ทันใดนั้นประโยคนี้ก็เป็นการเตือนวารุณีขึ้นมา
เธอรีบนั่งตัวตรง “จริงด้วย ยังมีพวกเด็กอยู่”
“ดังนั้น เมื่อกี้ฉันถึงได้ให้พวกเธอหยุดไง หากเมื่อกี้คนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเด็กทั้งสอง งั้นสองสามีภรรยาพวกเธอจะเขินอายขนาดไหน” ลีล่าพยักหน้าแล้วพูด
วารุณีมองไปทางนัทธี “โทษนายเลย!”
นัทธีเลิกคิ้ว จากนั้นก็หัวเราะออกเสียง “โอเค โทษฉันเอง”
“ฮื้ม!” วารุณีหันศีรษะไป ไม่สนใจเขา จากนั้นก็หันไปทางลีน่า “ลีน่า เมื่อกี้ขอบคุณนะ”
หากเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะลีน่าปรากฏตัวกะทันหัน เรียกให้สองสามีภรรยาพวกเขาตื่น
ไม่แน่เธอกับนัทธีอาจจะทำอะไรโดยไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ
ไม่ว่ายังไงแล้วในตอนที่คนอยู่ในสถานะแบบนั้น ยากมากที่จะนึกถึงเรื่องอื่น
“ไม่เป็นไร พอแล้ว ฉันไปห้องครัวก่อน พวกเธอสองสามีภรรยาอยากจะนัวเนียกันต่อ ก็กลับห้องเถอะ อย่าอยู่ห้องรับแขกแล้ว” พุูดจบ ลีน่าก็โบกมือ เดินไปทางห้องครัว
หลังจากที่เธอไปแล้ว นัทธีพยุงศีรษะมองวารุณีด้วยความชิว “ได้ยินหรือยัง? พวกเรากลับห้องนอน?”
“กลับอะไร!” วารุณีเหลือกตาขาวใส่เขา “นายอย่าคิดจะทำต่อแล้ว”
“ทำไม?” นัทธีถามเธอ
วารุณียืนขึ้น “ไม่มีอารมณ์ พอแล้ว ไม่คุยกับนายแล้ว ฉันจะไปโทรหาปาจรีย์”
พูดจบ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เดินไปทางระเบียง
นัทธีมองดูภาพข้างหลังของเธอ ยักไหล่ด้วยความเสียใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อกี้ จะไม่สามารถดำเนินต่อได้แล้วจริงๆ
บนระเบียง วารุณีโทรเบอร์ของปาจรีย์ออกไป
ทางปาจรีย์เป็นตอนเช้าพอดี ดังนั้นพอวารุณีโทรออกมา ผ่านไปไม่นานปาจรีย์ก็รับสายแล้ว
“วารุณี อรุณสวัสดิ์” เสียงที่แฝงเสียงหัวเราะของปาจรีย์ดังผ่านมา
วารุณีเห็นท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆ มือลงแล้ว ยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “ที่ฉันไม่ใช่ตอนเช้านะ ฟ้าจะมืดแล้ว
ได้ยินประโยคนี้แล้ว ปาจรีย์จึงจะนึกอะไรออก ตบหน้าผากของตนเอง “โทษที ฉันลืมไปเลยว่าเวลาของเราห่างกันหลายชั่วโมงเลย”
“พอแล้วปาจรีย์ ไม่พูดอะไรพวกนี้แล้ว ฉันโทรหาเธอ มีเรื่องสำคัญจะถามเธอ” สีหน้าของวารุณีจริงจังขึ้นมา
ปาจรีย์ได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังขนาดนี้ของเธอแล้ว สีหน้าก็จริงจังขึ้นตามมาด้วย “วารุณี เธออยากถามอะไร?”
“ฉันอยากถามเธอว่า ช่วงเวลานี้ เธอได้มีการติดต่อกับทางประเทศอเมริกาไหม? ฉันจำได้ว่า เธอมีเพื่อนสมัยมัธยมที่ประเทศอเมริกาไม่น้อยเลย” วารุณีเอ่ยปากถาม
ปาจรีย์สีหน้างง “ประเทศอเมริกา”
“ใช่” วารุณีพยักหน้า
ปาจรีย์ส่ายหัว “ไม่นะ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะติดต่อกับทางประเทศอเมริกาทำไม พวกเพื่อนสมัยมัธยมพวกนั้น ฉันไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย หลังจากที่จบกันไปแล้ว ความสัมพันธ์ของทุกคนก็ค่อยๆ เลือนหายไป ดังนั้นฉันไม่มีทางติดต่อกับพวกเขา วารุณี ทำไมจู่ๆ เธอถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?”
“ไม่ได้ติดต่อก็ดีแล้ว” วารุณีโล่งอกไปที จากนั้นก็อธิบายเหตุผลที่ตนเองถามคำถามนี้ “คืออย่างนี้ พงศกรออกจากจังหวัดจันทร์ไปแล้ว ตอนนี้ไปที่ประเทศอเมริกา เพราะว่าเขาไปอย่างกะทันหันเกินไป ดังนั้นตอนนี้พวกเราสงสัยว่า เขาไปทางอเมริกา เพื่อไปตามหาเธอ ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็มีคนรู้จักที่อยู่ทางนั้น ฉันกังวลว่าเธอจะติดต่อกับคนรู้จักที่อเมริกา บอกข่าวคราวในตอนนี้กับฝ่ายตรงข้าม จากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็บอกกับพงศกร ยังดีที่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่คาดเดาของฉัน”
ในเมื่อปาจรีย์ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ประเทศอเมริกา งั้นเพื่อนที่อยู่ทางนั้น ก็ไม่มีทางรู้ข่าวคราวของปาจรีย์ในตอนนี้ แน่นอนว่าก็ไม่มีเรื่องที่จะบอกกับพงศกรเกิดขึ้นแล้ว
ดังนั้น พงศกรไปประเทศอเมริกา นั่นจะเพราะเรื่องอื่น ไม่ได้ไปเพราะเรื่องของปาจรีย์
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” หลังจากฟังคำพูดของวารุณีจบแล้ว ปาจรีย์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “วางใจเถอะวารุณี ถึงแม้ฉันจะลืมพงศกรนั่นไปแล้ว และจำไม่ได้ว่าตนเองเคยรักเขามาก่อน แต่ว่าฉันรู้ เขาต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งลูกของตนเองได้อย่างไร ดังนั้นฉันไม่มีทางซื่อถึงขั้นนำสถานที่อยู่ของฉันไปบอกผู้อื่นง่ายๆ หรอก ไม่ว่ายังไงแล้วฉันกับพงศกรนั่นก็ไม่ใช่คนโง่ ฉันกังวลว่าจะมีคนนำที่อยู่ของฉันไปบอกผู้คน ในขณะเดียวกัน พงศกรก็รู้ว่าฉันติดต่อกับคนสนิทในเมื่อก่อนแล้วถามข่าวคราวของฉัน ดังนั้นฉันจะหลบเลี่ยงก่อนเลย ไม่มีทางติดต่อกับคนนอกก่อนนอกจากพวกเธอแน่นอน”
“งั้นก็ดี งั้นฉันก็วางใจแล้ว” วารุณียิ้มอ่อน
ปาจรีย์เองก็ยิ้มขึ้นมา “อีกอย่าง ถึงแม้ว่าพงศกรนั่นจะรู้ข่าวคราวของฉันก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันไม่ใช่ยัยผีบ้าในตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่ปาจรีย์ที่รักเขาจนไม่มีศักดิ์ศรี ตอนนี้ฉันใจแข็งพอ ไม่มีทางรักเขาอีกแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าเขายังเกลียดฉันอยู่ เกลียดตระกูลจิรดำรงค์อยู่ อยากจะให้ฉันทำแท้งลูกในท้อง ฉันก็ไม่มีทางตอบตกลง ฉันจะต่อต้านไปเขาถึงขั้นสุด”
ได้ยินคำพูดที่ยืนหยัดเช่นนี้ของเธอ วารุณีกลับไม่รู้สึกดีใจเลย ในทางกลับกันเธอกลับขมวดคิ้วแน่น “ปาจรีย์ เธออย่ามีความคิดนี้เลย เมื่อกี้เธอก็บอกแล้ว อดีตเธอรักพงศกรอย่างหัวปักหัวปำ ยังต้องพึ่งการสะกดจิตมาลืมเขา ดังนั้นเธอสามารถรับรองได้จริงๆ ว่า ในตอนที่เธอเจอพงศกรอีกครั้ง จะไม่ตักหลุมรักเขาใหม่เหรอ? เรื่องแบบนี้ เธอไม่สามารถคาดเดาได้ หากสุดท้ายกลายเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา เธอจะทำยังไง? หรือว่า จะกลับไปเป็นสภาพเหมือนเมื่อก่อนเหรอ?”
“นี่…….” จู่ๆปาจรีย์ก็ไม่พูดอะไรเลย
เพราะว่าเธอรู้ วารุณีพูดถูก
มีเรื่องราวมากมาย ไม่สามารถเก็บมาฝืนคิดในใจ เพราะในอนาคตจะเป็นอย่างไรใครก็บอกไม่ถูก
ตอนนี้อาจจะพูดว่าไม่มีทางตกหลุมรัก ทว่าหากตอนสุดท้ายกลับตกหลุมรักแล้วล่ะ?
ขณะที่คิดอยู่ ปาจรีย์ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา จู่ๆในสมองก็มีภาพต่างๆ ลอยผ่านไป
ถึงแม้ว่าภาพเหล่านั้นเธอจะมองไม่ชัดเจน ทว่าเธอรู้ นั่นคือความทรงจำที่ถูกจำกัดไว้หลังจากถูกสะกดจิต
อีกอย่างวินาทีที่ภาพเหล่านั้นปรากฏขึ้น หัวใจของเธอมีความเจ็บปวดและเสียใจพุ่งขึ้นมาแปลกๆ
เห็นได้เลยว่าภาพเหล่านั้น ทำร้ายจิตใจคนมากเพียงไหน
และเห็นได้เลยว่า เพราะผู้ชายที่เธอเคยรักในอดีต รักได้เจ็บปวดเพียงไหน เจ็บปวดจนในใจของเธอไม่สามารถหายใจได้
และเธอ ไม่มีทางประสบความเจ็บปวดแบบนี้อีกรอบอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น เธอไม่สามารถเจอหน้ากับพงศกรนั่นจริงๆ !
“ขอโทษนะวารุณี ฉันคิดไม่รอบคอบเอง” ปาจรีย์นวดหว่างคิ้ว พูดด้วยความรู้สึกเขินอาย
วารุณีก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง “พอแล้ว ฉันไม่ได้โทษเธอ ฉันแค่เป็นห่วงว่าถึงแม้ตอนนี้เธอจะลืมพงศกรไปแล้ว แต่ว่าเธอรู้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยรัก ดังนั้นจะเกิดความสงสัยกับพงศกร ต้องรู้ว่าหลังจากที่ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดความสงสัยกับผู้ชายคนหนึ่ง ก็จะไปติดตามเขา ไปทำความรู้จักกับเขาทันที สุดท้ายก็ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ดังนั้นปาจรีย์ ฉันหวังว่าเธออย่าเกิดความสงสัยต่อพงศกร เข้าใจไหม?”
“วางใจเถอะวารุณี ฉันเข้าใจ” ปาจรีย์พยักหน้า
วารุณีอื้มตอบกลับ “เธอรู้ก็แล้ว จริงด้วย มีอีกเรื่องหนึ่ง”
“เธอพูดเลย” ปาจรีย์พยักหน้า
วารุณีนวดหว่างคิ้ว “ก่อนหน้าที่เธอออกจากจังหวัดจันทร์ ฉันให้เธอเลือกรายชื่อคนที่เหมาะสม รับช่วงต่อตำแหน่งของเธอไม่ใช่เหรอ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่ส่งรายชื่อกับฉันเลย”
“อ๋อ เรื่องนี้เหรอ” ปาจรีย์เคาะศีรษะของตนเอง “ขอโทษนะวารุณี ฉันยังไม่ได้รวบรวมเสร็จทั้งหมด ในบริษัทมีหลายคนที่ที่ไม่แย่ แต่ว่าเพื่อที่จะเลือกออกมาหนึ่งคน ฉันขอเตรียมข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาก่อน แล้วเลือกคนที่เพอร์เฟกต์ที่สุด แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
“แบบนี้นี่เอง” วารุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ฉันรู้แล้ว งั้นเธอจัดการต่อเถอะ ตัดสินใจได้แล้วค่อยบอกฉัน พอถึงเวลาฉันให้นัทธีไปจัดการ”