บทที่ 926 อำนาจของเทพมหาทัณฑ์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 926 อำนาจของเทพมหาทัณฑ์

โอกาสล้มเหลวสองส่วนมีความเสี่ยงสูงเกินไป!

ถึงขั้นที่อาจแฝงความเสี่ยงในการถูกโต้กลับไว้ด้วยซ้ำ!

หานเจวี๋ยอดนึกถึงประสบการณ์เล่นเกมออนไลน์ตอนเป็นคนธรรมดาในชาติก่อนไม่ได้ ถ้าหากค่าความแข็งแกร่งไม่เต็มร้อย โอกาสสำเร็จหนึ่งในร้อยกับโอกาสสำเร็จเก้าสิบในร้อยแทบจะไม่ต่างกันเลย

อีกอย่าง เขาเผชิญหน้ากับศัตรูในชีวิตจริง ยิ่งต้องระวัดระวังรอบคอบ

อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจเต็มร้อยว่าสังหารดวงจิตบรรพกาลในเสี้ยววินาทีได้ถึงจะลงมือ

‘เช่นนั้นจะยอมให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีกสักระยะแล้วกัน’

หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ เขาเขียนฉากจบสำหรับดวงจิตมหามรรคและเทพมหาทัณฑ์เอาไว้แล้ว

ดวงจิตบรรพกาลต้องตายเท่านั้น ส่วนเทพมหาทัณฑ์นำไปขังในคุกสวรรค์อนธการได้

หานเจวี๋ยไม่สามารถจับศัตรูทั้งหมดเป็นทาสได้ เช่นนั้นจะทำให้เรื่องคุกสวรรค์แตกได้ง่ายๆ และไม่อาจสร้างอำนาจได้

จำเป็นต้องมีศัตรูดับสูญ ถึงจะแสดงให้เห็นว่าราคาที่ต้องจ่ายเมื่อมาหาเรื่องเขาคือหายไปชั่วนิรันดร์

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกตรวจดู

[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านกายเนื้อได้รับการชำระล้างจากน้ำพุบรรพกาล คุณสมบัติกายเนื้อยกระดับขึ้น]

[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านกายเนื้อได้รับ…]

….

[โจวฝานศิษย์ของท่านกายเนื้อได้รับชำระล้างจากน้ำพุบรรพกาล คุณสมบัติกายเนื้อยกระดับขึ้น]

[หานอวี้เชื้อสายของท่านกายเนื้อได้รับชำระล้างจากน้ำพุบรรพกาล คุณสมบัติกายเนื้อยกระดับขึ้น]

….

[หวงจุนเทียนสหายของท่านดูดซับพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค พิสูจน์มหามรรค]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านตระหนักรู้ในความเป็นจริง พลังมรรคเพิ่มพูน]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปรมาจารย์ฟ้าทลายศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

….

บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดที่ถูกดวงจิตบรรพกาลจับตัวไปล้วนได้รับการชำระล้างจากน้ำพุบรรพกาล

จุ๊ๆ เช่นนี้ก็ยังได้รับโอกาสวาสนาอีกหรือ

ขอเพียงมีคนสังหารดวงจิตบรรพกาลได้ บุตรแห่งสวรรค์เหล่านี้ก็นับว่ามีโชคในคราวเคราะห์แล้ว

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ยังมีความเป็นไปได้อีกข้อ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น หากต้องการสังหารดวงจิตบรรพกาลก็คงยากแล้ว เนื่องจากบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้นล้วนกลายเป็นร่างแยกของเขา

แต่ก็ไม่เป็นไร ศัตรูที่อริยะสวรรค์เกรียงไกรจัดการไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกโรงแล้วกัน!

หานเจวี๋ยอ่านจดหมายทั้งหมดจนเสร็จ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสหายสนิทดับสูญไป เขาก็สบายใจขึ้น

สหายที่ได้เข้าสู่แวดวงสหายของเขาล้วนจะได้รับความสนใจจากเขาเป็นพิเศษ ล้วนเป็นคนที่ตายยากยิ่ง ส่วนลูกศิษย์หรือสิ่งมีชีวิตสามัญที่แรกพบก็เกิดความประทับใจหรือความเกลียดชังในตัวหานเจวี๋ยทันทีเหล่านั้น เขาไม่สนใจเลย

ดูเหมือนดวงจิตบรรพกาลจะวิวัฒนาการกลายเป็นบอสใหญ่แล้ว!

หลังรอดชีวิตมาจากผู้สร้างมรรคา ทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาลนอกจากหานเจวี๋ยแล้ว ก็หาคู่ต่อสู้ของดวงจิตบรรพกาลไม่ได้แล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อไป

บรรลุยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

….

ภายใต้ผืนนภาคราม แท่นศิลาทรงกลมมากมายลอยอยู่เหนือเมฆ บนแท่นกลมขนาดใหญ่แท่นหนึ่งที่อยู่ใจกลาง ดวงจิตมหามรรคหลายสิบตนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ห้าเทวทัณฑ์ก็มาเช่นกัน

พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ รอคอยให้เทพมหาทัณฑ์ปรากฏตัวขึ้น

“แดนบรรพกาลวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดวงจิตมหามรรคอย่างพวกเราก็สมควรออกโรงแล้ว”

“ใช่ ดวงจิตบรรพกาลผู้นั้นลักพาตัวบุตรแห่งสวรรค์ไปนับไม่ถ้วน กระทบต่ออนาคตของฟ้าบุพกาล จำเป็นต้องปราบปราม”

“ไม่ทราบเช่นกันว่าท่านเทพจะคิดเห็นอย่างไร”

“คาดว่าคงจัดการดวงจิตบรรพกาล มิเช่นนั้นคงไม่เรียกพวกเรามา”

“นับตั้งแต่ท่านเทพขึ้นครองตำแหน่ง ในที่สุดพวกเราก็ได้บำเพ็ญอย่างสงบ สบายใจนัก ข้าก็ไม่อยากให้ความสงบสุขนี้ถูกดวงจิตบรรพกาลทำลายลงเช่นกัน”

ดวงจิตมหามรรคแทบทั้งหมดล้วนให้การยอมรับเทพมหาทัณฑ์ อย่างน้อยในฉากหน้าก็เป็นเช่นนี้

แน่นอนว่ามีดวงจิตมหามรรคที่ไม่ชอบความสงบสุขอยู่แล้ว เมื่อสงบสุขก็แปลว่าพวกเขาไม่สามารถประกาศศักดาอำนาจของตนได้ และหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีตำแหน่งฐานะ

หานทั่วและอี๋เทียนมีสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนากับพวกเขา

รออยู่ไม่นานนัก เทพมหาทัณฑ์ปรากฏตัวขึ้น ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดค้อมคำนับ

เทพมหาทัณฑ์กวาดตามองดวงจิตทั้งหมด เปิดปากเอ่ย “ที่เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่งจะกล่าว นั่นคือเรื่องแดนบรรพกาล!”

เหล่าดวงจิตมหามรรคแสดงสีหน้าคล้ายคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว จากนั้นรอคอยให้เทพมหาทัณฑ์สั่งการ

แววตาเทพมหาทัณฑ์เฉียบคม เอ่ยไปว่า “พวกเราจะเข้าร่วม!”

ฮือฮา…

สีหน้าเหล่าดวงจิตมหามรรคพลันแปรเปลี่ยน ล้วนนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคำสั่งเช่นนี้

อี๋เทียนเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “เพราะเหตุใดขอรับ ท่านต้องการสันติมิใช่หรือ การกระทำของดวงจิตบรรพกาลถือว่าขัดแย้งกับท่านอย่างสิ้นเชิง!”

เขานึกว่าเทพมหาทัณฑ์จะจัดการดวงจิตบรรพกาลแน่นอน ก่อนหน้าเป็นเพราะปิดด่านอยู่จึงไม่ทราบเรื่องนี้เท่านั้น

หานทั่วขมวดคิ้ว

เขาก็อยากไปที่แดนบรรพกาลเพื่อช่วยเหลือสหายส่วนหนึ่งของตน

ตอนนี้บุตรแห่งสวรรค์ที่หายตัวไปในแดนบรรพกาลทะลุหลักแสนคนแล้ว อีกทั้งยามนี้มีมารมรรคาท่องอยู่ในฟ้าบุพกาล ตามจับตัวบุตรแห่งสวรรค์ไปทั่วสารทิศ พาตัวไปที่แดนบรรพกาล ทำให้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลหวาดหวั่นกระวนกระวาย เฝ้ารอให้ดวงจิตมหามรรคออกโรง ขจัดภัยคืนความสงบ

เทพมหาทัณฑ์เหลือบมองอี๋เทียนแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้ากับดวงจิตบรรพกาลตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายของเขาคือล้างแค้นมรรคาสวรรค์เท่านั้น ไม่มีทางคุกคามฟ้าบุพกาล ส่วนข่าวลือเหล่านั้น เป็นอุบายของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่จงใจสร้างข่าวลวง บุตรแห่งสวรรค์ที่ถูกจับตัวไปยังแดนบรรพกาลหาได้สิ้นชีพไม่ ตรงกันข้าม พวกเขาล้วนได้รับโอกาสวาสนา”

พอเหล่าดวงจิตมหามรรคได้ฟังก็มองหน้ากัน

หานทั่วทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยถามไป “เช่นนั้นแปลว่าจะไม่ไยดีมรรคาสวรรค์หรือ”

นักพรตเต๋าเสินเผาที่อยู่ในกลุ่มดวงจิตก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

มรรคาสวรรค์อยู่ในขอบเขตการดูแลของเขา อีกอย่างเขาก็สยบภักดีต่อหานเจวี๋ย หากดวงจิตบรรพกาลลงมือ เขาก็จะร่วมเผชิญเคราะห์ไปด้วย

เทพมหาทัณฑ์กล่าวว่า “มรรคาสวรรค์สะกดดวงจิตบรรพกาลเอาไว้ หรือว่าพวกเราต้องขวางไม่ให้ดวงจิตบรรพกาลล้างแค้นเล่า ขอเพียงไม่คุกคามฟ้าบุพกาลก็พอแล้ว ไม่ใช่การใช้อำนาจอำพรางความแค้นส่วนตัวของฝ่ายหนึ่งและสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าบุพกาล วันนี้ทำเพื่อมรรคาสวรรค์ วันหน้าต้องทำเพื่อใครเล่า พวกเราเหล่าดวงจิตมหามรรคมีหน้าที่รักษาระเบียบ ดูแลสรรพสิ่ง มิใช่ช่วยขจัดภัยให้สรรพสิ่งทั่วสารทิศ ทุกข์ภัยบนโลกนี้เดิมทีก็ไม่อาจกำจัดให้สิ้นไปได้อยู่แล้ว” 艾琳小說

วาจาของเขาทำให้เหล่าดวงจิตมหามรรคไม่น้อยพยักหน้าคล้อยตาม

อันที่จริงเหล่าดวงจิตมหามรรคล้วนไม่พอใจมรรคาสวรรค์ เพียงเพราะมรรคาสวรรค์โดดเด่นเหลือเกิน

โดยเฉพาะอริยะสวรรค์เกรียงไกรผู้นั้น สรรพสิ่งล้วนขนานนามให้เขาเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่ง แล้วพวกเขาจะทนได้อย่างไร

“ถูกต้อง! ท่านเทพพูดมีเหตุผล!”

“หากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ล้วนปลอดภัย เช่นนั้นก็แปลว่าแดนบรรพกาลไม่ได้คุกคามฟ้าบุพกาล”

“ท่านเทพร้ายกาจโดยแท้ ที่แท้ก็ติดต่อกับดวงจิตบรรพกาลเรียบร้อยแล้ว”

“หนี้แค้นของมรรคาสวรรค์ ไม่สมควรเข้าไปร่วมวุ่นวายจริงๆ อีกอย่าง ในอดีตบรรพชนเต๋าก็ก่อหนี้แค้นไว้ให้มรรคาสวรรค์ไม่น้อยเลยกระมัง”

“ข้าคิดว่าใช้ได้เลย”

….

เมื่อได้ฟังคำพูดของเหล่าดวงจิตมหามรรคสีหน้าของหานทั่วและอี๋เทียนต่างไม่น่ามองอย่างยิ่ง

เทพมหาทัณฑ์ทราบประวัติความเป็นมาของพวกเขาดี พุ่งเป้าไปที่มรรคาสวรรค์อย่างเปิดเผยเช่นนี้ ถือเป็นการบอกกล่าวต่อพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาถูกลอยแพแล้ว

หากว่าเทพมหาทัณฑ์ใส่ใจพวกเขา จะต้องแจ้งพวกเขาล่วงหน้าแน่นอน

เทพมหาทัณฑ์โบกแขนเสื้อเอ่ยว่า “ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดห้ามเข้าไปก้าวก่าย หากผู้ใดเข้าร่วม จะปลดออกจากตำแหน่ง!”

พอกล่าวจบ เขาก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

หานทั่วหันหลังจากมา อี๋เทียนและสามเทวทัณฑ์ที่เหลือรีบตามไปทันที

เหล่าดวงจิตมหามรรคมองตามแผ่นหลังของพวกเขา ต่างเผยรอยยิ้มเหยียดหยามออกมา

พวกเขาเห็นห้าเทวทัณฑ์ขวางหูขวางตามาตลอด ตบะต่ำต้อยแต่กลับมีอำนาจเหนือกว่าพวกเขา โชคดีที่เทพมหาทัณฑ์ไม่ไว้หน้าพวกเขาแล้ว

ดูเหมือนตำแหน่งห้าเทวทัณฑ์จะต้องเปลี่ยนมือเสียแล้ว!

หลังออกจากแดนเทพแล้ว เทวทัณฑ์รายหนึ่งไล่ตามหานทั่วมา เอ่ยถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทำอะไร”

หานทั่วหยุดลง ตอบว่า “เรื่องของมรรคาสวรรค์ ข้าไม่ยุ่งไม่ได้ แต่พวกเจ้าสามคนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม พวกเจ้าหยุดลงตรงนี้เถิด!”

………………………………………………………………