ตอนที่ 910 ดีใจ

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากหอลั่วหง หญิงสาวยืนใช้นิ้วผิวปากอยู่ด้านหน้าทหารทั้งหมด

บรรดาทหารที่อยู่ด้านล่างหอลั่วหงถูกทหารหน่วยกล้าตายของเหลียงอ๋องบีบจนถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงผิวปากดังขึ้น พวกเขาไม่ทันหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็เห็นม้าศึกสีขาวราวกับหิมะตัวหนึ่งซึ่งโผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้กระโดดถีบมือสังหารของเหลียงอ๋องจนเกลื่อนลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระโดดผ่านศีรษะของทหารทุกคนตรงไปยังเจ้านายของมันซึ่งยืนอยู่บนหอลั่วหงอย่างรวดเร็ว

เหลียงอ๋องรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีฝีมือการยิงธนูที่ไร้เทียมทาน แม้บัดนี้ในมือของหญิงสาวจะไม่มีธนูเซ่อรื้ออยู่ ทว่า เขากลับซ่อนตัวอยู่ด้านหลังทหารองครักษ์อย่างไม่ประมาทด้วยท่าทีเตรียมพร้อมตลอดเวลา “ฟ่านอวี๋ไหว ไป๋ชิงเหยียนอยู่ตรงนั้น! จงสังหารนางและช่วยเสด็จพ่อออกมาให้ได้ เจ้าจะเป็นขุนนางที่มีความชอบสูงสุดทั้งกับข้าและเสด็จพ่อ!”

ฟ่านอวี๋ไหวที่เหลือดวงตาเพียงข้างเดียวฟันศีรษะของทหารฝ่ายศัตรูคนหนึ่งจนกระเด็น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเงาของม้าตัวหนึ่งกระโจนข้ามศีรษะของเขาไป เขาจึงรีบตะโกนขึ้น “ขวางม้าตัวนั้นไว้ให้ได้!”

ม้าขาวตัวนั้นมีท่าทีดุดัน ทหารคนหนึ่งชูดาบขวางทางมัน มันจึงกระโดดถีบทหารผู้นั้นจนกระเด็นไปไกล ทหารผู้นั้นกระอักเลือดออกมา จากนั้นหมดลมหายใจลงทันทีโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย ม้าขาวตัวนั้นไม่คะนองศึก มันรีบตรงไปหาเจ้านายของตัวเองต่ออย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าว หญิงสาวจับบังเหียนม้าของไท่ผิงแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า นางบังคับบังเหียนม้าแน่น ม้าขาวราวกับหิมะชูขาหน้าทั้งสองข้าขึ้นพลางส่งเสียงร้องขู่ออกมา เปลวเพลิงสีแดงส่องกระทบลงบนเกราะสีเงินที่ผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ผ้าคลุมไหล่สีแดงของร่างผอมเพรียวบนหลังม้าสลายตามสายลม แววตาของหญิงสาวคมกริบราวกับมีด ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหารที่น่าหวาดกลัว

“ฝ่าบาท!” เสิ่นเทียนจือวิ่งถือหอกยาวหงอิงที่ไม่รู้ไปหยิบมาจากที่ใดโยนไปให้ไป๋ชิงเหยียนท่ามกลางควันไฟ “รับหอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนพลิกมือปักดาบยาวลงบนบันไดหยกที่ม้าย่ำอยู่แล้วยื่นมือรับหอกเงินหงอิง จากนั้นหมุนม้ากลับพลางตะโกนลั่น “คุ้มกันปราการด่านสุดท้ายของหอลั่วหงให้ดี!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารทุกคนขานรับ

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางเหลียงอ๋องเขม็ง หญิงสาวกำดาบแหลมในมือแน่น จากนั้นขี่ม้าลงไปจากบันไดอย่างรวดเร็วท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโหมอยู่สองข้างทาง

เหลียงอ๋องจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าศึกโดยที่รอบกายเต็มไปด้วยไอสังหารนิ่ง จากนั้นตะโกนสั่งเสียงดังลั่น “ผู้ใดสังหารไป๋ชิงเหยียนได้ ข้าจะมอบรางวัลเป็นทองร้อยตำลึงให้!”

เมื่อมีรางวัลใหญ่ย่อมมีทหารกล้า เมื่อมือสังหารที่ยืนอยู่รอบกายเหลียงอ๋องได้ยินคำว่าทองร้อยตำลึง ไอสังหารจากร่างของพวกเขายิ่งรุนแรงกว่าเดิม

นั่นคือทองคำร้อยตำลึงเชียวนะ ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนคือเทพสังหารที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในสงคราม ทว่า เมื่อมีคนบุกล้อมหญิงสาวเป็นจำนวนมาก หญิงสาวไม่มีทางต่อต้านศัตรูได้ด้วยมือเพียงสองข้างแน่นอน หญิงสาวต้องมีช่องว่างโผล่ให้เห็นบ้าง พวกเขาคนใดคนหนึ่งอาจเป็นลูกรักของสวรรค์ก็ได้ เมื่อมีทองหนึ่งร้อยตำลึง ชาตินี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงภายใต้คมดาบอีกต่อไป

แววตาของไป๋ชิงเหยียนลึกล้ำราวกับเหวที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง สีหน้าของหญิงสาวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะความฮึกเหิมของทหารของเหลียงอ๋องแม้แต่น้อย แววตาดำขลับของหญิงสาวสะท้อนเปลวเพลิงจนเห็นเพียงความเยือกเย็นที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกเท่านั้น ดวงตาของนางยิ่งดำสนิทในความมืดจนคนรู้สึกหวาดหวั่น

เหลียงอ๋องถอยหลังหนีเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ทว่า มือสังหารที่อยากได้ทองร้อยตำลึงพากันโห่ร้องพลางกรูไปด้านหน้าราวกับคลื่นลูกใหญ่ที่ไม่อาจต้านทานได้ เหลียงอ๋องถูกดันไปด้านหน้าอย่างถอยหลังหนีไม่ได้เช่นเดียวกัน

“บีบให้ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า!” ฟ่านอวี๋ไหวตะโกนลั่นท่ามกลางกองเพลิง

ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโหม สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึม ทุกที่ที่หอกยาวหงอิงพุ่งเข้าใส่…ที่นั่นล้วนกระจายไปด้วยเลือดสด ฟ่านอวี๋ไหวที่เตรียมพุ่งเข้าไปกระแทกให้ไป๋ชิงเหยียนหล่นจากหลังม้าเห็นแสงคมของอาวุธพุ่งเข้าใส่ เขาจึงถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว หอกยาวหงอิงเฉียดผ่านใบหน้าของฟ่านอวี๋ไหวไป เขารู้สึกว่าลำคอของเขาร้อนขึ้นทันที เขารีบยกมืออุดลำคอตัวเองไว้ มือเต็มไปด้วยเลือด

ฟ่านอวี๋ไหวลองหายใจและกลืนน้ำลายลงคอ…ลำคอของเขายังไม่ขาด! โชคดีที่โดนแค่เพียงผิวหนังเท่านั้น!

เขาไม่อยากคิดเลยว่าหากเขาถอยหลังช้าไปกว่านั้นอีกก้าวเดียวผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เขาใช้มือข้างหนึ่งกดลำคอของตัวเองไว้ มืออีกข้างกระชากร่างของเหลียงอ๋องให้ถอยหนีจากบันได ปล่อยให้มือสังหารที่อยากได้ทองหนึ่งร้อยตำลึงบุกไปด้านหน้าแทน

ฟ่านอวี๋ไหวยังจำได้ไม่ลืมว่าไป๋ชิงเหยียนใช้หอกยกร่างของหนานตูเสียนอ๋องขึ้นจากพื้นได้อย่างไร นอกจากธนูเซ่อรื้อแล้ว หอกเงินก็คืออาวุธที่เก่งกาจอีกอย่างหนึ่งของไป๋ชิงเหยียน

ฟ่านอวี๋ไหวรีบดึงร่างของเหลียงอ๋องมาหลบอย่างรวดเร็ว เขาเห็นมม้าศึกสีขาวของไป๋ชิงเหยียนถีบร่างของมือสังหารที่หวังกระชากร่างของไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้าจนล้มระเนระนาดลงบนพื้นนับไม่ถ้วน พวกเขายังไม่ทันได้เข้าใกล้ไป๋ชิงเหยียนก็ถูกหญิงสาวใช้หอกแทงเข้าที่หน้าอกเสียก่อน…

เมื่อมือสังหารที่อยากได้ทองหนึ่งร้อยตำลึงเห็นว่าหอกของไป๋ชิงเหยียนยังปักอยู่บนร่างของสหายคนหนึ่ง อีกทั้งสหายผู้นั้นยังจับหอกของไป๋ชิงเหยียนไว้แน่นด้วยดวงตาที่แดงฉาน เลือดร้อนของเขาเดือดพล่านขึ้นทันที แววตาส่อแววดีใจจนแทบคุ้มคลั่ง ศีรษะของไป๋ชิงเหยียนกำลังจะเป็นของเขาแล้ว!

ทว่า มือสังหารผู้นั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ไป๋ชิงเหยียนก็ถูกหอกยาวแทงเข้าที่หน้าท้องเสียก่อน ร่างทั้งร่างของเขาถูกหอกเสียบอยู่กลางอากาศ

ไป๋ชิงเหยียนกำหอกในมือแน่น ปลายหอกค้ำอยู่ที่อานม้า หญิงสาวยกร่างของมือสังหารที่ต้องการตัดศีรษะของนางขึ้นกลางอากาศ แววตาคมกริบกวาดมองไปทางมือสังหารคนอื่นๆ ที่พากันถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว

ด้านล่างม้า มือของมือสังหารคนที่ถูกไป๋ชิงเหยียนแทงหอกเข้าที่หน้าอกยังอยู่ในท่ากำหอกแน่น เข้าก้มหน้ามองดูเลือดที่ทะลักออกมาจากหน้าอกของตัวเอง เขากระอักเลือดออกมาแล้วสิ้นใจตาค้างอยู่บนพื้น แม้ตายเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจะมีประสาทสัมผัสที่รวดเร็วถึงเพียงนี้!

ระหว่างแคว้นด้วยกัน แคว้นที่อ่อนแอหวาดกลัวแคว้นที่แข็งแกร่งกว่า

มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน!

ตอนที่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนแข็งแกร่ง พวกเขายังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนใช้หอกสังหารคนได้อย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบจนพวกเขามองเห็นเพียงแค่เงา พวกเขาก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ชิงเหยียน!

แม้ทองหนึ่งร้อยตำลึงจะยั่วยวนใจ ทว่า พวกเขาต้องมีชีวิตรอดไปก่อนจึงจะใช้เงินเหล่านั้นได้!

เปลวเพลิงที่กำลังลุกโหมลุกลามไปยังหอลั่วหงจนหอทั้งหอสว่างราวกับอยู่ในเวลากลางวัน ยิ่งทำให้ภาพที่ไป๋ชิงเหยียนใช้หอกยกร่างของสหายของพวกเขาขึ้นกลางอากาศชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

ดาบยาวในมือของมือสังหารที่ถูกหอกยกขึ้นกลางอากาศร่วงสู้พื้นดิน เขากระอักเลือดออกมาพลางจับหอกที่แทงอยู่ในร่างของเขาแน่น ทว่า ไม่นานเขาก็สิ้นใจลง ร่างทั้งร่างถูกยกขึ้นกลางอากาศราวกับของเล่น

ใจของฟ่านอวี๋ไหวเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกจากร่าง ไป๋ชิงเหยียนไม่เพียงมีตาหลังเท่านั้น หญิงสาวยังรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ เขาเหลือตาเพียงข้างเดียว มองไม่เห็นตอนที่ไป๋ชิงเหยียนชักหอกแล้วแทงไปยังร่างของมือสังหารอีกนายยังไม่เท่าใด ทว่า มือสังหารที่อยู่รอบกายกลับมองไม่ทันเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไป๋ชิงเหยียนชักหอกออกมาได้อย่างไร

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้ามองดูเสียงอาวุธที่สงบลงในทันที ม้าศึกของหญิงสาวย่ำเท้าไปมาพลางพ่นลมหายใจร้อนออกมาทางจมูก มือสังหารเหล่านั้นพากันถอยหลังหนี กลุ่มทหารของเสิ่นเทียนจือกรูเข้ามารวมตัวกับไป๋ชิงเหยียน