ตอนที่ 912 ทางรอด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 912 ทางรอด

ฟ่านอวี๋ไหวกล่าวอย่างอ้อนวอน “กระหม่อมอยากทูลขอร้องให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเห็นแก่ที่พวกเราเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาไว้ชีวิตภรรยาและบุตรชายของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”

เปลวไฟลุกลามต้นไม้บริเวณรอบๆ ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงแตกหักของกิ่งไม้ ใบหน้าของฟ่านอวี๋ไหวสะท้อนเปลวเพลิงจนเห็นเด่นชัด เขาไม่เคยลดตัวอ้อนวอนขอร้องผู้ใดมากเท่านี้มาก่อน เขาได้แต่หวังว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะไว้ชีวิตลูกเมียของเขา

การก่อกบฏและสังหารคนคือฝีมือของเขาเพียงคนเดียว ลูกเมียของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันเอ่ยตอบ ฟ่านอวี๋ไหวก็ได้ยินเสียงร้องเรียกอย่างเจ็บปวดดังมาจากด้านบนบันได “ท่านพ่อ…”

ฟ่านอวี๋ไหวที่จับดาบอยู่ด้วยมือข้างเดียวรีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินเสียง เขาเห็นฟ่านอวี้กานที่เสื้อผ้ายับเยิน ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรังไปด้วยเศษหญ้าตะโกนเรียกเขาเสียงดัง

“อากาน…” ใจของฟ่านอวี๋ไหวกระตุกวูบ

หลังจากที่เหลียงอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ไป๋จิ่นซิ่วโจมตีเมืองหลวงแตก แม้เขาจะรีบร้อนหนีออกจากเมืองหลวงเพียงใดเขาก็ยังไม่ลืมที่จะพาภรรยาและบุตรชายที่ถูกขังอยู่แต่ในจวนตลอดหนีมาด้วย ฟ่านอวี้กานคือบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา ต่อให้เขาต้องตายนับร้อยครั้งเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ฟ่านอวี้กานเป็นอันใดไปเด็ดขาด

ฟ่านอวี๋ไหวหันกลับไปพลางเบิกตาที่เหลือเพียงข้างเดียวโพลง เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างหวาดกลัว จากนั้นโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างอ้อนวอน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! ได้โปรดไว้ชีวิตบุตรชายของกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ เขายังเด็กนัก ตอนที่เขารู้ว่ากระหม่อมร่วมมือกับเหลียงอ๋องก่อกบฏ เขาถึงกับใช้ชีวิตของตัวเองข่มขู่กระหม่อม! เขาเป็นเด็กดีพ่ะย่ะค่ะ…”

“ท่านพ่อ…” ฟ่านอวี้กานร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ เขาเห็นคนเหล่านั้นจ่อดาบไปที่ลำคอของบิดาตัวเองจึงรีบมองไปทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นตะโกนลั่น “พี่สาวไป๋ พี่สาวไป๋ได้โปรดไว้ชีวิตบิดาของข้าเถิดขอรับ ข้ายินดีตายแทนเขาขอรับ ได้โปรดเถิดขอรับ…”

“เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด!” ฟ่านอวี๋ไหวหันไปตวาดใส่บุตรชายด้วยความโมโห น้ำตาไหลพรากออกมาทันที “เด็กบ้า! เจ้าเพิ่งอายุเท่าใดกันเชียว เจ้าจะตายแทนผู้ใดได้! เจ้าคิดว่าชีวิตของคุณชายเจ้าสำราญไม่เอาไหนอย่างเจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตของพ่ออย่างนั้นหรือ! ถอยไปไกลๆ เลย ทำสิ่งใดก็ล้วนไม่ได้เรื่องยังมีหน้ามายุ่งวุ่นวายอีก!”

“ท่านพ่อ!” ฟ่านอวี้กานตะโกนร้องไห้ออกมา “ข้าทราบดีว่าข้าไม่ได้เรื่อง ท่านเอาแต่ด่าว่าข้าไร้ประโยชน์ ทว่า ต่อให้ข้าไม่ได้เรื่องเพียงใด ข้าก็คือลูกชายของท่าน ข้าไม่อาจทนเห็นท่านตายไปต่อหน้าต่อตาได้ ได้โปรดเถิดขอรับพี่สาวไป๋!”

ฟ่านอวี๋ไหวปวดใจจนไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา ชีวิตนี้เขามีบุตรชายเพียงคนเดียว ถึงแม้บุตรชายของเขาจะเจ้าสำราญจนผู้อื่นต่างดูถูก ทว่า ฟ่านอวี้กานคือเด็กที่มีจิตใจบริสุทธิ์และกตัญญูมาก

เขารู้ รู้ดีมาโดยตลอด…

แม้เขามักจะโมโหที่ลูกคนนี้ไม่ได้เรื่อง มักต่อว่าว่าฟ่านอวี้กานทำสิ่งใดไม่สำเร็จสักอย่าง ดีแต่เสพสำราญไปวันๆ ทว่า บุตรชายของเขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถ น่าเสียดายที่เขาเพิ่งสำนึกได้ก่อนตายว่าเขาไม่เคยเอ่ยชมบุตรชายของตัวเองเลยสักครั้ง

ไป๋ชิงเหยียนมองดูฟ่านอวี้กานที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด จากนั้นกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “จับตัวฟ่านอวี๋ไหวไปขังไว้ก่อน ไว้ค่อยตัดสินโทษใหม่ภายหลัง…”

“จับฟ่านอวี๋ไหวไปขัง!” ไป๋จิ่วซิ่วมองไปที่ร่างของฟ่านอวี้กาน “ขังไว้ที่เดียวกับบุตรชายของเขา”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ภรรยาและบุตรชายกระหม่อมไม่ทราบเรื่อง องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดปล่อยบุตรชายไม่ได้เรื่องของกระหม่อมไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่ดีแต่เสพสุขไปวันๆ เท่านั้น ปล่อยเขาไว้ไม่มีทางเป็นอันตรายกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดไว้ชีวิตบุตรชายโง่เง่าของกระหม่อม ได้โปรดเหลือทางรอดให้เขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ชายอกสามศอกอย่างฟ่านอวี๋ไหวร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่สาวไป๋ได้โปรดไว้ชีวิตท่านพ่อของข้าด้วยเถิดขอรับ!” ฟ่านอวี้กานที่ถูกขวางอยู่ด้านล่างบันไดตะโกนขอร้องสุดเสียง

ไป๋ชิงเหยียนมองดูสองพ่อลูกตรงหน้า ไม่นานจึงหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “คุมตัวพวกเขากลับไปเมืองหลวง กำชับอย่าให้ทหารรังแกพวกเขา”

เดิมทีไป๋ชิงเหยียนไม่อยากไว้ชีวิตฟ่านอวี๋ไหว

ทว่า ถึงแม้นางและฟ่านอวี้กานจะไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก ทว่า ฟ่านอวี้กานเป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา ฟ่านอวี้กานเคยสนิทสนมกับอาอวิ๋น อาอวิ๋นเคยบอกว่าแม้กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของหลู่หยวนเผิงจะเจ้าสำราญไปสักนิด ทว่า พวกเขาล้วนฉลาดและจริงใจ

หญิงสาวคิดว่าหากคนเช่นนี้นำความฉลาดของตัวเองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ถึงแม้พวกเขาจะไม่อาจสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ทว่า ผลงานของพวกเขาก็คงไม่แย่สักเท่าใดนัก

ไป๋ชิงเหยียนจะไว้ชีวิตฟ่านอวี๋ไหวเพราะเห็นแก่ฟ่านอวี้กาน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดจะใช้งานคนอย่างฟ่านอวี๋ไหวอีก

ถึงแม้นางคิดจะใช้งานฟ่านอวี๋ไหวอีก ทว่า ลูกน้องของฟ่านอวี๋ไหวที่ถูกเขาทิ้งอยู่ที่เมืองหลวงจะเต็มใจรับใช้เขาอีกได้เช่นไรกัน

ไป๋จิ่นซิ่วสั่งให้ทหารคุมตัวฟ่านอวี๋ไหวและฟ่านอวี้กานที่ยังร้องไห้ไม่หยุดไปขังไว้ในคุกเดียวกัน

สิ้นเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว ลูกน้องของเสิ่นเทียนจือที่พาเฉวียนอวี๋ไปหาหมอรีบวิ่งเข้ามาหาไป๋ชิงเหยียน เขากำหมัดรายงาน “ฝ่าบาท ท่านหมอบอกว่ารักษาขาของขันทีเล็กนามขันทีผู้นั้นไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ขันทีเล็กกระอักเลือดออกมาแล้ว จะรอช้าอีกไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ทว่า ขันทีเล็กผู้นั้น…”

ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า ขมวดคิ้วแน่น “ไม่ยอมตัดขาอย่างนั้นหรือ”

ทหารที่มารายงานพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อได้ยินคำว่าเฉวียนอวี๋ แม้ไป๋จิ่นซิ่วจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่า ก็เดาได้ว่าเฉวียนอวี๋คงได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือท่านย่าหรือพี่หญิงใหญ่เอาไว้ “พี่หญิงใหญ่ไปดูเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะจัดการทางนี้เอง รับรองว่าตอนที่พาท่านย่าออกจากเมือง ท่านย่าจะไม่เห็นเลือดแม้แต่หยดเดียวเจ้าค่ะ”

ต้องทำความสะอาดสนามรบให้เรียบร้อย พี่หญิงใหญ่และท่านย่าต้องรีบไปจากที่นี่ เปลวเพลิงลุกโหมมากขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานที่นี่ต้องพังทลายลงมาอย่างแน่นอน

“ให้ทหารอพยพชาวบ้านหนีไปก่อน มิเช่นนั้นพวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงตามลูกน้องของเสิ่นเทียนจือจากไป

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูพี่หญิงใหญ่จากไป จากนั้นหันกลับไปมองฟ่านอวี้กานที่แม้ถูกทหารจับตัวก็ยังคงดิ้นตะโกนขอร้องให้ “พี่สาวไป๋” ปล่อยบิดาของตัวเองไปไม่หยุด

ไป๋จิ่นซิ่วถอนหายใจยาวออกมา ฟ่านอวี้กานเคยสนิทสนมกับอาอวิ๋น นั่นคือเหตุผลที่มากเพียงพอให้ตระกูลไป๋ไว้ชีวิตเขา ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงที่หนานเจียงทั้งหมด ตอนที่ตระกูลไป๋ออกไปรับศพของวีรบุรุษตระกูลไป๋ที่นอกเมือง ฟ่านอวี้กานติดตามหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงออกไปรับด้วยเช่นกัน

เพราะเหตุนี้ถึงแม้พี่หญิงใหญ่จะไม่กำชับ ไป๋จิ่นซิ่วก็ต้องสั่งให้ทหารดูแลฟ่านอวี้กานอย่างดีอยู่แล้ว

ไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้าไปฟ่านอวี้กาน ขณะเดินผ่านศพของเหลียงอ๋อง หญิงสาวปรายตามองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นเดินผ่านไปโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย

ในสายตาของไป๋จิ่นซิ่วเหลียงอ๋องเป็นเพียงตั๊กแตนที่กระโดดไปมาเพื่อสร้างความรำคาญใจเท่านั้น นางไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขา

แค่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างเท่านั้น ตอนนั้นนางถูกเหลียงอ๋องหลอกปั่นหัวจนคิดว่าเขาจริงใจต่อพี่หญิงใหญ่จริงๆ การเอ่ยถึงคนสารเลวเช่นนี้พร้อมกับพี่หญิงใหญ่ถือเป็นการทำให้พี่หญิงใหญ่แปดเปื้อน

ฟ่านอวี้กานมองเห็นไป๋จิ่นซิ่วจึงรีบตะโกนขึ้น “ฮูหยินฉิน ฮูหยินฉิน ข้าสนิทสนมกับฉินหล่าง เห็นแก่หน้าฉินหล่าง ท่านไว้ชีวิตท่านพ่อข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้ายินดีรับโทษที่ท่านพ่อของข้าก่อเองขอรับ!”

ฟ่านอวี๋ไหวที่ถูกจับตัวไปแล้วตะโกนด่าบุตรชายเสียงดังลั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกบุตรชายของตัวเอง