ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นเขา หากมีคนที่เกลียดครอบครัวตัวเองอย่างสุดซึ้งมานานเป็นสิบปี และทุกเมื่อ อาจเกิดอันตรายกับครอบครัวของตัวเองได้ เขาจะไม่ยอมให้มีการคุกคามแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน และเลือกที่จะรัดคอให้ตายคาเปล
ดังนั้นที่เขาบอกว่าตระกูลสวนจันทร์นั้นโง่เขลา นั้นไม่ได้พูดผิด
เพราะว่าคนในตระกูลสวนจันทร์โง่แบบนี้ ถึงทำให้ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อตระกูลสวนจันทร์ยืดยาวออกมานานเป็นสิบกว่าปี
แต่ถ้าหัวใจของคนตระกูลสวนจันทร์เลือดเย็นกว่านี้หน่อย เขาก็คงไม่อยู่ยาวมาจนถึงป่านนี้ เกลียดชังตระกูลสวนจันทร์อย่างพวกเขามาจนป่านนี้ไม่ใช่เหรอ?
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องพวกนี้ แต่คือเพราะอะไรทำไมคนในตระกูลสวนจันทร์ถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายไปเลยล่ะ?
พงศกรหลับตาลง ปิดกันสายตาในดวงตา
พูดเรื่องจริง หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล ปฏิกิริยาแรกของเขาไม่ได้ตื่นเต้นเพราะตัวเองรอดชีวิตมาได้ กลับกัน ความจริงแล้วเขารู้สึกเสียใจ เสียใจที่ทำไมคนในตระกูลสวนจันทร์ถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายเสีย
ใช่ เขาอยากตาย
สิบกว่าปีมานี้ เขาเกลียดตระกูลสวนจันทร์มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยน จนกระทั่งเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ ตระกูลสวนจันทร์คือปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดของการฆ่าพ่อแม่ของเขาเอง ดังนั้นเขาเลยเกลียดตระกูลสวนจันทร์ อยากจะฆ่าทุกคนในตระกูลสวนจันทร์ไปให้หมด ดังนั้นหลังจากที่เขารู้ถึงความรู้สึกที่ปาจรีย์มีต่อเขา เขาถึงรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก
แต่ในขณะเดียวกันที่รังเกียจ เขากลับไม่ห้ามปาจรีย์ให้ชอบเขาต่อ กลับสะกดจิตเธอเป็นครั้งคราว ให้เธอรู้สึกต่อเขาลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแบบนี้ ปาจรีย์ถึงไม่ลืมเขา หลังจากที่ลืมเขาไม่ได้ ก็จะเจ็บปวดทรมานต่อไป
นี่เป็นหนึ่งในวิธีแก้แค้นตระกูลสวนจันทร์
แต่ ทุกๆ ครั้งที่เห็นปาจรีย์เจ็บปวดแบบนี้ ในใจเขากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย กลับมีแต่รู้สึกโกรธและหงุดหงิด
เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดทำไม เขารู้แค่ว่า สิ่งที่เขาเรียกว่าแก้แค้น มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขเลยสักนิด
แต่เขากลับจำเป็นต้องแก้แค้น ไม่อย่างนั้น ความเกลียดชังตลอดสิบกว่าปีของเขา จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกเหรอ?
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ หลังจากที่ฟังนัทธี รวมถึงสิ่งที่นิรุตติ์พูด
พวกเขาบอกว่า เขาไม่ได้เกลียดตระกูลสวนจันทร์ ไม่อย่างนั้นเขาฆ่าคนในตระกูลสวนจันทร์ไปหมดแล้ว ไม่ปล่อยให้ตระกูลสวนจันทร์รอดมาได้ถึงป่านนี้หรอก สิ่งที่เขาเรียกว่าเกลียดชัง ก็เพียงเพราะว่าเขาไม่สามารถ ช่วยชีวิตพ่อกับแม่ของตัวเองได้ แต่ต้องการหาถังระบาย
เขาเองก็ไม่ได้เกลียดปาจรีย์ กลับกัน พวกเขาบอกว่าความจริงแล้วคนที่เขารักก็คือปาจรีย์
เพียงแต่หัวใจเขาเอาแต่ล้างสมองตัวเองอยู่ตลอด บอกตัวเองว่าไม่รักปาจรีย์เกลียดปาจรีย์ นานแล้วนานเล่า เขาถึงคิดว่าตัวเองเกลียดปาจรีย์จริงๆ
ในตอนแรก เขาไม่เชื่อคำพูดของนัทธีและนิรุตติ์สองคนนี้
จนกระทั่งตอนที่เขาได้พบปาจรีย์อีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจเขา บอกเขาว่า เขารักปาจรีย์จริงๆ สิ่งที่นัทธีพวกเขาพูดนั้นคือความจริง
เพราะว่าการที่ได้เจอกับปาจรีย์อีกครั้ง ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดเธอแบบนั้นจริงๆ กลับกัน เขาอยากจะจับเธอมาถาม แล้วถามเธอว่าทำไมต้องลืมเขา!
แต่ยังไม่รอให้เขาได้ถามออกไป สิ่งที่ทักทายเขา ก็คือกำปั้นของคุณพ่อประสิทธิ์
และสิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้มากที่สุด คือการที่ปาจรีย์ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยสายตาที่มองเขา อย่างคนแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
เหมือนกันกับตอนนี้
พงศกรลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วส่งสายตาจ้องไปที่ปาจรีย์
ปาจรีย์ตัวสั่นจากสายตาที่เขามองเธอ ในใจมีความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
เธอรู้ ว่าความรู้สึกกลัวนี้ คือความรู้สึกที่เหลือจากอดีต ไม่ใช่ความรู้สึกจริงของเธอในตอนนี้
แต่ยังคงไม่ยอมแพ้เธอ กุมศอกของคุณพ่อประสิทธิ์แน่น แล้วไปหลบอยู่ที่หลังของคุณพ่อประสิทธิ์
เมื่อมองไปที่กิริยาท่าทางของปาจรีย์ นัยน์ตาของพงศกรก็หดลง และความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
เธอ……กลัวเขามากขนาดนี้!
คุณพ่อประสิทธิ์เองก็รู้ว่าลูกสาวกลัวพงศกร ดังนั้นหลังจากที่จ้องพงศกรไปอย่างดุเดือด ตัวเองก็ให้ลูกสาวไปยืนอยู่ข้างหลัง ปกคลุมลูกสาวอย่างมิดชิดมากขึ้น ไม่ให้พงศกรได้เห็น
พงศกรเม้มริมฝีปากบาง ไม่พูดอะไร
ตอนนี้ หมอก็ได้ตรวจเช็กพงศกรเรียบร้อยแล้ว
ปาจรีย์ถามหมอด้วยภาษาอังกฤษ “หมอ เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”
เธอชี้ไปที่พงศกร
ถึงแม้พงศกรจะไม่เห็นท่าทางของเธอ แต่ประโยคนี้ที่เธอถาม กลับทำให้มีประกายแวบผ่านดวงตาของเขา
เธอยังเป็นห่วงเขาอยู่ใช่ไหม?
หมอผลักแว่น “คนไข้ฟื้นตัวแล้ว นั่นก็แสดงว่าไม่มีอาการอันตรายแล้วครับ แค่รอให้ฟื้นตัวอีกสองสามวัน สภาพอาการบาดเจ็บดีขึ้น ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะหมอ” ปาจรีย์ยิ้มขอบคุณ
หลังจากที่หมอออกไป เธอก็นำสิ่งที่คุยกับหมอ พูดให้คุณพ่อประสิทธิ์ฟังด้วยภาษาของตัวเอง
หลังจากที่คุณพ่อประสิทธิ์ฟัง ก็พยักหน้า หมายความว่าเข้าใจแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่พงศกรด้วยสายตามืดมน “ไอ้หนุ่ม นายดวงดีมากนะ ตอนนี้นนายควรขอบคุณกฎหมายคุ้มครองนะ ไม่อย่างนั้นฉันเอานายตายไปแล้ว”
พงศกรสบตาพ่อประสิทธิ์ด้วยสายตาแน่นิ่ง และไม่ได้พูดอะไร ในสายตานั้นก็ไร้ซึ่งความกลัว
เขาอยากตายอยู่แล้ว
ความเกลียดชังที่หนักแน่นตลอดที่ผ่านมา ความจริงมันกลายเป็นเรื่องโกหกที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นความยืนหยัดของเขาสิบกว่าปีมานี้ มันคือเรื่องตลกทั้งเพ
สิบกว่าปีมานี้ ทั้งหมดที่เขาทำกับตระกูลสวนจันทร์ ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมายอะไร รวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ เขาฝัน ฝันถึงพ่อและแม่ของตัวเอง พวกเขากำลังตำหนิตัวเองในฝัน ตำหนิว่าทำไมตัวเองถึงต้องไปแก้แค้นบุญคุณ ทำไมต้องเอาความผิดทุกอย่างไปโทษใส่ตระกูลสวนจันทร์
ดูสิ พ่อแม่ตำหนิเขาว่าเกลียดผิดคน ไม่ให้โทษตระกูลสวนจันทร์
นัทธีกับนิรุตติ์ ก็บอกว่าเขาไม่ได้เกลียดตตระกูลสวนจันทร์ คนที่เขาเกลียดจริงๆ ก็คือตัวเขาเอง
ดังนั้นสิบกว่าปีของเขา ทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องตลก และคนหยิ่งผยองอย่างเขา ที่จริงแล้วยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ไม่ได้ต่างหาก ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว มีแต่ความตายเท่านั้น ถึงจะสามารถละลายทุกอย่างไปได้
ละลายความเกลียดแค้นที่ตัวเองมีต่อตระกูลสวนจันทร์ ละลายความเกลียดแค้นที่ตระกูลสวนจันทร์มีต่อตัวเขาเอง ละลายหนี้ที่ตัวเองมีต่อปาจรีย์
ดังนั้นต่อให้ตายเขาก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวสายตาของคุณพ่อประสิทธิ์ได้ยังไง
คุณพ่อประสิทธิ์มองพงศกรที่ไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าพงศกรกำลังคิดอะไรอยู่ คิดแค่ว่าพงศกรไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย โกรธจนส่งเสียงหึออกมา “ปาจรีย์ ในเมื่อเขาฟื้นแล้ว งั้นเรื่องราวต่อจากนี้ เราก็ไม่ต้องมาสนใจแล้ว เราไปกันเถอะ!”
“พ่อคะ” ปาจรีย์ดึงพ่อไว้ แล้วส่ายหัว “พ่อ พวกเราไปไม่ได้ อย่าลืมสิ เรามาที่นี่ เพราะว่าอะไร”
“หรือไม่ใช่เพราะว่ามาดูว่าเขาตายหรือเปล่า?” คุณพ่อประสิทธิ์จ้อง
วารุณีถอนหายใจอย่างจำใจ “เอาล่ะค่ะพ่อ อย่าทำแบบนี้เลย พ่อก็รู้ พวกเรามาที่นี่ นอกจากมาดูว่าเขาตายหรือเปล่า นอกจากนั้นก็เพราะพ่อนะคะ”
“พ่อบอกแล้วไง พ่อไม่ได้ต้องการให้พวกเธอทำแบบนี้” ใบหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์ขรึม
เขาไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองเพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องติดคุก เลยต้องไปขอร้องพงศกร
ถ้าหากว่าพงศกรนี่ ยกข้อเสนอไร้ยางอายให้เธอเอาเด็กออกขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง?
เขากลัวว่าปาจรีย์จะตอบรับไปอย่างโง่เขลา
ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง เขาที่เป็นพ่อคนนี้ จะทนได้ยังไง?
จะยอมรับอย่างสบายใจได้ยังไง!
ปาจรีย์รู้จักความกังวลของคุณพ่อประสิทธิ์ ก็ถอนหายใจอยู่ในใจ “พ่อคะ ฉันรู้ว่าพ่ออไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้ แต่ถ้าพ่อไม่ยอมให้ฉันทำแบบนี้จริงๆ ใจของฉันก็ไม่สามารถสงบลงได้ เพราะว่าฉันพ่อถึงได้ต่อยเขา ถ้าหากฉันลูกคนนี้ ที่หลบซ่อนอยู่หลังพ่อ เสพสุขจากสิ่งที่พ่อทุ่มเทไปเพื่อฉันอย่างสบายใจ ฉันจะกลายเป็นตัวอะไร?เป็นลูกสาวอกตัญญูที่ไร้หัวใจไง “
“ปาจรีย์……” คุณพ่อประสิทธิ์มองปาจรีย์ที่อารมณ์อ่อนไหว ปากขยับ อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองสายตาจริงจังของลูกสาวตัวเอง ทันใดนั้นก็พูดไม่ออก
ปาจรีย์ดึงมือของคุณพ่อประสิทธิ์ไว้ แล้วพูดน้ำเสียงนุ่มนวลลง “พ่อคะ ความจริงแล้วพ่อเป็นห่วงฉันใช่ไหม?กลัวว่าฉันจะคิดถึงเขาขึ้นมาอีกครั้ง รักเขาอีกครั้ง และสิ่งที่กังวลฉันมากกว่านั้น จะฟังข้อเสนอเขาอย่างโง่เขลา แล้วทำเรื่องโง่ๆ ออกมาใช่ไหม?