บทที่ 944 ชาวนากับงูเห่า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 944 ชาวนากับงูเห่า

บทที่ 944 ชาวนากับงูเห่า

หลิวเทียนฉือพูดต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานและกู้ฟางสี่ว่า นางกับกู้ซินเถาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ครั้นคำพูดเหล่านี้เข้าหูกู้ซินเถา กู้ซินเถาก็เชิดหน้าขึ้นหลายองศา

กู้ฟางสี่คลี่ยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้ หากแต่ใบหน้ากลับชาวาบเล็กน้อย

หลิวเทียนฉือผู้นี้ไม่ใช่คนดี การที่นางมาปรากฏตัวในวันขึ้นปีใหม่ ย่อมมั่นใจได้ว่านางไม่ได้มีเจตนาดีอย่างแน่นอน

หลิวเทียนฉือและกู้ฟางสี่ไม่ได้คุ้นเคยกันนัก เมื่อมาถึงที่นี่ กู้ซินเถ้าบอกกล่าวว่าอาเล็กของนางอาศัยอยู่ที่นี่ และมีความสัมพันธ์อันดีงามกับกู้เสี่ยวหวาน ตราบเท่าสร้างความสัมพันธ์กับอาเล็กได้ เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

“ท่านอา น้องเสี่ยวหวาน วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ข้ามาที่นี่เมื่ออวยพร นอกจากนี้ข้ายังนำของขวัญมาด้วย ทุกอย่างล้วนเป็นของจากเมืองหลวง” หลิวเทียนฉือเอ่ยเน้นคำว่า ‘เมืองหลวง’ เพื่อสื่อให้เห็นว่าของเหล่านี้ดีกว่าของทั่วไปมาก

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจที่มาของสิ่งของเหล่านี้ นับประสาอะไรกับเมืองหลวง แม้ว่ามันจะส่งตรงมาจากพระราชวัง หากนางไม่ชอบเสียอย่าง ไม่ว่าจะมีที่มาจากที่ใด นางย่อมไม่ต้องการมัน

กู้ซินเถายังยิ้มอย่างมีเลศนัย สายตายจับจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์และพูดอย่างกังวลใจ “เสี่ยวหวาน ไยเจ้าถึงไม่รีบขอบคุณพี่หลิวล่ะ นางตั้งใจนำสิ่งนี้มาให้เจ้าโดยเฉพาะ อย่าพูดถึงเมืองหลิวเจียเลย แม้แต่เมืองรุ่ยเสียนก็ไม่มีของดีเช่นนี้ ข้าเคยขอสิ่งนี้จากนางตลอด แต่นางไม่ใจอ่อน แต่ดูสิ คราวนี้นางเอามาให้เจ้าโดยเฉพาะ พี่หลิวชอบเจ้ามากเลยสินะ” คำพูดของกู้ซินเถาแฝงไปด้วยความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิวเทียนฉือ กู้ซินเถาจึงเอ่ยเปลี่ยนคำเรียกขานเป็น ‘พี่หลิว’ ทันที

หลิวเทียนฉือคลี่ยิ้ม และไม่ได้บอกปัดปฏิเสธ

หลิวเทียนฉือไม่เคยคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะแยแสต่อสิ่งของที่ตนเองนำมา ครั้นเห็นเสี่ยวเถายื่นของสิ่งนั้นไปตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน เด็กหญิงกลับก้าวถอยหลังไปสองก้าว แล้วเอามือไพล่หลัง “คุณหนูหลิว แม้ว่าข้าจะเป็นคนชนบท แต่ข้าก็รู้ว่าการได้รับสิ่งตอบแทนโดยไม่ทำอะไรเลยนั้นเป็นสิ่งไม่ดี ข้ารับของสิ่งนี้ไม่ได้ หากท่านมีเรื่องอะไรก็แค่พูดมาเถอะ แต่หากเรื่องราวยังเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว ข้ายังคงยื่นยันคำเดิมและต้องขอโทษด้วย”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถ่อมตัวหรือพูดเอาแต่ใจ

เสี่ยวเถายัดเยียดข้าวของใส่อ้อมแขนของกู้เสี่ยวหวาน แต่ใครเล่าจะคิดว่านางจะไม่แม้แต่จะยื่นมือออกมารับ หากเป็นกู้ซินเถาคงจะรีบรับมาและเปิดดูทันที

กู้เสี่ยวหวานได้ยินหลี่ฝานกล่าวว่า ร้านภายในเมืองหลวงอยู่ในขั้นตอนการตกแต่ง นางจึงวาดรูปแบบเพื่อเป็นแนวทางในการตกแต่งร้าน และขอให้หลี่ฝานตกแต่งร้านตามรูปแบบนี้

ต่อมาหลี่ฝานได้ส่งจดหมายมาอีกฉบับ เนื้อหาภายในจดหมายแจ้งว่า ตอนนี้มีการจ้างแรงงาน และคาดว่าจะเสร็จภายในสี่ถึงห้าเดือน หากงานเสร็จสิ้นภายในเวลาดังกล่าวแล้วก็ขอให้กู้เสี่ยวหวานเข้าเมืองหลวงเพื่อตรวจดูร้านด้วยตนเอง

นางมีร้านเป็นของตนเองในเมืองหลวงแล้ว แบบนี้จะร่วมมือกับหลิวเทียนฉือได้อย่างไร โนเวล-พีดีเอฟ

แม้ว่านางจะทำเพียงปักผ้าเช็ดหน้าเพื่อขายในเมืองหลิวเจียและเมืองรุ่ยเสียน แต่นางก็ไม่ต้องการที่จะร่วมมือกับคนหยิ่งยโสและเอาแต่ใจเช่นหลิวเทียนฉือ

หากนางร่วมมือกับหลิวเทียนฉือ เมื่อถึงเวลาที่กู้เสี่ยวหวานหมดประโยชน์ นางจะกลายเป็นเพียงช่างฝีมือตกอับ ดังเรื่องราวของชาวนากับงูเห่า

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ใช่ชาวนาคนนั้น แต่ใครจะรับประกันได้ว่าหลิวเทียนฉือจะไม่ใช่งูเห่าตัวนั้นที่ตอบแทนความเมตตาด้วยการแว้งกัดคนที่เคยช่วยเหลือนาง

เมื่อทำกิจการร่วมกันต้องให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ในการร่วมมือกันพวกนางต้องรู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกัน นางกับหลิวเทียนฉือนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากทำกิจการร่วมกันก็คงจะเป็นบ้าไปแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบข้อเสนอของหลิวเทียนฉือ และแน่นอนเมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงปฏิเสธเช่นเดิม ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของหลิวเทียนฉือก็แปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง

ใบหน้ามืดมนราวกับสามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

โชคดีที่นางเป็นคุณหนูในตระกลูใหญ่ และรู้วิธีการจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง แต่เสี่ยวเถาที่อยู่ข้าง ๆ นั้นต่างออกไป

เดิมทีอารมณ์ของเสี่ยวเถาถูกจุดปะทุเพราะกู้ซินเถา นางจึงไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อคนตระกูลกู้

ครั้งนี้เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยและปฏิเสธคุณหนูหลิว และทำให้คุณหนูหลิวได้รับความอับอาย คุณหนูของนางมาถึงที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพื่อขอร้องอ้อนวอนขอความร่วมมือจากกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานคนนี้จะกำเริบสานเกินไปแล้ว หากนางไม่ต้องการร่วมหุ้นก็ไม่เป็นไร แต่กลับไม่รู้จักพูดจาให้นุ่มนวลและยังปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คุณหนูหลิวเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวย กู้เสี่ยวหวานเป็นเพียงแค่สาวชนบท เหตุใดถึงมีท่าทางหยิ่งยโสเพียงนี้

เสี่ยวเถามีท่าทางกระฟึดกระฟัดไม่พอใจที่กู้เสี่ยวหวานไม่รับของจากมือของตนเมื่อครู่ แต่คราวนี้เมื่อเห็นว่านางไม่รอให้คุณหนูของตนเองเอ่ยหรือปฏิเสธ เสี่ยวเถาจึงรีบรุดขึ้นหน้าและตำหนิอย่างกู้เสี่ยวหวานอย่างเหลืออด “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าเพิกเฉยต่อคำเยินยอ คุณหนูของข้าต้องการร่วมมือกับเจ้าเพราะเห็นฝีมือและความสามารถในตัวเจ้า ดังนั้นเจ้าอย่ามาทำตัวไร้ยางอาย”

ท้ายที่สุด นี่เป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางก็หัวเราะขึ้นมาทันที “แม่นางเสี่ยวเถา ไม่มีกิจการแบบนี้ในใต้หล้านี้ หากข้าไม่ต้องการร่วมมือกับพวกเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่ร่วมมือ นี่คือสิทธิและเสรีภาพของข้า เหตุใดเจ้าถึงต้องมาวิจารณ์การตัดสินใจของข้าด้วยเล่า?”

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานฟังดูรุนแรงสำหรับหลิวเทียนฉือ

นางมีสถานะสูงส่ง เป็นถึงลูกสาวของของขุนนางฝ่ายค้าเกลือและโลหะ แม้ว่าจะไม่ใช่ขุนนางระดับใหญ่โต แต่ก็มีอำนาจมากมายอยู่ในมือ

บิดาของนางมีหน้าที่ดูแลเรื่องเกลือ โลหะ การผูกขาดชา และการเก็บภาษี นี่เป็นงานที่ทำแล้วได้ประโยชน์ส่วนตนมากที่สุด

หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ชื่นชอบบิดาของตนมาก เขาจะแต่งตั้งบิดาของนางให้อยู่ในตำแหน่งที่เอื้ออำนวยได้อย่างไร

หลิวเทียนฉือเป็นหญิงที่งดงาม และถือได้ว่าโดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง

แม้ว่าสถานะของนางจะไม่เทียบเท่ากับคุณหนูจากตระกูลขุนนางอื่น ๆ แต่นางก็ยังถือว่าเป็นลูกสาวจากอนุ

เมื่อเทียบกับกู้เสี่ยวหวานแล้ว ตัวตนนั้นเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้าและโคลนบนพื้นดิน

ก้อนเมฆอย่างนางไม่ชอบโคลนสกปรก แต่จริง ๆ แล้วโคลนสกปรกนี้ก็ไม่ชอบก้อนเมฆเช่นกัน

นี่เป็นครั้งที่สามที่หลิวเทียนฉือมาพูดคุยกับกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากตุ๊กตาและผ้าเช็ดหน้าเป็นวิธีหาเงินที่ดี นางจึงต้องการเปิดร้านดังกล่าว และเพื่ออนาคตของตัวเองจึงต้องวางแผนให้ดี

ก่อนที่หลิวเทียนฉือจะมาถึงสวนกู้ นางบอกกู้ซินเถาแล้วว่าตนคิดอย่างไร

เมื่อกู้ซินเถาได้ยินเป็นครั้งแรกว่าผ้าเช็ดหน้าและตุ๊กตาราคาแพงที่เป็นที่นิยมในเมืองหลิวเจียมาจากครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน นางก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็มีความสุขมากโดยบอกว่านางจะช่วยหลิวเทียนฉืออธิบายกับกู้เสี่ยวหวานอย่างแน่นอน

——————————————-