บทที่ 945 หากต้องขออาหารก็จะไม่ไปหาเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 945 หากต้องขออาหารก็จะไม่ไปหาเจ้า

บทที่ 945 หากต้องขออาหารก็จะไม่ไปหาเจ้า

ครั้นเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของกู้ซินเถา หลิวเทียนฉือจึงตกลงปลงใจ และกล่าวว่าหลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น กู้ซินเถาจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม

ตามธรรมชาติแล้ว สิ่งที่หลิวเทียนฉือพูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก หากเรื่องนี้สำเร็จ นางจะได้รับเงินตอบแทนจำนวนมากในอนาคต และมอบเงินที่หามาได้อย่างยากเย็นให้กับกู้ซินเถา และนั่นเป็นเพียงเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น นางจะไม่ควักเงินส่วนตัว

เมื่อวานนี้นางไปหาเจียงหย่วนเพื่อขอเงินมาหลายร้อยตำลึง

หลิวเทียนฉือระงับความโกรธในใจ และพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อบังคับให้ใบหน้าของตนดูอ่อนโยนเสมอ “น้องเสี่ยวหวาน ดูเจ้าสิ เจ้าสุภาพมากเกินไปหรือเปล่า”

“เรารู้จักกันมานานมากแล้ว ถ้าในอนาคตเจ้ากังวลว่าข้าจะไล่เจ้าออก มั่นใจได้เลยว่าข้าไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ตราบใดที่ร้านยังมีอยู่ ความร่วมมือที่มีผลประโยชน์ร่วมกันจะคงอยู่ตลอดไป หรือเจ้าจะเก็บทักษะเป็นความลับและพวกเจ้าจะตัดเย็บเองก็ย่อมได้ พวกเราจะแบ่งส่วนกำไรรายได้กันคนละห้าส่วน เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?” หลิวเทียนฉืออธิบาย

นางคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าหลังจากที่อธิบายข้อเสนอที่ยั่วยวนใจเช่นนี้แล้ว ทำไมกู้เสี่ยวหวานถึงยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่คุ้มค่าเช่นนี้อีก เมื่อได้คุยกับกู้ซินเถาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้มีความคิดกว้างไกลและจะพิจารณาสิ่งเลวร้ายล่วงหน้า

สิ่งที่ทำให้นางไม่ยอมร่วมมือคือการไล่นางออกหลังจากเรียนรู้ทักษะของนางแล้ว

หลิวเทียนฉือไม่ใช่คนโง่

ทว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดแบบนี้ ความจริงแล้วการที่นางไม่ต้องการร่วมมือกับหลิวเทียนฉือนั้นมีเหตุผลมากมาย

“ความใจดีของคุณหนูหลิว ข้ารับรู้ได้ แต่ทุกคนมีความทะเยอทะยานของตัวเอง และข้าก็ไม่มีโชคพอที่จะยอมรับความเมตตาของคุณหนูหลิว”

กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเย็นชา

กู้ซินเถาที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงที่กู้เสี่ยวหวานผลักข้อเสนอที่ดีเช่นนี้ออกไป

เดิมทีเมื่อได้ยินหลิวเทียนฉือบอกว่ากู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ นางก็แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้นางเห็นแล้วว่าทุกอย่างล้วนเป็นความจริง

นางได้ยินมาว่าในเมืองหลวงนั้น ตุ๊กตาหนึ่งตัวของกู้เสี่ยวหวานมีราคาหลายร้อยตำลึงเงิน

ตุ๊กตาธรรมดา ๆ สามารถขายได้หลายสิบตำลึง นอกจากเงินยิบเงินย่อยแล้ว หากคำนวณราคาของตุ๊กตาแล้วก็เกือบจะหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

ถ้าหากขายตุ๊กตาออกไปในราคาหลายร้อยตำลึง จากนั้นก็ยังจะเหลือเงินอีกหลายร้อยตำลึง

ครอบครัวธรรมดาในเมืองหลิวเจีย แม้แต่กู้ฉวนลู่ที่เคยทำงานเป็นคนทำบัญชีที่ร้านซุ่นซิน เขายังมีเงินเดือนเพียงสี่ตำลึงเงินต่อเดือนเท่านั้น หนึ่งปีก็ไม่สามารถหาเงินได้ถึงห้าสิบตำลึงเงินด้วยซ้ำ

หากขายตุ๊กตาเพียงอย่างเดียวก็จะมีเงินใช้ไปอีกเป็นเวลาหลายปี มีแต่คนโง่งมเท่านั้นแหละที่ไม่สนใจสิ่งล่อตาล่อใจแบบนี้

หลิวเทียนฉือจะเป็นนายทุนเปิดร้านและออกทุน ตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานแสดงทักษะ เงินที่ได้รับจากการขายตุ๊กตาก็สามารถแบ่งกันได้คนละครึ่ง โอกาสดี ๆ เช่นนี้นับว่าหายได้ยาก

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าโง่หรืออย่างไรกัน สิ่งดี ๆ เช่นนี้มาประเคนถึงหน้าเจ้าแต่กลับไม่รับไว้” ใบหน้าของกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ มันเป็นเรื่องที่ดีเพียงแค่นั่งอยู่บ้าน และรอให้เงินมาส่งถึงประตูบ้าน แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่เห็นด้วย

ถ้าตนเองสามารถตัดเย็บตุ๊กตาและปักผ้าได้ นางจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน

กู้ซินเถารู้สึกทั้งประหลาดใจและอิจฉา นางอยากจะตัดสะบั้นมือของกู้เสี่ยวหวาน แล้วนำมาต่อกับร่างกายของตัวเอง

เมื่อมือคู่นั้นขยับ เงินทองก็จะไหลมาเทมา

ครั้นเห็นการจ้องมองด้วยความโลภของกู้ซินเถา กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้วโดยไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย แต่ความเย็นชาที่ฉายชัดบนใบหน้าล้วนตอบกู้เสี่ยวหวานทุกอย่างแล้ว

เมื่อเห็นว่ากู้ซินเถาเอ่ยคำถามที่โง่เขลา หลิวเทียนฉือจึงตวัดสายตาจ้องมองกู้ซินเถาทันที กู้ซินเถารู้สึกตัวว่าตนเองล้ำเส้นไปไกลเกินไปแล้วและมองไปที่หลิวเทียนฉือด้วยความลำบากใจ

คราวนี้กู้ซินเถาจึงปรับน้ำเสียง “เสี่ยวหวาน ไม่ใช่ว่าข้าตำหนิเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าคนในครอบครัวของเจ้าต้องกินข้าวและต้องการเสื้อผ้ากี่คน พวกเจ้าสี่พี่น้อง ยังมีครอบครัวของท่านป้าจางอีกสามคน ท่านอาและทาสของเจ้าอีก มีเก้าคนที่ต้องกินอาหาร แน่นอนว่ารวมถึงพี่ใหญ่ฉินด้วย”

ทันทีที่กล่าวถึงฉินเย่จือ ใบหน้าของกู้ซินเถาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัว นางไม่ได้เจอฉินเย่จือมานานแล้ว และไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ใด

เมื่อเห็นใบหน้าเขินอายของกู้ซินเถายามพูดถึงฉินเย่จือ หลิวเทียนฉือก็เบือนสายตากลับมาจ้องนางอีกครั้ง

เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจและความเขินอายของผู้หญิงสองคนที่อยู่ต่อหน้า กู้เสี่ยวหวานก็แอบตำหนิฉินเย่จือในใจ เขาทำให้นางมีปัญหาตลอดเลย!

กู้ซินเถาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลกประหลาดของหลิวเทียนฉือ หลังจากปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จึงเอ่ยต่อ “เสี่ยวหวาน มีคนมากมายในครอบครัวที่ต้องกินต้องใช้ หนิงอันยังต้องเรียนหนังสือและยังต้องสอบเป็นขุนนางอีกด้วยด้วย ในอนาคตทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน ยิ่งกว่านั้นในวันข้างหน้า พวกเขาสองพี่น้องจะต้องแต่งงาน ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องใช้เงิน อย่าคิดว่ามีที่ดินกับบ้านหลังนี้ก็เพียงพอแล้ว ในอนาคตยังมีเรื่องให้ต้องเสียเงินอีกมาก” กู้ซินเถามีฝีปากที่ดีจริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบกู้ซินเถาที่นางเคยคิดว่าโง่เขลา ไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะมีเหตุผลเช่นนี้

“พี่หลิวให้โอกาสแก่เจ้า ไม่ให้เจ้าออกเงินแม้แต่เหรียญเดียว และเงินที่ได้รับในอนาคตจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เป็นโอกาสอันดีที่อาจจะหาไม่ได้อีก ข้าจะบอกเจ้าให้เมื่อถึงเวลาที่เจ้าขาดเงิน เช่นนั้นก็อย่าไปที่บ้านข้าเพราะพี่ชายของข้าก็ต้องเรียนและต้องใช้เงิน อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ในอนาคตหากเจ้าไม่เหลือเงินก็อย่าเสียใจไปล่ะ” คำพูดของกู้ซินเถาช่างโหดร้าย

อย่างไรก็ตาม นางประเมินตัวเองสูงเกินไป และประเมินกู้เสี่ยวหวานต่ำเกินไป

หลังจากนี้ ต่อให้กู้เสี่ยวหวานยากจนและต้องกลายเป็นขอทาน นางก็จะไม่มีวันขอเงินจากครอบครัวกู้ฉวนลู่แม้แต่เหรียญเดียว

“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าในอนาคตข้าจะยากจนและต้องออกไปขอทาน ข้าก็จะพาทุกคนไปขออาหารด้วยกัน แต่จะไม่เหยียบย่างไปบ้านของท่านอย่างแน่นนอน”

กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างภาคภูมิใจ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของกู้ซินเถาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเมื่อครู่นั้นเปล่าประโยชน์ราวกับการผายลม

“เจ้า! กู้เสี่ยวหวาน อย่าเพิกเฉยต่อคำชื่นชม พี่หลิวเห็นคุณค่าในตัวเจ้า หากเจ้ายังทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง” กู้ซินเถาพูดอย่างโกรธเคือง จากนั้นมองไปที่หลิวเทียนฉืออย่างลำบากใจ นางก้มศีรษะลงและก้าวถอยหลังไปยืนด้านข้าง

——————————————-