ตอนที่ 919 ประจบ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 919 ประจบ

ทว่า เสิ่นเทียนจือมองออกว่าในความหยาบกระด้างของหลินคังเล่อมีความละเอียดอ่อนอยู่ เขาเป็นแม่ทัพชั้นยอดในการทำสงคราม มิน่าคนที่ฐานะธรรมดาอย่างหลินคังเล่อถึงได้กลายเป็นรองแม่ทัพของจางตวนรุ่ยตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ บัดนี้ยังได้รับความสำคัญจากไป๋ชิงเหยียนอีกด้วย

เมื่อได้ยินเสียงหลินคังเล่อดังมาจากด้านนอก ไป๋จิ่นซิ่วที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงจึงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่ ท่านย่าจากไปแล้ว พวกเราควรรีบนำร่างของท่านกลับไปทำพิธีให้ท่านได้จากไปอย่างสงบในเมืองหลวงนะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองมือที่ยังคงมีไออุ่นขององค์หญิงใหญ่ จากนั้นพยักหน้า

แม้ท่านย่าจะไม่ได้อยู่ถึงวันที่นางได้ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้อยู่พบหน้าบุรุษตระกูลไป๋ที่มีชีวิตรอดกลับมา ทว่า ช่วงสุดท้ายของท่านย่ามีนางและไป๋จิ่นซิ่วคอยอยู่เคียงข้าง ท่านย่าไม่ได้จากไปอย่างโดดเดี่ยว

อย่างน้อยก่อนที่ท่านย่าจะจากไปท่านก็ได้รับรู้แล้วว่าอาอวี๋ อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงสบายใจขึ้นไม่น้อย

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงแหบพร่า “ส่งคนไปรายงานเรื่องนี้ให้ตระกูลไป๋ทราบด้วย!”

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วใช้สองมือยันเตียงลุกขึ้นยืน หญิงสาวรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงไปหมด ทว่า นางพยายามฝืนลุกขึ้นยืน จากนั้นเอ่ยเรียก “ผู้ใดอยู่ข้างนอก…”

สิ้นเสียงเสิ่นเทียนจือและหลินคังเล่อรีบเข้ามาด้านในทันที

“ฝ่าบาท…”

หลินคังเล่อและเสิ่นเทียนจือคุกเข่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนปล่อยมือออกจากมือขององค์หญิงใหญ่ช้าๆ สอดมือของท่านเข้าไปในผ้าห่มพลางห่มผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนกายกลับไปมองเสิ่นเทียนจือและหลินคังเล่อ “ลุกขึ้นเถิด ต่อไปเมื่ออยู่ในค่ายทหารไม่จำเป็นต้องทำความเคารพข้าเต็มยศเช่นนี้ เมืองลั่วหงแตกแล้ว ต้าจิ้นดับสูญแล้ว วันนี้เราจะเดินทางกลับเมืองหลวง เสิ่นเทียนจือดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองลั่วหงชั่วคราว นำทหารหกหมื่นนายอยู่ช่วยซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนใหม่ให้ชาวบ้านให้เรียบร้อย”

“ทหารหกหมื่นนายไม่มากเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลินคังเล่อถามออกไปตามตรง

หลินคังเล่อไม่ได้สงสัยในตัวเสิ่นเทียนจือ ทว่า เขาคิดว่าทหารหกพันนายก็เพียงพอต่อการช่วยซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนใหม่ให้ชาวบ้านในเมืองลั่วหงแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเทียนจือรับคำ

“แม่ทัพหลินและทหารที่ช่วยดับไฟพักผ่อนอยู่ที่นี่ต่ออีกวัน พรุ่งนี้จงนำทหารไปประกาศราชโองการของข้าให้อ๋องแห่งเมืองเหอตงรับทราบ ให้ซื่อจื่อของพวกเขารีบเดินทางไปร่วมพิธีบรมราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นในวันที่ยี่สิบ เดือนหกให้ทัน หากพวกเขาไม่ทำตามจงจับกุมตัวให้หมด! นำทหารล้อมเมืองเหอตงเอาไว้ หากจวนของเหอตงอ๋องมีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่จำเป็นต้องออมมือ!”

เดิมทีไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะเดินทางไปยังเหอตง อันซีและซั่วฟางด้วยตัวเอง ทว่า บัดนี้ท่านย่าเสียชีวิตลงแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจำเป็นต้องส่งร่างของท่านย่ากลับไปประกอบพิธีกรรมที่เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่คิดเดินทางไปทั้งสามเมือง

ไป๋ชิงเหยียนให้ไป๋จิ่นซิ่วคุ้มกันร่างของท่านย่าล่วงหน้ากลับไปเมืองหลวงก่อน ส่วนนางจะเดินทางไปยังอันซีและซั่วฟางด้วยตัวเอง จากนั้นจะเร่งเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

“พ่ะย่ะค่ะ!” หลินคังเล่อรับคำพลางเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนอดีตองค์รัชทายาทและฉินซ่างจื้อเดินทางมายอมจำนนกับเรา อดีตองค์รัชทายาทถูกแทงที่หน้าอก บัดนี้ได้รับการรักษาแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทต้องการพบหน้าฉินซ่างจื้อผู้นั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองท่านย่าแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าหากท่านย่าทราบว่าองค์รัชทายาทยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะดีใจขึ้นบ้างหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็คือสายเลือดของท่านย่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากทำจนเกินไปนัก หญิงสาวเอ่ยขึ้น “พาตัวอดีตองค์รัชทายาทและฟ่านอวี๋ไหวกลับไปเมืองหลวงด้วย ส่วนฉินเซียนเซิง…หากเขาอยากติดตามอดีตองค์รัชทายาทไปด้วยก็ปล่อยให้เขาตามไป”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่ออีก นางรู้ดีว่าฉินซ่างจื้อต้องตามองค์รัชทายาทกลับไปเมืองหลวงด้วยอย่างแน่นอน

“แล้วทหารและองครักษ์ลับที่อดีตองค์รัชทายาทพามาด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ” หลินคังเล่อถามต่อ

“ขังไว้ก่อน เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงค่อยตัดสินโทษ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปมองเสิ่นเทียนจือ “เมื่อใต้เท้าเสิ่นช่วยชาวบ้านซ่อมแซมบ้านเรือนเสร็จแล้ว ท่านจงนำทหารไปตั้งค่ายดักที่ยอดเขาเทียนสยาซึ่งเป็นทางผ่านไปเมืองหลวงของเมืองอันซีและซั่วฟาง หากมีคนคิดนำทัพไปยังเมืองหลวง ท่านจงจัดการกับพวกเขาทั้งหมดที่ยอดเขาเทียนสยา ปล่อยแค่ทหารอ่อนแอจำนวนหนึ่งให้หนีรอดไปเท่านั้น”

หลินคังเล่อเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงมอบทหารให้เสิ่นเทียนจือถึงหกหมื่นนาย ที่แท้หญิงสาวทำเพื่อป้องกันเมืองอันซีและซั่วฟางนี่เอง

วันที่สิบ เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงหงเหมินที่หอลั่วหง ไป๋จิ่นซิ่วและแม่ทัพหลินคังเล่อนำทัพบุกโจมตีเมืองลั่วหงในคืนเดียวกัน อดีตองค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นยอมจำนน ราชวงศ์ต้าจิ้นล่มสลายอย่างเป็นทางการ

วันที่สิบหก เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ขุนนางต่างแคว้นที่เดินทางมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวทยอยเดินทางมาถึงเมืองหลวง

เมื่อขุนนางของแคว้นต่างๆ มาถึงเมืองหลวง ผู้ที่ยุ่งที่สุดคือหงหลู่ซื่อชิงต่งชิงผิงซึ่งมีหน้าที่ดูแลต้อนรับคณะทูตเหล่านี้ โชคดีที่ก่อนเดินทางไปเมืองลั่วหง ไป๋ชิงเหยียนสั่งไว้ว่าสามารถคัดเลือกขุนนางใหม่มาใช้งานได้ ต่งชิงผิงจึงประกาศรับสมัครคนรุ่นใหม่เลือดร้อนที่อยากทำงานกับกับหงหลู่ซื่อ

อาจเป็นเพราะต่งชิงผิงคือลุงของไป๋ชิงเหยียน คนตระกูลสูงศักดิ์จึงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

ช่วงนี้เชื้อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นคือผู้ที่อยู่ไม่เป็นสุขที่สุด เดิมทีพวกเขาคิดว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแล้ว หากเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เก่าอย่างพวกเขารอดชีวิตก็คงถูกลดฐานะเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาแน่นอน

ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนปราบปรามความวุ่นวายในเมืองหลวงเสร็จแล้ว หญิงสาวจะยังไม่จัดการกับพวกเขา กลับมุ่งหน้าไปช่วยเหลือองค์หญิงใหญ่ที่เมืองลั่วหงเสียก่อน ไม่ได้มีท่าทีต้องการจัดการกับพวกเขาแม้แต่น้อย

ใจของเชื้อพระวงศ์เหล่านี้จึงเริ่มชื้นขึ้นมาทันที ย่าของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าจิ้น หากนับดูแล้วพวกเขาก็ถือเป็นญาติของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเช่นเดียวกัน องค์หญิงใหญ่คงต้องปกป้องพวกเขาแน่

พวกเขาเกิดความคิดเช่นนี้และแพร่ข่าวลือนี้ออกไป เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ส่งคนมาจัดการพวกเขา เชื้อพระวงศ์เหล่านี้จึงใจกล้ามากขึ้น พวกเขาจะรอให้องค์หญิงใหญ่กลับมา จากนั้นขอร้องให้องค์หญิงใหญ่ช่วยขอร้องไป๋ชิงเหยียนว่าอย่าลดฐานะของพวกเขา

ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะรับรู้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์อยู่ที่เมืองลั่วหงแล้ว บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในเมืองหลวงต่างกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที

บางคนถึงกับเดาว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนสังหารองค์หญิงใหญ่เพราะองค์หญิงใหญ่ไม่เห็นด้วยที่นางโค่นล้มราชวงศ์หลินและขึ้นครองบัลลังก์เสียเอง

เมื่อข่าวลือนี้แพร่สะพัดออกไป ผู้ที่รู้จักไป๋ชิงเหยียนดีถึงกับพูดไม่ออก

ทว่า เชื่อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นกลับคิดว่านี่คือเรื่องจริง พวกเขาเริ่มคิดประจบประแจงไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาทันทีเพราะกลัวว่าจะถูกไป๋ชิงเหยียนสังหารหากทำให้นางไม่พอใจขึ้นมา

ส่วนอ๋องที่มีเมืองเป็นของตัวเองต่างไม่กล้าต่อกรกับไป๋ชิงเหยียน พวกเขากลัวว่าจะสูญเสียอย่างหนักหากรบกับกองทัพของหญิงสาวจึงยอมมาที่เมืองหลวงแต่โดยดี พวกเขาหวังว่าจะยังพอเจรจาขอร้องไป๋ชิงเหยียนได้อยู่ อย่างน้อยก็ขอให้พวกเขาได้มีเมืองไว้เก็บศักดินาต่อไป

แน่นอนว่าอ๋องเหล่านี้ไม่ได้มาเมืองหลวงมือเปล่า พวกเขาเตรียมการกับทายาทของตัวเองไว้หมดแล้ว หากไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมตกลง พวกเขาจะยกทัพก่อกบฏทันที…

การที่อ๋องที่มีศักดินาและกองกำลังส่วนตัวมาร่วมงานพิธีบรมราชาภิเษกของไป๋ชิงเหยียนก็ถือว่าไว้หน้าหญิงสาวมากแล้ว หากไป๋ชิงเหยียนคิดจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวที่ได้รับตกทอดกันมาของพวกเขาไปอีก ต่อให้ต้องตายพวกเขาก็จะไม่มีวันสละเมืองที่ควรเป็นของทายาทรุ่นต่อไปของพวกเขาไปแน่