ภาค-5 ตอนที่ 87 โลหิตผู้กล้าวิญญาณผู้ภักดี (1)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

กองทัพไต้โจวเป็นทัพหน้าฝ่าวงล้อม หลงถิงเฟยนำกองทัพตีฝ่ากำลังหลักของกองทัพต้ายง กำลังหลักของกองทัพเป่ยฮั่นตะลุยฝ่าออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ชาวต้ายงครั่นคร้ามต่อชื่อเสียงอันโด่งดังของหลงถิงเฟยมาตลอดจึงใช้กองทัพใหญ่ขวางการบุกจากกระบวนทัพของเขา หลงถิงเฟยต่อสู้อยู่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน อาชาเหน็ดเหนื่อยหมดสิ้นเรี่ยวแรง ถูกกองทัพต้ายงล้อมไว้ บนร่างมีบาดแผลสิบกว่าแห่งจนขยับมิได้แล้ว ฉีอ๋องแห่งต้ายงชื่นชมความกล้าหาญของเขา ก้าวออกมาเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนนด้วยตนเอง หลงถิงเฟยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด หลังจากฝากฝังเรื่องราวภายหลังเสร็จก็ปลิดชีพตน

ยามนั้นหลงถิงเฟยอายุเพียงสามสิบสามปี ทหารคนสนิทของเขายังเหลือรอดอยู่หลายร้อยนาย ทุกนายต่างร่วมลงสุสาน อาชารักของแม่ทัพกระโจนลงชิ่นสุ่ยขาดใจตาย ท่านอ๋องออกคำสั่งให้สร้างสุสานของแม่ทัพไว้กลางทุ่งหญ้า สลักคำว่า “สุสานผู้ภักดี” กับคำว่า “สุสานอาชาไนยใจภักดิ์” ไว้เคียงคู่กัน ต่อมาชาวบ้านสร้างศาลขึ้นหลังสุสาน เซ่นไหว้เป็นประจำทุกปี หากขุนนางผู้ภักดีคนใดเข้าไปกราบไหว้ในศาลเจ้า พรมักสัมฤทธิ์ผลอยู่บ่อยครั้ง

…พงศาวดารเป่ยฮั่น บันทึกหลงถิงเฟย

เดือนสี่ วันที่สิบเก้า เมื่อแสงอรุณยามเช้าตรู่ลอดทะลุชั้นเมฆอีกหน กองทัพเป่ยฮั่นที่เหลือเพียงพันกว่าคนบนสนามรบก็ถูกกองทัพต้ายงล้อมเอาไว้ เมื่อวานหลังจากกำลังหลักของกองทัพเป่ยฮั่นฝ่าวงล้อมออกไป หลงถิงเฟยก็ตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายหนแต่มิมีโอกาสทำสำเร็จ จึงจัดกระบวนทัพวงกลมตั้งรับอย่างมั่นคงแทน กองทัพต้ายงโหมโจมตีจากสี่ทิศ ทว่ากองทัพเป่ยฮั่นเตรียมใจตายมาแล้ว สองฝ่ายต่อสู้โรมรันกันจนกระทั่งตะวันตกดิน

หลี่เสี่ยนโกรธจัด สั่งให้คนถือคบเพลิงรบต่อเนื่องตลอดคืน จนกระทั่งยามดึกกระบวนทัพของเป่ยฮั่นจึงเริ่มพังทลลาย แต่กองทัพเป่ยฮั่นที่แตกระจายออกมากลับรวมตัวกันเป็นกระบวนทัพวงกลมขนาดเล็กกองแล้วกองเล่า ต่อต้านอย่างดันทุรังและไร้ความหวั่นกลัว ทหารเป่ยฮั่นผู้หิวโหยท้องร้องโครกครากมากมาย ยามกระหายต้องดื่มโลหิตอาชา กินเนื้อม้าสดๆ บนสนามรบ แต่พวกเขาก็มิยอมทิ้งอาวุธยอมจำนน

จวบจนกระทั่งอรุณรุ่ง ในที่สุดหลี่เสี่ยนจึงกำจัดกระบวนทัพที่เหลือนอกจากของหลงถิงเฟยและทหารคนสนิทของเขาจนหมด แทบมิมีเชลยศึก ทหารเป่ยฮั่นเกือบทั้งหมดสู้รบจนชีพวาย บางส่วนหลังจากหมดกำลังจะต่อสู้ก็ปลิดชีพตน มิยอมตกเป็นเชลยให้อัปยศ เชลยที่มีอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคนหากมิใช่ผู้ที่บาดเจ็บหนักจนหมดหนทางสังหารตัวตาย ก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงสลบไปจึงมิมีโอกาสแสวงหาความตาย

หลี่เสี่ยนสีหน้าเขียวคล้ำมองหลงถิงเฟยที่ถูกล้อมอยู่กลางวงล้อมแน่นหนา สองมือกำหมัด โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก ยามนี้เอง เสียงทุ้มนุ่มก็ดังมาจากด้านหลัง “เหตุไฉนองค์ชายสีหน้าย่ำแย่เช่นนี้เล่า ตอนนี้กำลังจะได้หัวของผู้นำของศัตรูแล้ว องค์ชายสมควรยินดีจึงจะถูก”

หลี่เสี่ยนมิหันกลับไป แต่เอ่ยเหน็บแนมขึ้นว่า “ที่แท้ก็ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพมานี่เอง อะไรกัน มิหงุดหงิดแล้วหรือไร”

ข้าลูบจมูก ย่นคอยิ้มแหยอย่างอดมิได้ แล้วลอบนึกเสียใจกับตนเองว่าสองวันก่อนมิสมควรล่วงเกินฉีอ๋อง แต่กล่าวไปแล้วจะโทษข้าก็มิได้ แม้ข้าจะมีกิจการอยู่ทั่วหล้า ทว่าถึงกิจการจะใหญ่โตแต่กลับกำไรน้อยนิด อยู่ดีๆ ต้องสูญเสียเครือข่ายกิจการในแคว้นสู่ไปเปล่าๆ จะมิให้ข้าปวดใจสุดแสนได้เช่นไร

กิจการในมือข้าหลักๆ มีอยู่สี่ส่วน ส่วนแรกคือหอกลไกสวรรค์ในหนานฉู่ หอกลไกสวรรค์ควบคุมร้านค้าสามส่วนในเจียงหนานไว้อย่างลับๆ แต่ร้านค้าสามส่วนนี้มิใช่สิ่งที่ข้าควบคุมเองทั้งหมด หุ้นส่วนใหญ่ในร้านค้าเหล่านั้นนั้นเป็นของผู้ที่ร่วมมือกับข้า หุ้นส่วนที่เหลือก็ถูกข้าแบ่งให้ศิษย์จากค่ายลับ เหลือเพียงส่วนเดียวที่ยังอยู่ในการควบคุมโดยตรงของข้า

แต่ตามแผนการของข้า หลังจากใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ข้าจะแจกจ่ายร้านค้าเหล่านี้ทั้งหมดออกไปจากมือ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ข้ามิอาจขายและมิอาจดึงเงินจำนวนมากเกินไปออกมาจากร้านค้าที่ถูกคุมอยู่ภายใต้ชื่อหอกลไกสวรรค์อย่างตามใจ นอกจากนี้เพื่อควบคุมเครือข่ายข่าวสารของหนานฉู่ กำไรส่วนนี้ที่ข้าสมควรได้ก็แทบจะมิมีให้เห็น

ส่วนที่สองก็คือโรงเตี๊ยมผิงอานที่ลี่ว์เอ่อร์รับผิดชอบอยู่ นี่เป็นกิจการที่ข้าควบคุมอย่างสมบูรณ์ มีหน้าที่เป็นเส้นทางติดต่อกับกิจการอื่นของข้า แล้วยังเป็นแหล่งข่าวแห่งหนึ่งของข้าด้วย อยากจะควบคุมกิจการมโหฬารเช่นนี้ย่อมต้องลงแรงกับเงินทองไปมากมายเหลือคณานับ สรุปก็คือตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรายรับรายจ่ายสมดุล ต่อให้วันหน้าจะเป็นรายได้ที่ทยอยไหลมาทีละนิดอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยในตอนนี้ ข้าก็ยังคาดหวังมิได้

ส่วนที่สามคือหุ้นส่วนในกิจการเดินเรือตระกูลไห่ของข้า ส่วนนี้เรียกได้ว่ากำไรมากมาย แล้วก็เป็นแหล่งเงินทองสำคัญของข้าในตอนนี้ ไม่ต้องพูดให้มากความ หากมิได้เงินทองที่ตระกูลไห่หามาให้มิขาดสาย ข้าไหนเลยจะได้ครอบครองจวนจิ้งไห่ที่เป็นดั่งแดนเซียนบนโลกมนุษย์ ยิ่งมิต้องพูดถึงการก่อตั้งโรงเตี๊ยมผิงอาน

ส่วนที่สี่ก็คือกิจการที่กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วควบคุมอยู่ ตอนแรกข้าทำไว้เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วเหล่านั้นได้มีที่ทางลงหลักปักฐาน พวกเขาจะได้ไม่ต้องวันๆ คิดแต่จะแก้แค้นให้แว่นแคว้น คิดไม่ถึงกลับสร้างเงินเป็นกอบเป็นกำ สมาชิกของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วเหล่านี้มากกว่าครึ่งล้วนเป็นคนเก่งที่ค่อนข้างมีความสามารถหรือมีเส้นสาย หากมิใช่คนประเภทนี้ ไหนเลยจะมีความคิดต่อต้านต้ายง ด้วยความพากเพียรของงูเจ้าถิ่นเหล่านี้ กิจการของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน แต่ละปีเมื่อได้เห็นบัญชารายรับ ข้าล้วนยินดีปรีดาจนปากแทบหุบมิลง

เดิมทีข้าเป็นคนข้างในจึงเลอะเลือน มิต้องการสละกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วเพราะตัดใจจากผลประโยชน์เหล่านี้มิลง แต่หลังจากได้ทราบความต้องการของเซี่ยโหวหยวนเฟิง สติของข้าก็แจ่มชัด ค้นพบอย่างจนปัญญาว่าข้าจำเป็นต้องทิ้งกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่ว เพื่อมิให้เซี่ยโหวหยวนเฟิงอาศัยกิจการของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วแทรกซึมเข้ามาในขุมกำลังของข้า

ข้าตัดสินใจเด็ดขาดทิ้งกิจการทั้งหมด ให้พวกเฉินเจิ่นนำเงินสดมากกว่าเก้าส่วนส่งไปไว้ในมือของลี่ว์เอ่อร์ผ่านทางหอกลไกสวรรค์ แม้ข้าจะพยายามลดการสูญเสียให้น้อยที่สุดแล้ว เหลือแต่ตัวร้าน สินค้ากับทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายมิได้ไว้ให้คนของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วที่รับผิดชอบดูแลกิจการเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขารอคอยอย่างมิรู้เรื่องรู้ราวจนกว่าเซี่ยโหวหยวนเฟิงจะเข้ามารับช่วงต่อ แต่เมื่อคิดว่านับจากนี้รายได้แต่ละปีของข้าจะน้อยลงสี่ส่วน ข้าก็ยังปวดใจยิ่งนัก แล้วจะมิให้ข้าทุบอกกระทืบเท้าได้เช่นไร

อะไรนะ เจ้าจะบอกข้าว่าลาภยศล้วนเป็นดั่งเมฆบนท้องฟ้า เหลวไหลทั้งเพ ข้าเจียงเจ๋อแม้มิรักอำนาจและชื่อเสียง แต่ข้ายังรักเงินอยู่ หากไม่มีเงิน ข้าจะเอาสิ่งใดมาเลี้ยงปากท้องครอบครัว จะให้ข้าทุจริตรับสินบนหรือ หวนนึกถึงเมื่อครั้งกระโน้น เหตุที่ข้าต้องไปสอบจ้วงหยวนก็เพราะเสี่ยวซุ่นจื่อตีหัวดักปล้นเงินไปมิใช่หรือไร

แม้ข้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหลายปีเพราะเหตุนั้น แต่มันก็เปลี่ยนชีวิตข้าทั้งชีวิต หากยามนั้นข้ามีเงินทองมั่งคั่ง บางทีตอนนี้ข้าอาจยังเร้นกายซ่อนอยู่ในแผ่นดินแห่งขุนเขาและสายธารอันงดงามแห่งนั้น แต่ละวันอ่านตำราลิ้มรสชา ชมบุปผาตกปลา มีความสุขมิหมดสิ้น แม้ชีวิตจะราบเรียบไปบ้าง แต่ก็คงใช้ชีวิตอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวลได้ทั้งชีวิต

อีกอย่างหนึ่ง ร่างกายในตอนนี้ของข้าแม้จะพอเรียกได้ว่าแข็งแรง แต่หากไม่มีเงินทองเพียงพอให้ข้าใช้ยาล้ำค่าสารพัดชนิดบำรุงร่างกาย แล้วยังต้องให้ข้าไประหกระเหินตรากตรำหาเงินอีก ก็มิทราบว่าข้าจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่โหรวหลันกับเซิ่นเอ๋อร์แต่งงานหรือไม่ หากต้องการใช้ชีวิตสบายอกสบายใจ ไฉนจะมิต้องใช้เงิน อักษรและภาพวาดของปรมาจารย์ที่ข้าชอบต้องใช้เงิน ตำราล้ำค่าหายากที่ข้าชอบก็ต้องใช้เงิน แม้แต่กระดาษกับหมึกที่เขียนอักษร กำยานหอมที่จุดยามเล่นพิณ บุปผาและพรรณไม้แปลกตาเต็มสวน ก็มิใช่เงินทองก่อขึ้นมาหรือไร

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ความเสียหายในหนนี้ก็เพียงพอทำให้ข้าเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ คิดมาคิดไปล้วนเป็นเพราะเชื้อพระวงศ์ของต้ายงทั้งสิ้น ในเมื่อหลี่จื้อเป็นจักรพรรดิ ข้ามิกล้าพานโกรธเขา ฉางเล่อเป็นคนที่ข้ารัก ข้าก็โกรธไม่ลง จึงได้แต่พานโกรธหลี่เสี่ยนที่อยู่ตรงหน้า ส่วนพวกจ่างซุนจี้กับจิงฉือ ผู้ใดให้พวกเขาเป็นแม่ทัพคนสนิทคนโปรดของหลี่จื้อเล่า ดังนั้นข้าจึงพานโกรธเสียทั้งหมด

หลายวันนี้ข้าอ้างว่ารักษาอาการป่วยมิสนใจเรื่องทั้งหลายในกองทัพ แน่นอนว่าพานโกรธก็ส่วนพานโกรธ ตัวข้าเองคิดว่าหลี่เสี่ยนต้านหลงถิงเฟยกับหลินปี้ไหว ส่วนเรื่องการรบราข้าก็มิสันทัดนัก ดังนั้นจึงมิสนใจ ไฉนจะคาดคิดว่าสถานการณ์ในสงครามตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ แต่ข้าก็ค่อนข้างพอใจสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ทีเดียว

หลงถิงเฟยถูกล้อม ช้าเร็วย่อมถูกจับตัว แม้หลินปี้อาศัยจังหวะที่กองทัพต้ายงไร้กำลังมาเสริม นำกองทัพโต้โจวตีฝ่าวงล้อมของทัพตะวันตก พาไพร่พลไต้โจวเจ็ดพันคนฝ่าวงล้อมออกไปสำเร็จ แต่กำลังพลของกองทัพไต้โจวก็เสียหายอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้น จากข่าวที่ข้าได้รับมา การฝ่าวงล้อมออกไปของหลินปี้ก็มิอาจส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของเป่ยฮั่นได้อีกแล้ว กลับกัน การรอดชีวิตกลับไปของนางทำให้ต้ายง เชื้อพระวงศ์เป่ยฮั่นกับตระกูลหลินแห่งไต้โจวมีโอกาสแก้ไขความสัมพันธ์

สิ่งที่ผิดคาดที่สุดก็คือเรื่องที่จิงฉือถูกลอบสังหารจนทำให้กำลังหลักของกองทัพชิ่นโจวฝ่าวงล้อมออกไปสำเร็จ หากมิใช่ว่าในอดีตข้าเคยให้ยารักษาชีวิตเม็ดหนึ่งแก่เขาเมื่อตอนอยู่ในสวนเหมันต์ น่ากลัวว่าเขาคงยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้

เรื่องนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของข้าอย่างชัดเจน แต่เนื่องจากหลี่เสี่ยนตัดสินใจเด็ดขาดได้ทันท่วงที ให้จ่างซุนจี้มิจำเป็นต้องพะวงถึงหลงถิงเฟยกับกองทัพไต้โจวที่ถูกล้อม ให้มุ่งไล่สังหารทหารชิ่นโจวที่หนีรอดไปเพียงอย่างเดียว แม้กองทัพชิ่นโจวจะฝ่าวงล้อมสำเร็จ แล้วยังฉวยโอกาสสังหารกองทัพต้ายงที่ปิดกั้นแม่น้ำชิ่นสุ่ย ช่วยกำลังพลที่เหลืออยู่ของกองเรือเป่ยฮั่นออกมาได้ แต่เมื่อเผชิญกับการไล่ล่าของจ่างซุนจี้ก็มีเพียงกองทัพสามหมื่นนายที่หนีรอดกลับไปถึงชิ่นหยวน

ยามนี้จ่างซุนจี้ปิดตายหุบเขาชิ่นสุ่ย ตั้งทัพอยู่หน้าเมืองชิ่นหยวนแล้ว เรียกได้ว่าเป้าหมายที่คิดไว้ล้วนสำเร็จสมประสงค์ แม้จะมิสมบูรณ์แบบเต็มร้อย จิงฉือบาดเจ็บหนัก หลี่เสี่ยนเสียหน้า แต่ครั้งนี้ก็ยังเป็นชัยชนะขาดลอยหนหนึ่ง