บทที่ 946 ผลประโยชน์ไม่น้อย
บทที่ 946 ผลประโยชน์ไม่น้อย
ขณะที่หลิวเทียนฉือลอบด่าหญิงผู้นั้นว่าในใจว่าพึ่งพาไม่ได้ กู้ซินเถาก็ปลีกตัวไปคุยกับกู้ฟางสี่
“ท่านอา สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ท่านช่วยไปเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหวานหน่อยเถอะ ในอนาคตยังมีเรื่องจำเป็นต้องใช่เงินอีกมาก และตอนนี้นางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงไม่ใช่หรือ? จะไปพึ่งพาที่ดินจำนวนเล็กน้อยเหล่านั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ในครอบครัวยังต้องเลี้ยงดูคนที่ไม่เกี่ยวข้องมากมาย ครอบครัวใหญ่เช่นนี้ ในหนึ่งวันจะต้องกินข้าวเท่าไรกัน” กู้ซินเถามองไปเหลือบมองไปที่ป้าจางและฉือโถวที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจ การกระทำของนางเป็นการชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว*[1]
กู้ฟางสี่รู้ว่าคำพูดของกู้ซินเถานั้นสมเหตุสมผล แต่ใครจะกล้าขัดขวางผู้หญิงคนนี้กัน
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนช่างคิด และสิ่งที่นางตัดสินใจไปแล้ว แม้แต่วัวสิบตัวก็ไม่สามารถลากนางให้ถอยหลังกลับมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ยอมเป็นคนจนดีกว่าร่วมมือกับคนที่เย่อหยิ่งเช่นนี้
ดังนั้นกู้ฟางสี่จึงไม่แม้แต่จะคิดที่จะสนุบสนุนเหตุผลของกู้ซินเถา นางทำเพียงแค่สะบัดมือของกู้ซินเถาที่กอบกุมมือของตนไว้ “ซินเถา เสี่ยวหวานเป็นหัวหน้าครอบครัวมาโดยตลอด ทุกคนจะฟังในสิ่งที่นางพูด”
ความหมายของคำพูดนั้นชัดเจน ความคิดของกู้เสี่ยวหวานคือความคิดของคนทั้งหมด และไม่ต้องใช้คนทั้งหมดมาเพื่อโน้มน้าวเปลี่ยนความคิดของกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“ท่านอา! สมองของท่านถูกหลิวชิงซานทำลายไปแล้วหรือ? ทำไมท่านถึงเป็นบ้าเหมือนกู้เสี่ยวหวาน โอกาสดี ๆ เช่นนี้กลับปล่อยให้หลุดลอยไป ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?” กู้ซินเถาไม่ทันยั้งปากและพูดคำเหล่านี้ราวกับเป็นการยิงปืนใหญ่
“เราจะเป็นบ้าหรือเสียสติก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า หากเจ้าอยากทำ เจ้าก็สามารถร่วมมือกับคุณหนูหลิวได้” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เจ้า…” กู้ซินเถาพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่านางไม่อยากร่วมมือ หากแต่นางไม่รู้วิธีทำสิ่งเหล่านั้นต่างหาก
แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าที่มีลายปักง่าย ๆ นางก็ไม่สามารถปักได้ นับประสาอะไรกับการตัดเย็บตุ๊กตา
นางเคยได้ยินจากหลิวเทียนฉือว่ารูปร่างของตุ๊กตาคือกุญแจสำคัญ ช่างปักธรรมดาจะไม่สามารถปักตุ๊กตาให้ออกมามีรูปร่างน่ารักได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องสามารถวาดรูปแบบนี้ได้ หากทำตุ๊กตาหน้าตาธรรมดาออกมา เมื่อไม่มีความแปลกใหม่ ทุกคนก็จะไม่สนใจที่จะซื้ออีก
ดังนั้นนอกจากฝีมือที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์
มีเพียงครอบครัวกู้เท่านั้นที่สามารถวาดรูปแบบที่น่ารักเช่นนี้ได้
ด้วยสองปัจจัยนี้จึงจะสามารถเปิดร้านตุ๊กตาได้
ความโกรธเคืองของกู้ซินเถาถูกกระตุ้นโดยกู้เสี่ยวหวาน นางคับแค้นใจจนลำคอตีบตันพูดไม่ออก ดวงตาของนางเบิกกว้างมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความโกรธเคือง
คราวนี้หลิวเทียนฉือก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวแล้วผุดลุกขึ้นยืนทันที นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งไม่ได้สนใจตนเองและรู้ว่าในครั้งนี้ตัวเองล้มเหลวอีกครั้ง
กู้เสี่ยวหวานเป็นเหมือนหินน้ำมันหรือเกลือไม่สามารถซึมเข้าไปได้*[2]
สิ่งล่อตาล่อใจนั้นไม่เพียงพอ และเมื่อเอ่ยปากก็ยังไม่ได้ผล เป็นไปได้หรือไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานตั้งใจแน่วแน่แล้วที่จะไม่ร่วมมือกับนาง?
“แม่นางกู้ต้องการเงื่อนไขแบบไหนถึงจะตกลงร่วมมือกับข้า” หลิวเทียนฉือต้องการร่วมมือกับกู้เสี่ยวหวาน ไม่เพียงเพราะร้านขายตุ๊กตาทำเงินได้ แต่ในอนาคตมันจะสะดวกที่จะใช้ตุ๊กตานี้เพื่อทำความรู้จักกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง
เมื่อนึกถึงเวลาตัวเองกลับเมืองหลวงพร้อมกับตุ๊กตาและผ้าเช็ดหน้าที่มีลวดลายน่ารักมากมาย และแม้แต่คุณหนูของครอบครัวร่ำรวยที่ไม่แม้แต่จะชายตามองนางในวันธรรมดาก็ยังชักชวนนางไปที่บ้าน
และยังแนะนำนางให้รู้จักกับสหายคนอื่นอีกจำนวนมาก
ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของหลิวเทียนฉือคือ เมื่อมาเกิดก็ไม่พบครรภ์ที่ดี
หากนางมาเกิดในครรภ์ของภรรยาเอก ฉะนั้นแล้วนางจำเป็นที่จะต้องอยู่ห่างจากเมืองหลวงและมายังสถานที่ห่างไกลเพื่อติดตามตระกูลเจียงเช่นนี้หรือ?
ในฐานะลูกของอนุที่ไม่คู่ควรกับสถานะนี้
แต่ทว่าโชคดีที่ตระกูลหลิวไม่มีลูกสาว หากมีลูกสาว สถานการณ์ของนางคงจะน่าสงสารมากกว่านี้
นางติดตามฮูหยินหลิวและเข้าร่วมงานเลี้ยงทุกประเภท แต่เมื่อมีคนได้ยินว่านางเป็นลูกของอนุภรรยาตระกูลหลิว หากพวกเขาไม่รู้ว่าตระกูลหลิวมีลูกสาวคนเดียว พวกเขาอาจจะมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม
ตระกูลหลิวมีลูกสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงถือว่าหลิวเทียนฉือเป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมาย
แม้ว่าต่อมาฮูหยินหลิวจะอนุญาตให้หลิวเทียนฉืออยู่ภายใต้ชื่อของนาง แต่จริง ๆ แล้วหลิวเทียนฉือไม่ใช่บุตรโดยกำเนิด เมื่อคนอื่นเห็นหลิวเทียนฉือก็ยังพูดว่านางเกิดจากอนุภรรยา นางจึงเป็นลูกของอนุภรรยาที่ถูกเลี้ยงโดยภรรยาเอก
หลิวเทียนฉือกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
การเยาะเย้ยถากถางและเหยียดหยาม นางได้รับมามากพอแล้ว
แม้ว่านางจะอยู่ภายใต้ชื่อของภรรยาเอกก็ตาม แต่ไม่มีคุณหนูคนใดที่เต็มใจเชิญนางไปงานเลี้ยง
นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในสังคมนี้ แต่สภาพแวดล้อมของมันบีบคั้นนางมากเกินไป
นอกจากนี้ ฮูหยินหลิวเห็นว่านางพาเด็กคนนี้ออกสู่สาธารณะหลายครั้ง แต่ยังไม่การเชิญชวนจากตระกูลที่ร่ำรวยเกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่ดีนัก
การทำเช่นนี้ก็ราวกับดูถูกนาง
เมื่ออยู่ภายนอกก็ถูกเยาะเย้ยถากถาง เมื่ออยู่ในบ้านก็ถูกตำหนิติเตียน
เหตุผลส่วนใหญ่ที่หลิวเทียนฉือเต็มใจเดินทางมายังเมืองหลิวเจียที่เลวร้ายเช่นนี้เป็นเพราะนางไม่สามารถเข้าร่วมสังคมนั้นในเมืองหลวงได้
ไม่สิ… ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ นางไม่เคยถูกรวมเข้ากับสังคมชั้นสูงเช่นนั้นเลย นางทำได้เพียงรออยู่ข้างนอกงานเลี้ยงหรูหรานั่นทุกครั้งมที่ไปร่วมงาน ต่อให้นางกระโดดสูงแค่ไหน กำแพงก็จะสูงพอ ๆ กัน ไม่ว่านางจะพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่ช่วยอะไร
แต่เมื่อมาถึงเมืองหลิวเจีย มันแตกต่างออกไป ทุกคนที่นี่เอาใจและสนับสนุนนาง นางเป็นคุณหนูจากเมืองหลวง ไม่มีใครที่ไม่ฟังคำพูดของนาง
แม้แต่ฮูหยินเจียง นางก็ยอมจำนนต่อหน้าตัวเองไม่ใช่หรือ?
หลิวเทียนฉือมีความสุขมาก นางมีชื่อเสียงเมื่อมาปรากฏตัวในเมืองหลิวเจีย
การมาครั้งนี้กินเวลานานกว่าหนึ่งปี หากไม่ได้รับข่าวดีจากเมืองหลวงอย่างกะทันหัน นางอาจอยู่ที่นี่ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข่าวดีนั้นและตุ๊กตากับผ้าเช็ดหน้าที่นางนำกลับไปที่เมืองหลวง ประตูบ้านของกลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงจึงเปิดออกต้อนรับนาง
หลิวเทียนฉือไม่เคยคิดมาก่อนว่าตุ๊กตาไม่กี่ตัวและผ้าเช็ดหน้าไม่กี่ผืนจะดึงดูดความสนใจผู้หญิงเหล่านี้ที่มักแสร้งทำเป็นสูงส่งและมีเกียรติได้
*[1] ทำเป็นด่าคนนั้น แต่ความจริงแล้วด่าอีกคน
*[2] มีทิฐิ หัวแข็ง
——————————————-