บทที่ 882 ทัศคติของเจียงเจวี๋ยซื่อ บุตรีอริยะสวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 882 ทัศคติของเจียงเจวี๋ยซื่อ บุตรีอริยะสวรรค์

หานชิงเอ๋อร์ถูกเจียงเจวี๋ยซื่อทำให้ตกใจจึงเก็บจิตรับรู้กลับมา ตระหนกจนแข็งทื่อไปทั้งตัว

นางมีความรู้สึกเหมือนสร้างหายนะใหญ่ขึ้นแล้ว คงมิใช่ว่าชักนำเรื่องยุ่งยากมาเสียแล้วกระมัง

นางนึกถึงเรื่องเล่าสมัยที่ตนเคยท่องแดนเซียน มีผู้บำเพ็ญเคยกล่าวว่า บางครั้งก็กวาดจิตรับรู้ออกไปจนล่วงเกินผู้ทรงพลังเข้าโดยไม่ตั้งใจ ก่อให้เป็นภัยมาถึงชีวิต

นางนึกถึงความรู้สึกหวาดผวาเมื่อครู่นี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว

นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงตัดสินใจไปหาหานเจวี๋ย

นางเปิดประตูใหญ่อารามเต๋า ตรงเข้าไปในอาราม

“ท่านพ่อ…”

หานชิงเอ๋อร์มาหยุดเบื้องหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยอย่างระมัดระวัง

หานเจวี๋ยไม่สนใจ ทำให้นางร้อนรนยิ่งกว่าเดิม

อีกด้านหนึ่ง

ภายในดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง

เจียงเจวี๋ยซื่อถามด้วยความแปลกใจ “เหตุใดมีจิตรับรู้ในจักรวาลนี้ แถมข้ายังไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน”

หลิวเป้ยทราบดีว่าเป็นความเคลื่อนไหวของทางอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม คิดดูเล็กน้อยก่อนเอ่ยไปว่า “อันที่จริงเจ้าของจักรวาลแห่งนี้ มิใช่ข้า”

พอเจียงเจวี๋ยซื่อได้ยิน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน

หลิวเป้ยรีบเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลไป ผู้ทรงพลังที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นเป็นผู้มานะบำเพ็ญ เขาเหนือกว่าอริยะมหามรรค เป็นตัวตนระดับสุดยอดในฟ้าบุพกาล ได้ยกจักรวาลแห่งนี้ให้ข้าแล้ว ข้าจึงเป็นเจ้าของจักรวาลแห่งนี้”

สีหน้าเจียงเจวี๋ยซื่อผ่อนคลายลง ถามว่า “ผู้ทรงพลังท่านนี้มีนามว่าอย่างไร”

หลิวเป้ยส่ายหน้า กล่าวว่า “ไม่อาจกล่าวถึงได้”

เจียงเจวี๋ยซื่อขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “เช่นนั้นการมาของข้า…”

หลิวเป้ยเอ่ยอย่างมีนัยลุ่มลึก “ผู้มาต่างเป็นเพราะมีวาสนา ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ผู้ทรงพลังท่านนั้นก็ได้ทำนายถึงการมาของเจ้าแล้ว เขาบอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่แล้วจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อนาคตของเจ้าไม่อาจคาดคะเน สักวันหนึ่ง เขาจะช่วยสนับสนุนเจ้าอีกแรง ให้ได้ยืนในจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาล มองหยามดวงจิตและผู้ทรงพลังได้อย่างไรขีดจำกัด”

เมื่อเจียงเจวี๋ยซื่อได้ยินก็ค่อนข้างตกใจที่ได้รับความเมตตา

เขามาถึงที่นี่นานขนาดนี้แล้วยังไม่เคยสัมผัสถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายเลย ย่อมไม่นึกสงสัยในตบะของอีกฝ่าย

ผู้ทรงพลังในฟ้าบุพกาลยากจะประเมินได้

เจียงเจวี๋ยคิดๆ ดู รู้สึกว่าตนน่าขันนัก ในฟ้าบุพกาลแห่งนี้ไหนเลยจะมีสถานที่เงียบสงบอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะมาถึงจักรวาลดารา เขาเคยไปเยือนสถานที่มากมาย บ้างก็รกร้าง บ้างก็มีผู้ทรงพลังเข้ายึดครอง

ในเมื่อผู้ทรงพลังท่านนี้ชื่นชมในตัวเขา ไยเขาจะไม่ถือโอกาสรั้งอยู่ต่อ เพื่อทำความรู้จักที่พึ่งในอนาคตเล่า

ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ล้วนต้องมีที่พึ่งทั้งสิ้น มิเช่นนั้นจะเป็นได้เพียงหนูเฒ่าพเนจรข้างถนน

ช่างเถอะ

ความเย็นชาบนใบหน้าเจียงเจวี๋ยซื่อสลายไป ถอนหายใจคราหนึ่ง ฝึกบำเพ็ญต่อ

หลิวเป้ยรู้ว่าเขาคลายความระแวงลงแล้ว ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ ไม่พูดมากอีก

คำพูดบางอย่างพูดมากไปก็ไม่ดี ทุกอย่างต้องปล่อยไปตามเวลา

เขาเชื่อว่าเจียงเจวี๋ยซื่อมีความคิดในใจแล้ว

ส่วนเขาก็ไร้สิ่งที่ต้องละอายใจ

….

ภายในอารามเต๋าแห่งที่สาม หานชิงเอ๋อร์รั้งอยู่ครึ่งชั่วยามถึงออกไป ไม่รบกวนการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยอีก

นางกลับมาที่ใต้ต้นไม้

ชิงหลวนเอ๋อร์ลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนไปหาท่านพ่อเจ้า บอกแล้วไม่ใช่หรือ ห้ามไปรบกวนการบำเพ็ญของพ่อเจ้า”

หานชิงเอ๋อร์เบะปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงเล่าเหตุการณ์ที่ประสบมาก่อนหน้านี้ออกมา นางเกรงว่าถ้าปกปิดเรื่องนี้ไว้แล้วจะเป็นหายนะใหญ่

หลังจากชิงหลวนเอ๋อร์ได้ฟัง ก็อดขำไม่ได้

หานชิงเอ๋อร์ขุ่นเคือง เอ่ยถาม “ท่านแม่ ท่านขำอะไรเจ้าคะ! คิดว่าข้าหลอกท่านหรือ”

ชิงหลวนเอ๋อร์ส่ายหน้าพลางตอบว่า “ไม่เลย แม่เชื่อเจ้า เพียงแต่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในจักรวาลแห่งนี้ล้วนมิใช่ศัตรู ความจริงแล้วเป็นศิษย์ของบิดาเจ้า”

“หา?”

หานชิงเอ๋อร์ตะลึงงัน

ศิษย์หรือ

นางมองอย่างทึ่มทื่อ

เสียงของเจียงเจวี๋ยซื่อน่ากลัวระดับใดเล่า นางถึงขั้นที่นึกว่าบิดาตนมิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นศิษย์ของท่านพ่อ

นางรีบถามต่อ “ท่านแม่ เหตุใดท่านพ่อถึงไม่พาเขาเข้ามาล่ะเจ้าคะ อีกทั้งไม่เคยเอ่ยถึงเขาเลย”

“ท่านพ่อเจ้ามีศิษย์มากมาย เจ้าไม่สนใจเรื่องของเขามิใช่หรือ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเคยเล่าเรื่องราวมากมาย แต่เจ้าก็หลบเลี่ยงอยู่เสมอ ไปเล่นเอะอะอยู่คนเดียวด้านข้าง ถ้าจะโทษเจ้าก็ต้องโทษตัวเองแล้ว”艾琳小說

ชิงหลวนเอ๋อร์ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ สีหน้าเย้าหยอก

หานชิงเอ๋อร์ลองคิดดูอย่างละเอียด ดูเหมือนจะว่าใช่จริงๆ

นางบังเกิดความสนใจในตัวของเจียงเจวี๋ยซื่อ เริ่มซักถามแล้ว

ชิงหลวนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ปิดบัง

ตอนนี้หานชิงเอ๋อร์เป็นครึ่งอริยะแล้ว สมควรรับรู้ถึงระดับที่สูงขึ้นไปอีก

เมื่อนางเล่าจบ หานชิงเอ๋อร์ก็นิ่งทื่อไป

อริยะเสรี…

ระดับสูงกว่านางถึงสองขั้น!

ซ้ำยังเป็นขั้นใหญ่ด้วย!

ไม่แปลกเลยที่เมื่อครู่จะกลัวถึงเพียงนั้น

หานชิงเอ๋อร์ถามด้วยความสนใจ “เขาใช่ศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดในสังกัดของท่านพ่อหรือไม่”

ตอนนี้ชิงหลวนเอ๋อร์ลำบากใจแล้ว

นางไม่รู้จริงๆ

“ข้ารู้เพียงว่าเจียงเจวี๋ยซื่อคนนี้ยังไม่ทราบถึงตัวตนของบิดาเจ้า คาดว่าท่านพ่อเจ้ายังมีศิษย์คนอื่นๆ อยู่ ในอดีตตอนที่พวกเราไปเยี่ยมแม่ใหญ่เจ้า ในเขตเซียนร้อยคีรีแห่งนั้นมีศิษย์อยู่นับไม่ถ้วน” ชิงหลวนเอ๋อร์กล่าวอย่างสะท้อนใจ

พอเอ่ยถึงขึ้นมา นางก็ไม่ได้รู้จักหานเจวี๋ยดีเช่นกัน ในใจนางหานเจวี๋ยก็ลึกลับเช่นกัน

แต่ต่อให้ลึกลับเพียงใดก็เป็นสามีของนางอยู่ดี

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน หานเจวี๋ยสูงส่งลึกลับยิ่ง นางเคยชินมานานแล้ว

หานชิงเอ๋อร์ก็เป็นเจ้าหนูจำไมคนหนึ่งเช่นกัน ซักถามต่อไป

กาลเวลาผันผ่าน

ผ่านไปปีเล่าปีแล้ว

ครบกำหนดเวลาหนึ่งแสนปีอีกครั้ง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

เขายิ้มออกมา

หากปิดด่านครบกำหนดเวลาอีกครั้ง เขาก็จะทะลวงขั้นแล้ว

เขาถ่ายทอดเสียงหาหานชิงเอ๋อร์

หานชิงเอ๋อร์มาถึงอย่างรวดเร็ว

ตบะของนางบรรลุระดับครึ่งอริยะระยะปลายแล้ว เข้าใกล้ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าแล้ว

“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!”

หานชิงเอ๋อร์เรียกอย่างตื่นเต้น เข้าไปอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย เริ่มนวดไหล่ให้เขา ยิ้มแย้มเอาใจ

หานเจวี๋ยถาม “เจ้าอยากกลับแดนเซียนกระมัง”

“ได้หรือไม่”

หานชิงเอ๋อร์ถามอย่างระมัดระวัง

หานเจวี๋ยลุกขึ้น เอ่ยยิ้ม “ย่อมได้ จะพาเจ้ากลับไปวันนี้”

“จริงหรือเจ้าคะ”

“อืม ไปบอกลาแม่เจ้าเถอะ จากไปครานี้ ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไร”

“เจ้าค่ะ!”

หานชิงเอ๋อร์หันหลังกลับ จากไปดั่งพายุ

รอจนนางกลับมาอีกครั้ง ชิงหลวนเอ๋อร์ก็มาด้วย

“ท่านพี่ อย่าให้นางไปเลย มิเช่นนั้นจะเหมือนทั่วเอ๋อร์…”

ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างจนปัญญา “ท่านแม่ ข้าอายุสองแสนปีแล้วนะเจ้าคะ อย่าเอาแต่เห็นข้าเป็นเด็กเลย ท่านอายุยี่สิบก็ติดตามท่านพ่อแล้ว ไฉนจึงมาห้ามข้าเล่า”

ชิงหลวนเอ๋อร์สะอึกไป ไม่รู้ว่าควรจะพูดกล่อมอย่างไร

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เอาเช่นนี้เถอะ ลูกหลานก็มีวาสนาของลูกหลานเอง”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ!”

หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นสุดขีด

หานเจวี๋ยพาหานชิงเอ๋อร์เคลื่อนย้ายจากไป

เมื่อเห็นอารามเต๋าที่ว่างเปล่า ชิงหลวนเอ๋อร์เศร้าซึมอยู่พักหนึ่ง

จู่ๆ นางก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของบิดามารดาในปีที่นางจากไปแล้ว

ภายในเขตเซียนร้อยคีรี

หานเจวี๋ยและหานชิงเอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็มายังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

หลายปีก่อน จอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงหาเจตจำนงที่ถูกทิ้งในเขตเซียนร้อยคีรี ให้เขามายังตำหนักเอกภพ

สองพ่อลูกมาถึงหน้าตำหนักเอกภพ

หานชิงเอ๋อร์ถาม “เหตุใดถึงมาที่นี่เจ้าคะ หรือจะมาเยี่ยมเสี่ยวอวี้”

หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบ เขาเดินไปที่ประตูใหญ่ ประตูใหญ่เปิดออก หานชิงเอ๋อร์รีบเดินตาม

หลังจากเข้ามาในตำหนัก สองพ่อลูกเดินมาถึงเบื้องหน้าจอมอริยะเสวียนตู

จอมอริยะเสวียนตูลุกขึ้นมา ค้อมคำนับ จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงหาเหล่าอริยะ

เขามองไปที่หานชิงเอ๋อร์ เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “บุตรีอริยะสวรรค์ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เป็นครึ่งอริยะแล้ว”

หานเจวี๋ยและหานชิงเอ๋อร์หน้าตาคล้ายคลึงกัน กลิ่นอายก็ใกล้เคียง

“ธิดาน้อยนามหานชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ ยังไม่รีบคารวะจอมอริยะเสวียนตูอีก”

หานเจวี๋ยแนะนำอย่างเรียบง่าย พอหานชิงเอ๋อร์ได้ฟังก็รีบคารวะทันที

จอมอริยะเสวียนตูหรือ

หัวหน้าเหล่าอริยะมรรคาสวรรค์หรือ

หานชิงเอ๋อร์ตกตะลึง เมื่อสองแสนปีก่อนตอนท่องอยู่ในแดนเซียน นางเคยได้ยินตำนานของจอมอริยะเสวียนตูและอริยะสวรรค์เกรียงไกร

ช้าก่อน!

บุตรีอริยะสวรรค์อย่างนั้นหรือ…

………………………………………………………………