตหงิดใจเล็กน้อย
ปริมาณน้ำขังในตรอกมีมากกว่าถนนใหญ่
ราชาม้าอดใจไม่ไหวที่จะย่ำกีบเท้าลงไปเล่นในแอ่งน้ำขัง มันเริ่มกระโดดไปมาอีกครั้ง แต่ไม่นานเจ้าม้าก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม
กู้เจียวรู้ดีว่าข้อเสียของการให้ราชาม้าออกมาวิ่งรถก็คือมันมักจะชอบแวะเล่นอยู่บ่อยๆ แต่มันมักจะรู้เวลาของตัวเองดี อีกทั้งกู้เจียวจะไม่ต่อว่าอะไรมันถ้าไม่นานจนเกินงาม
เวลาที่เจ้าม้าเริ่มเล่นสนุก กู้เจียวก็จะนั่งรออยู่เงียบๆ
แต่คราวนี้แปลกที่เจ้าม้าจู่ๆ ก็นิ่งลงเร็วกว่าปกติ
มันทำท่าดมอะไรบางอย่างบนพื้น จากนั้นก็งับของบางอย่างขึ้นมาแล้วสะบัดเพลารถออก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาในรถม้า
“มีอะไรรึ” กู้เจียวจ้องหน้าเจ้าม้าก่อนจะมองไปที่หน้ากากที่มันกำลังคาบไว้
แม้หน้ากากนั้นจะเปื้อนโคลน แต่มองแค่แวบเดียวก็รู้ได้ในทันที
ว่านั่นคือหน้ากากของกู้เจียว
หากจะพูดให้ถูกต้อง เจ้าของหน้ากากนี้คือกู้เฉิงเฟิง ซึ่งกู้เจียวเคยขโมยมาใช้ พอต่อมากู้เฉิงเฟิงได้หน้ากากใหม่มาใช้ กู้เจียวก็ขโมยหน้ากากอันใหม่มาแล้วคืนอันเก่าให้เขาใช้แทน
ที่เจ้าม้าคาบมันมาคงเป็นเพราะได้กลิ่นของกู้เจียว และคิดว่ากู้เจียวคงทำตกไว้
กู้เจียวหยิบหน้ากากนั้นมาดูให้ชัดอีกครั้ง
ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่ามันคือหน้ากากของกู้เฉิงเฟิงจริงๆ
ต้องยกความดีความชอบให้ราชาม้าที่คาบมันมา เพราะปกติแล้วมันไม่เคยคาบของแปลกหน้ามาก่อน
กู้เจียวเริ่มนึกย้อนไปถึงตอนที่เห็นเงาของกู้เฉิงเฟิง แสดงว่า…เขามาที่นี่แล้วจริงๆ
ว่าแต่
เขาหายไปไหนแล้วล่ะ
…
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าเข้าไปยังถนนที่เริ่มเงียบสงัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเจ้าม้าก็เริ่มเหนื่อยจนหมดแรง กระนั้นพวกเขาก็มาถึงที่หมายพอดี
รถม้าหยุดที่หน้าหอเริงรมย์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
“ถึงแล้วขอรับฮูหยิน!” สารถีตะโกนเสียงดัง
เสียงกรนของฮูหยินหยุดลงในทันที นางลุกขึ้นนั่งตัวตรง หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายรอบริมฝีปากพร้อมกับขมวดคิ้ว “ถึงแล้วก็ถึงแล้วสิ จะตะโกนทำไม!”
ฮูหยินลงจากรถม้า และให้บ่าวสองคนมาช่วยแบกเด็กหน้าใหม่ลงจากรถ
แม้พวกบ่าวจะชินกับวิถีนี้แล้วก็จริง แต่ตามหลักเวลาที่หอมีสมาชิกใหม่เข้ามา ฮูหยินมักจะจัดให้ไปทำครัว ทว่าคราวนี้พอฮูหยินได้ยลโฉมใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนสลบอยู่ก็รีบสั่งให้คนไปทำห้องให้ใหม่โดยทันที
“มามา…เอ่อไม่สิ ฮูหยินเจ้าคะ!” เป็นอีกครั้งที่สาวใช้เรียกผิดจึงรีบพูดแก้ และถามเรื่องที่สงสัย “เหตุใดถึงต้องทำห้องให้เขาด้วยเจ้าคะ”
ฮูหยินถอนหายใจ พลางตอบ “เด็กผู้ชายหน่วยก้านดีแบบนี้หาง่ายๆ กันที่ไหน ดูอย่างหอชุนเฟิงเป็นตัวอย่างสิ ตั้งแต่มีพ่อหนุ่มคิ้วดกมาประจำที่หอ กิจการของพวกเขาก็ดีขึ้นจนมาแย่งลูกค้าจากร้านอื่นไปหมด! มามา…เอ่อ ไม่สิ ฮูหยินอย่างข้า! ต้องประคบประหงมพ่อหนุ่มคนนี้ให้ดีเผื่อเขาจะได้ช่วยกอบกู้กิจการของเรามาได้บ้าง!”
สาวใช้เบะปาก “แล้วถ้าเขาไม่ยินยอมล่ะเจ้าคะ”
ฮูหยิน “เหอะ คนอย่างเขามีสิทธิ์ออกความเห็นได้ที่ไหน”
หลังจากที่บ่าวช่วยแบกร่างของกู้เฉิงเฟิงมาวางไว้ในห้อง ฮูหยินก็ใช้ให้คนมาเปลี่ยนชุดให้เขา
ร่างของกู้เฉิงเฟิงอยู่บนเตียงนุ่มในสภาพท่อนบนถูกเปิดออก เผยให้เห็นแผ่นอกแน่น
ผิวของเขาเต็มไปด้วยรอยแส้
“โถ่ถัง ใครมันกล้าทำได้ลงคอ” ฮูหยินนั่งลงข้างเตียง แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อของเขา พร้อมกับชำเลืองช้าๆ “ไอ้หยา ดูหุ่นนี่สิ วันนี้ข้าได้เพชรเม็ดงามมาครอบครองแล้วสินะ! หยินซิ่ง!”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ชื่อหยินซิ่งรีบเดินเข้ามา
“ไปหยิบยาทาแผลที่ใช้ดีที่สุดขวดนั้นมาที แล้วก็หยิบบัวหิมะมาด้วย ข้าต้องทำให้เนื้อตัวเขาสะอาดเอี่ยมอ่องไร้รอยแผลให้ได้” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮ
สาวใช้ทำท่าลังเล ก่อนหันไปถามฮูหยิน “แต่เขาดูไม่ค่อยสบายเลยเจ้าค่ะ ระหว่างทางที่มาก็แทบไม่ฟื้นเลย แบบนี้จะรอดหรือเจ้าคะ”
ฮูหยินรีบถลึงตาใส่สาวใช้ “คนที่ไม่รอดคือเจ้าต่างหาก! บังอาจแช่งข้ารึ”
สาวใช้เริ่มเบาเสียงลง “ข้าน้อยไม่ได้พูดถึงฮูหยินเจ้าค่ะ”
“เขาเป็นถุงเงินที่ข้าเก็บได้ ถ้าเจ้าแช่งเขา ก็เท่ากับแช่งข้าด้วย!”
สาวใช้หมดคำจะพูด
ฮูหยินรีบเอาเสื้อมาคลุมร่างของกู้เฉิงเฟิงไว้ พลางเอ่ย “มัวยืนซื่อบื้ออยู่ได้ รีบไปตามหมอหลิวมาเร็วเข้า เจ้าอยากดูเขาตายต่อหน้าต่อตาหรือไร”
หมอหลิวเป็นเพื่อนบ้านของหอแห่งนี้ โชคดีที่วันนี้เขาอยู่ที่เรือนพอดี ไม่นานสาวใช้ก็กลับมาที่ห้องพร้อมกับหมอหลิว
หลังจากที่หมอหลิวเขียนตำรับยาเสร็จ ฮูหยินก็วานให้สาวใช้ไปต้มยามาให้
และแล้วกู้เฉิงเฟิงก็ฟื้นขึ้นระหว่างที่สาวใช้กำลังต้มยา แม้สติสัมปชัญญะของเขาจะยังไม่เหมือนเดิม แต่เขารู้ว่าที่ที่เขาอยู่ ณ ตอนนี้ไม่ใช่จุดที่เขาเป็นลม
เขากวาดตาไปทั่วทั้งห้อง เจอแต่คนท่าทางประหลาดๆ เหตุใดเขาถึงมองว่าประหลาดน่ะหรือ หนึ่งคือชุดฟู่ฟ่าที่พวกเขาใส่ สองคือสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่
“ยังไม่เสร็จอีกรึ” ฮูหยินเร่งสาวใช้
“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้ตะโกนตอบพลางตำยา จากนั้นก็หยิบใบไม้สองใบที่อยู่ในตะกร้าโยนลงหม้อ
พอเสร็จก็เทยาลงในชาม จากนั้นหยิบขวดเล็กออกมาแล้วเทยาลงไปในขวด
สักพัก ยาในขวดก็เริ่มทำปฏิกิริยาบางอย่างจนมีแสงสีดำสะท้อนออกมา สาวใช้รีบหยิบยานั้นเข้าไปในห้อง
“ได้ตัวยาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้บอก
“ให้เขากินเสียสิ” ฮูหยินสั่ง
“เอ่อ…” สาวใช้จึงหันหน้าไปทางกู้เฉิงเฟิง
กู้เฉิงเฟิงสัมผัสได้ในทันทีว่ายานั่นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ เขาพยายามรวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมดสะบัดผ้าที่ห่มอยู่บนตัวเขาออก
“อ้าว! ฟื้นแล้วรึ!” สาวใช้อุทานด้วยความตกใจ
กู้เฉิงเฟิงรีบยืนขึ้นทันที แต่ดูเหมือนเขาจะลุกเร็วเกินไปจนร่างกายปรับตัวไม่ทันและเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะกลับลงไปนั่งบนเตียงตามเดิม
“รีบเอายาให้เขากินสิ!” ฮูหยินสั่งอีกครั้ง
สาวใช้พยายามเอื้อมมือไปคว้าเขา แต่กลับถูกผลักออกไปอย่างแรงจนกระแทกเสาที่อยู่ด้านหลัง
ฮูหยินขมวดคิ้ว พลางนึก แรงเยอะขนาดนี้เชียว ป่วยหนักขนาดนี้ยังผลักคนจนล้มได้
“จับตัวเขาเอาไว้!” ฮูหยินสั่ง
บ่าวรับใช้สองคนก็รีบเข้ามาแล้วกดร่างของกู้เฉิงเฟิงไว้กับพื้น
กู้เฉิงเฟิงเหนื่อยล้าจนเขาไม่สามารถใช้กำลังภายในได้เหมือนเดิม หลังจากพยายามดิ้นอยู่สองสามครั้งก็เป็นอันต้องยอมแพ้ให้กับบ่าวสองคนที่มีพละกำลังมากกว่า
ฮูหยินถอนหายใจช้าๆ พร้อมกับชำเลืองเขา “เชื่อฟังเสียเถอะ แล้วข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
“ปล่อยข้า…” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยเสียงอ่อนแรง
ฮูหยินไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด จึงได้แต่แสยะยิ้มแล้วเอ่ย “เจ้าหนีข้าทำไม ข้าไม่วางยาพิษเจ้าหรอก บุญหัวแค่ไหนที่ทาสง่อยๆ อย่างเจ้าได้มาอยู่กับคนอย่างข้า”
ทันใดนั้น สาวใช้รีบโพล่งขึ้น “ฮูหยิน ยากู่ฉงกำลังจะหมดฤทธิ์แล้วนะเจ้าคะ รีบให้เขากินเถิดเจ้าค่ะ!”
“ส่งยามาให้ข้า” ฮูหยินยื่นมือให้สาวใช้
จากนั้นสาวใช้ก็ได้ยื่นขวดยาให้
ยากู่ฉงที่ว่าคือยาที่หอนางโลมแห่งนี้…ไม่สิ ต้องเรียกว่าหอเริงรมย์ เป็นยาที่หอเริงรมย์แห่งนี้ใช้สำหรับควบคุมคน หากใครได้กินยานี้เข้าไป ไม่ว่าใครก็ไม่อาจต้านฤทธิ์ของมันได้
หากไม่ได้รับยาถอนพิษทุกเดือน ร่างกายจะต้องทรมานราวกับถูกมดนับหมื่นตัวกัด เหมือนคนตายทั้งเป็น