ตอนที่ 868 ศักดิ์ศรี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 868 ศักดิ์ศรี

หลี่เม่าเคยคำนวณเวลาไว้แล้ว นอกเสียจากไป๋ชิงเหยียนมีปีก มิเช่นนั้นหญิงสาวไม่มีทางกลับมาถึงเมืองหลวงภายในเดือนห้าอย่างแน่นอน

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่กับข่าวการกลับมาขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว เสิ่นจิ้งจงหันหลังกลับ พุ่งดาบไปทางร่างของเหลียงอ๋องแทน ฝูรั่วซีและเซี่ยอวี่จั่งผุดลุกขึ้นยืนกระแทกร่างของทหารรักษาพระองค์ที่คุมตัวพวกเขาอยู่จนล้มลงบนพื้น จากนั้นตะโกนลั่น “ท่านอัครมหาเสนาบดีหลู่ ใต้เท้าต่ง ใต้เท้าหลู่รีบหนีไปเร็ว!”

“คุ้มกันฝ่าบาท!” ฟ่านอวี๋ไหวดันร่างของเหลียงอ๋องไปไว้ด้านหลัง จากนั้นชักดาบออกมาพลางตะโกนลั่น

เหลียงอ๋องสวมเครื่องแต่งกายเต็มยศและหนักอึ้ง เมื่อถูกฟ่านอวี๋ไหวดันไปด้านหลังจึงเซล้มลงบนพื้น จากนั้นถูกทหารรักษาพระองค์ประคองให้ลุกขึ้นแล้วหลบเจ้าไปในตำหนัก

เหลียงอ๋องตวาดออกมาอย่างโมโห “สังหารพวกมันให้หมด! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่ผู้เดียว!”

รัชทายาทเห็นเหตุการณ์จึงรีบคลานขึ้นมาจากพื้น จากนั้นวิ่งเอามือบังศีรษะไปหลบอยู่หลังรั้วหินอ่อนสีขาวที่อยู่ด้านข้าง

บรรดาขุนนางที่ถูกจับกุมให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักอาศัยช่วงชุลมุนลุกขึ้นยืนกระแทกร่างของเหล่าทหารรักษาพระองค์ จากนั้นวิ่งหลบหนีท่ามกลางความชุลมุน บางคนเสียชีวิตภายใตคมดาบของทหารรักษาพระองค์ บางคนหนีรอดไปได้ด้วยสภาพที่สะบักสะบอม

หน้าตำหนักใหญ่วุ่นวายเป็นพัลวันขึ้นทันที

“รายงาน…” สายลับคนหนึ่งวิ่งตะโกนร้องขึ้นมารายงาน “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพผิงหยางด้วยองค์เองพ่ะย่ะค่ะ กองทัพหย่วนผิงและกองทัพไป๋เห็นดังนั้นจึงเปิดประตูเมืองออกเพื่อล้อมกองทัพผิงหยางจากทางด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ”

กลุ่มของฟ่านอวี๋ไหวและหลี่เม่าเบิกตาโพลง พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางมาถึงเร็วเพียงนี้ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง…ไป๋ชิงเหยียนมีปีกอย่างนั้นหรือ! แม่ทัพคุ้มกันเมืองต่างๆ ที่ไป๋ชิงเหยียนผ่านไปถึงไม่ได้ขัดขวางไป๋ชิงเหยียนหรืออย่างไรกัน

“ใต้เท้าฟ่าน!” หลี่เม่ารีบถลาเข้าไปหาฟ่านอวี๋ไหว จากนั้นกระชากแขนฟ่านอวี๋ไหวเอาไว้ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาแล้ว พวกเราฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่กองทัพผิงหยาง พวกเราจะอยู่ในวังหลวงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เราควรสั่งให้กองกำลังรักษาพระองค์ฝ่าด่านบุกออกไปจากวังหลวง จากนั้นเข้าควบคุมกองทัพหย่วนผิงและกองทัพไป๋จากทางด้านหลัง มิเช่นนั้นกองทัพผิงหยางจะถูกโจมตีจากทั้งสองด้าน หากกองทัพผิงหยางพ่ายแพ้ ความหวังของพวกเราได้จบสิ้นแน่!”

เหลียงอ๋องสะบัดร่างของฟ่านอวี๋ไหวที่คอยคุ้มกันเขาออก “สิ้นหวังอันใดกัน! พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าพวกเรายังมีตัวประกันอยู่ ไป๋ชิงเหยียนยกทัพมาเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อและรัชทายาทไม่ใช่หรืออย่างไร พวกเรายังมีเสด็จพ่อและรัชทายาทอยู่ในกำมือ เหตุใดต้องหวาดกลัวนางด้วย รีบไปจับตัวรัชทายาทมา!”

เหลียงอ๋องบอกกับคนภายนอกว่ารัชทายาทสังหารจักรพรรดิต้าจิ้นสนสวรรคตแล้ว ทว่า ความจริงเหลียงอ๋องยังไม่ได้ลงมือกับบิดาของตัวเอง

เขาสั่งให้คนกักบริเวณจักรพรรดิต้าจิ้นเอาไว้ เขาไว้ชีวิตจักรพรรดิต้าจิ้นเพราะต้องการให้เสด็จพ่อของเขาได้เห็นกับตาของตัวเองว่าแม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิต้าจิ้น เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์นี้ได้อย่างชอบธรรมเช่นเดียวกัน

เขาต้องการให้เสด็จพ่อที่ไม่ยอมประกาศราชโองการล้างมลทินให้ถงกุ้ยเฟยและองค์ชายรองเห็นว่าเขารื้อคดีของถงกุ้ยเฟยและองค์ชายรองขึ้นมาเช่นไร

ถึงแม้หลี่เม่าและฟ่านอวี๋ไหวจะไม่เห็นด้วย ทว่า พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจไว้ชีวิตจักรพรรดิต้าจิ้นในตอนนั้นจะกลายเป็นประโยชน์ในตอนนี้ได้

ไม่นานรัชทายาทที่หวาดกลัวจนลุกเดินไม่ไหวก็ถูกทหารรักษาพระองค์ลากตัวเข้ามาในตำหนัก

หลี่เม่ากล่าวกับเหลียงอ๋อง “ต่อให้เป็นเช่นนี้เราก็ต้องช่วยเหลือกองทัพผิงหยางนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ฟ่านอวี๋ไหว เจ้าจงส่งกองกำลังรักษาพระองค์สองหมื่นนายไปช่วยกองทัพผิงหยาง จากนั้นส่งทหารห้าพันนายคุมตัวอดีตรัชทายาทขึ้นไปบนกำแพงวัง หากไป๋ชิงเหยียนคิดบุกโจมตีวังหลวง จงผลักอดีตรัชทายาทลงจากกำแพงทันที สั่งให้ทหารห้าพันนายถ่วงเวลาคุ้มกันเมืองหลวงให้ได้นานที่สุด”

เหลียงอ๋องกล่าวเสียงขรึมราวกับวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว “ทหารอีกห้าพันนายที่เหลือรีบคุ้มกันเราและขุนนางที่เหลือออกไปจากเมืองหลวงทางประตูทิศตะวันออก ขอเพียงเสด็จพ่อยังอยู่ในกำมือของพวกเรา ต่อให้พวกนั้นทำลายวังหลวงได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด รากฐานสำคัญยังอยู่ในมือของพวกเรา!”

หลี่เม่าคิดตามครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า กระหม่อมคิดว่าการผลักอดีตรัชทายาทลงไปจากกำแพงจะยิ่งทำให้ทหารเหล่านั้นโจมตีอย่างดุเดือดยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญข่าวการสวรรคตของจักรพรรดิต้าจิ้นแพร่ออกไปแล้ว หากไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่ออดีตรัชทายาทผู้เดียว ไม่สนใจอดีตจักพรรดิต้าจิ้น ถึงเวลานั้นคงยุ่งยากกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงอ๋องพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของหลี่เม่า เขาหันไปสั่งให้ฟ่านอวี่ไหลงมือตามแผนการ

ฟ่านอวี๋ไหวพยักหน้ารับคำสั่ง

หลี่เม่าและฉู่จงซิ่งกำลังปรึกษากันว่าจะหนีไปที่ใด ฉู่จงซิ่งคิดว่าควรหนีไปยังเมืองกว่างหลิง ด้านหน้าของเมืองกว่างหลิงมีแม่น้ำใหญ่เป็นป้อมปราการสำคัญ เป็นเมืองที่คุ้มกันง่ายโจมตียาก ทว่า หลี่เม่าคิดว่าควรหนีไปที่เมืองลั่วหง

หลี่เม่าคิดว่าเมืองกว่างหลิงอยู่ใกล้ชายแดนต้าเยี่ยนมากเกินไป ไม่สู้อพยพไปยังเมืองลั่วหงที่มีเขื่อนกว่างเหอยู่ทางด้านขวาของเมืองดีกว่า บัดนี้เมืองลั่วหงกำลังมีการสร้างเขื่อนกว่างเหออยู่ ที่นั่นมีทั้งกำลังทหารและเสบียงอาหาร ที่สำคัญที่นั่นอยู่ติดกับเยี่ยนว่อ เมื่อเขื่อนกว่างเหอสร้างเสร็จ เยี่ยนว่อจะกลายเป็นแหล่งเสบียงอาหารที่สำคัญที่สุดของต้าจิ้นที่จะสูญเสียไปไม่ได้เด็ดขาด

“แม้ตอนนี้เราจะมีกำลังทหารมากพอที่จะคุ้มกันฝ่าบาทหนีออกไปทางประตูเมืองทิศตะวันออก ทว่า เมื่ออกจากเมืองได้แล้วพวกเราต้องกระจายกำลังทหารออกไปทุกทิศเพื่อล่อฝ่ายศัตรูและถ่วงเวลาให้ฝ่าบาทให้ได้มากที่สุด!” หลี่เม่าชี้นิ้วลงบนแผนที่ จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ทางที่ดีขบวนของฝ่าบาทควรปลอมตัวอย่างเรียบง่าย ส่วนขบวนอื่นหนีไปอย่างเอกเกริกเพื่อดึงดูดสายตาของทหารศัตรู ที่สำคัญนอกจากเจ้าและข้าแล้วห้ามให้ผู้อื่นรู้เส้นทางของฝ่าบาทเด็ดขาด!”

เหลียงอ๋องไม่ได้ฟังสักนิดว่าหลี่เม่าและฉู่จงซิ่งกล่าวสิ่งใดกัน เขานั่งมองอดีตรัชทายาทที่เอาแต่ชะโงกหน้ามองไปทางด้านนอกอยู่บนบัลลังก์มังกร จากนั้นหัวเราะออกมาเสียงเย็น “เจ้ากำลังรอให้ไป๋ชิงเหยียนนำทัพบุกมาช่วยให้เจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างนั้นหรือ เจ้าดูสภาพของตัวเองตอนนี้เสียก่อน เจ้าอ้อนวอนขอร้องเราอย่างไรศักดิ์ศรีต่อหน้าขุนนางมากมาย อีกทั้งฉี่ราดกางเกงถึงสองรอบเช่นนี้ กลิ่นฉุนยังติดอยู่บนร่างของเจ้าอยู่เลย เจ้ายังกล้านั่งบนบัลลังก์นี้อีกหรือ!”

เหลียงอ๋องเคาะนิ้วลงบนที่วางแขนเบาๆ แววตาคมกริบราวกับมีด

อดีตรัชทายาทได้ยินเสียงจึงหันกลับไปมอง เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างของตัวเองยังคงเปียกชื้นอยู่…เขารู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก

ฉี่ราดกางเกง อ้อนวอนเหลียงอ๋องต่อหน้าขุนนางมากมาย เขาไม่กล้าสู้หน้าผู้อื่นแล้วจริงๆ!

ทว่า ตอนนั้นอยู่ในช่วงความเป็นความตาย รัชทายาทจะมีเวลาสนใจศักดิ์ศรีของตัวเองได้อย่างไรกัน

“ฝ่าบาท…” หลี่เม่ากล่าวขึ้น “กระหม่อมและใต้เท้าฉู่ปรึกษากันเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดรีบเปลี่ยนฉลององค์เตรียมหนีออกจากวังหลวงพร้อมกับพวกกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

นอกเมือหลวง

เมื่อกองทัพใหญ่ที่มีธงสัญลักษณ์เฮยฟานไป๋หมั่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย แม่ทัพกองทัพผิงหยางเริ่มหวาดหวั่นขึ้นทันที เขารู้ว่ากองทัพที่ต่อสู้กับพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงตอนนี้คือกองทัพของไป๋จิ่นซิ่วผู้เป็นน้องสาวขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว ดังนั้นเมื่อกองทัพที่มีธงสัญลักษณ์ของตระกูลไป๋ปรากฏขึ้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นทัพเสริมของไป๋จิ่นซิ่ว

เมื่อแม่ทัพหวังเหมิ่งเห็นร่างของสตรีในชุดเกราะสีเงิน คลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีแดง ถือธนูเซ่อรื้ออยู่ในมือนั่งอยู่บนหลังม้าด้านหน้าสุดของขบวน เขาตกตะลึงทันที องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพมาเองอย่างนั้นหรือ

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจของกองทัพกบฏบนกำแพงเมืองและเสียงสั่งเปิดประตูเมืองเพื่อรับมือกับศัตรูของไป๋จิ่นซิ่ว กองทัพผิงหยางควรรีบถอยทัพหนีโดยเร็วที่สุด

ทว่า แม่ทัพหวังเหมิ่งแห่งกองทัพผิงหยางรู้ดีว่าหากเขาถอยทัพหนีไปตอนนี้ กองทัพใหญ่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจะบุกเข้าไปในเมืองหลวงทันที วังหลวงจะตกอยู่ในอันตราย! จักรพรรดิต้าจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย!