บทที่ 947+948 สาดน้ำโคลนพบกับเฉาซื่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 947+948 สาดน้ำโคลน/พบกับเฉาซื่อ

บทที่ 947 สาดน้ำโคลน

ยิ่งกว่านั้นมันส่งต่อจากหนึ่งถึงสิบ สิบถึงร้อย และร้อยถึงพัน ทุกคนรู้ว่าคุณหนูในครอบครัวของขุนนางฝ่ายเกลือและโลหะมีสิ่งที่น่าสนใจและสวยงามอยู่ในมือ

ทุกคนภายในห้องรับรองเห็นสิ่งนี้จึงเกิดความสนใจ และยื่นกิ่งมะกอก*[1] ให้หลิวเทียนฉือทีละกิ่ง

ต่อมายามรู้ว่าหลิวเทียนฉือครอบครองสิ่งดี ๆ ไว้ ทุกคนในเมืองต่างพากันอิจฉา ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากพยายามที่จะประจบประแจงนาง

ปีนั้นนับว่าเป็นปีที่ภาคภูมิใจที่สุดตลอดระยะเวลาสิบเจ็บปีของหลิวเทียนฉือ

นางไม่เพียงเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสหายใกล้ชิดกับคุณหนูเหล่านั้นอีกด้วย แม้จะรู้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากข่าวลือเรื่องตุ๊กตาในครอบครองของนาง แต่การจะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่จะไม่ต้องการสิ่งช่วยเหลืออย่างนี้ได้เช่นไร

ดังนั้นหลิวเทียนฉือจึงต้องเปิดร้านขายตุ๊กตา

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงื่อนไขใด นางล้วนยอมทั้งนั้น

เมื่อการรบเร้าครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ดวงตาของหลิวเทียนฉือแดงฉานน่ากลัว นางจ้องมองกู้เสี่ยวหวานอย่างดุดัน ราวกับพร้อมที่จะพุ่งปรี่เข้ามาฉีกกู้เสี่ยวหวานเป็นชิ้นหากนางปฏิเสธ

หากแต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กลัวนางเลยสักนิด

กู้เสี่ยวหวานเชิดหน้าขึ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณหนูหลิว ข้าต้องขอโทษด้วย”

ใบหน้าของหลิวเทียนฉือขึ้นสีแดงก่ำโดยพลัน และจากแดงเปลี่ยนเป็นดำคล้ำราวกับก้นหม้อ

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าได้มองข้ามความหวังดีของข้านะ!”

เนื่องจากการสะบัดมืออย่างรุนแรงของหลิวเทียนฉือ แรงสั่นสะเทือนบนโต๊ะทำให้ถ้วยชาร่วงลงกระแทกพื้นและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

กู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ก่อนสบตากับดวงตาดุร้ายราวกับจะกินคนคู่นั้น “คุณหนูหลิว เมื่อเส้นทางที่เลือกเดินมันไม่เหมือนกัน เช่นนั้นเราก็ไม่สามารถร่วมมือกันได้ ท่านได้โปรดกลับไปเถอะ ข้าเป็นเพียงเด็กหญิงจากชนบท ข้าไม่กล้าร่วมทำกิจการกับคุณหนูหลิวหรอก และข้าก็ไม่มีความคิดทางด้านนี้”

ถ้อยคำของกู้เสี่ยวหวานหนักแน่นและเด็ดขาด ไม่เห็นถึงร่องรอยของความลังเล

หลิวเทียนฉือถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วหมุนกายเดินจากไป

เสี่ยวเถากวาดสายตามองทุกคนในบริเวณนั้นด้วยความแข็งกร้าว นางกระทืบเท้าอย่างแรงราวกับต้องการบดขยี้พื้นบ้านของกู้เสี่ยวหวานให้แตกละเอียด จากนั้นหมุนกายเดินตามเจ้านายของตนเองไป

ครั้นเห็นหลิวเทียนฉือออกไปด้วยความโกรธ กู้ซินเถาจึงร้องเรียกให้หลิวเทียนฉือรอนางด้วย ก่อนจะตวัดสายตามองไปยังกู้ฟางสี่กับกู้เสี่ยวหวาน และชี้หน้าพวกนาง “ในอนาคตพวกเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

วาจาของกู้ซินเถาล้วนไม่น่าฟัง จากนั้นหันหลังกลับและวิ่งไปตามทิศทางที่หลิวเทียนฉือจากไป

ในที่สุด เมื่อเห็นแขกไม่พึ่งประสงค์ทั้งสามคนจากไป กู้เสี่ยวหวานก็นั่งลงที่เดิมด้วยท่าทีนิ่งสงบ

ป้าจางกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ก่อนที่หลิวเทียนฉือจะจากไป ป้าจางสามารถมองเห็นความเกลียดชังในดวงตาของนางได้อย่างชัดเจน หลิวเทียนฉือคนนี้ช่างหยิ่งผยอง เวลานี้กู้เสี่ยวหวานได้ปฏิเสธนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางเกรงว่าอีกฝ่ายอาจหาวิธีชั่วร้ายมากดดันพวกเขาก็ได้

“เสี่ยวหวาน ข้าเกรงว่าหลิวเทียนฉือจะไม่ยอมวางมือ” ป้าจางเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

กู้เสี่ยวหวานหยิบถ้วยชาขึ้นมา พลางเอ่ยอย่างเฉยเมย “ท่านป้าจะกลัวไปไย ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาก็ใช้ดินต้าน*[1] ตั้งแต่โบราณมาไม่มีกิจการบังคับซื้อขาย นางใช้สถานะของนางกดดันให้ข้าทำกิจการด้วย ข้าไม่ใช่คนโง่ แล้วจะถูกนางหลอกได้อย่างไร”

“แต่เจ้าปฏิเสธนางมานับครั้งไม่ถ้วน เดิมทีนางเป็นคนที่จิตใจหยาบช้า หากในอนาคตนางพุ่งเป้าหมายมาที่เจ้าเล่า?” กู้ฟางสี่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเช่นกัน

“ท่านอาอย่ากลัวไปเลย” กู้เสี่ยวหวานปลอบโยน “ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นฮ่องเต้ที่เฉลียวฉลาด ถ้านางคิดว่าที่นี่สูงเสียดฟ้า ห่างไกลจากสายตาฮ่องเต้ และใช้พ่อของนางที่เป็นขุนนางฝ่ายค้าเกลือและโลหะเพื่อกดดันข้า ข้าก็จะไปเมืองหลวงเพื่อฟ้องราชสำนักเรื่องขุนนางฝ่ายค้าเกลือและโลหะให้ลูกสาวไปอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อค้าเกลือเป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติกัน แต่ใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่สมรู้ร่วมคิดกันระหว่างทางการและพ่อค้า หากนางมีแผนการ ข้าก็มีเช่นกัน มาค่อยดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายเล่นงานใคร”

หลิวเทียนฉือกลับขึ้นรถม้าไปด้วยความโกรธ โดยมีเสี่ยวเถาตามขึ้นไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ซินเถาวิ่งด้วยความรวดเร็ว เกรงว่าวันนี้นางคงจะได้เดินกลับบ้านเป็นแน่แท้

นางตะเกียกตะกายและปีนขึ้นไปบนรถม้าที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป

เมื่อเข้าไปในรถม้าก็เห็นหลิวเทียนฉือมองมาที่ตัวเองด้วยใบหน้าโกรธเคือง

กู้ซินเถารู้สึกผิดเล็กน้อย ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางคงจะถอยกลับไปหนึ่งก้าว

กลับไปดีกว่าโดนด่าที่นี่

“กู้ซินเถา เจ้าไม่ได้โอ้อวดว่าจะคุยกับกู้เสี่ยวหวานให้ข้าหรอกหรือ?” หลิวเทียนฉือสาปแช่งอย่างไร้ความปรานี ไม่มีความสนิทสนมเหมือนกับตอนที่เรียกว่าน้องซินเถาในเมื่อครู่

ในตอนนี้ นางมองราวกับกู้ซินเถาเป็นศัตรูคู่แค้น

กู้ซินเถานั่งคุ้ดคู้อยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า จ้องมองพื้นโล่งว่างของรถม้าอย่างไม่รู้จะวางสายของนางที่ไหน

นางกำผ้าเช็ดหน้าแน่น หากแต่ไม่รู้จะพูดสิ่งใด

“ข้า… ข้า… ข้า…” กู้ซินเถาเอ่ยกระท่อนกระแท่นอยู่นาน หากแต่ไม่ได้พูดอะไร

“กู้ซินเถา เจ้าพูดสิ คุณหนูกำลังถามเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร?” ในเวลานี้เสี่ยวเถาตะโกนเสียงดังด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยความโกรธเคือง

กู้ซินเถาจะยอมได้อย่างไร และในที่สุดตนเองก็พบช่องโหว่

“เจ้าเป็นเพียงแค่สาวใช้ เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร” กู้ซินเถาชี้หน้าของเสี่ยวเถาและสาปแช่ง

หลิวเทียนฉือชำเลืองมองเสี่ยวเถา ใบหน้าของนางฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย

กู้ซินเถายังคงมีประโยชน์ ตนเองไม่สามารถแยกจากนางได้ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อและเอ่ยตำหนิเสี่ยวเถา

หัวใจของเสี่ยวเถาเจ็บปวด เดิมทีนางไม่ชอบหญิงชนบทอย่างกู้ซินเถาผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครอบครัวของนางมาจากหมู่บ้านในชนบท และพ่อของนางก็เป็นเพียงคนทำบัญชีในร้านอาหาร คนเช่นนี้จะสามารถเรียกว่าเป็นคุณหนูได้อย่างไร

อย่าทำเป็นล้อเล่นไปหน่อยเลย

ต่อให้เป็นสาวใช้ของคุณหนูในเมืองหลวงก็ไม่มีใครต้องการ

เมื่อเห็นกู้ซินเถาด่าตัวเอง เสี่ยวเถาหมายจะด่ากลับด้วยความโกรธ แต่หลิวเทียนฉือกลับมองนางด้วยสายตาตักเตือน

เสี่ยวเถาเข้าใจทันทีว่าหลิวเทียนฉือหมายถึงอะไร และปิดปากแน่นทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ

กู้ซินเถาคิดว่าเสี่ยวเถาหวาดกลัวตัวเอง ดังนั้นจึงยิ้มอย่างมีชัย แต่เมื่อเห็นหลิวเทียนฉือ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หายไป

“พี่หลิว ข้า…” กู้ซินเถายังคงต้องการอธิบายให้นางฟัง แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่นานก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นางได้แต่ผลักความผิดทั้งหมดไปที่กู้เสี่ยวหวาน

“พี่หลิว กู้เสี่ยวหวานเป็นเพียงก้อนหินในคูน้ำ ทั้งเหม็นและแข็ง ท่านไม่รู้หรอกว่าเดิมทีท่านอาและท่านอาเขยของข้าตกลงกันไว้ แต่กู้เสี่ยวหวานคนนี้แค่คิดว่าอาเขยของข้าขัดหูขัดตานาง ดังนั้นนางจึงให้ท่านอาและท่านอาเขยของข้าหย่ากัน และยังหลอกท่านอาเขยไปขังไว้ในคุกเมืองรุ่ยเสียนด้วย”

*[1] เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

*[2] ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้

บทที่ 948 พบกับเฉาซื่อ

หลิวเทียนฉือหรี่ตามองอีกฝ่าย เมื่อเห็นความเศร้าโศกและความไม่พอใจ หัวใจก็พลันตื่นตระหนก

กู้ซินเถาจะทำสิ่งใดได้นอกจากการพูดจาไร้สาระ

กู้ซินเถาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีแปลกประหลาดของหลิวเทียนฉือ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบจึงคิดว่าหลิวเทียนฉือเห็นด้วยกับที่สิ่งตัวเองพูด และพล่ามเรื่องน่าเกลียดออกมาอีกมากมาย

หลิวเทียนฉือฟังแล้วก็ได้แต่รู้สึกวิงเวียนศีรษะไปหมด

ทันใดนั้น หลิวเทียนฉือก็ตะโกนขึ้นและจ้องมองที่กู้ซินเถาอย่างดุดัน

ก่อนที่กู้ซินเถาพูดจบ นางก็รีบหุบปากฉับไม่กล้าพูดสิ่งใดต่ออีก

อย่างไรก็ตาม แสงที่เปล่งประกายในดวงตาคู่นั้นดูหวาดกลัวเล็กน้อย

เสี่ยวเถามองไปที่มันด้วยความยินดี กู้ซินเถาคนนี้ นางยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ

เพียงแต่ว่าตอนนี้คุณหนูยังต้องการความช่วยเหลือจากนาง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่คบค้าสมาคมกับคนเช่นนี้

“เสี่ยวเถา พวกเราไปที่ร้านหรูอี้และร้านขายผ้าจี๋เสียงกันเถอะ”

แสงเย็นสว่างวาบในดวงตาของหลิวเทียนฉือหายไปแล้ว และรถม้าก็มุ่งหน้าเข้าเมือง

กู้ซินเถาเกิดความรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมพวกนางต้องไปไปที่ร้านหรูอี้ และนางก็รู้สึกไม่พอใจหลิวเทียนฉือเล็กน้อย แต่เนื่องจากสถานะของหลิวเทียนฉือ นางจึงไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดอีก

ในไม่ช้า รถม้าก็เคลื่อนตัวมาและหยุดอยู่ที่หน้าร้านหรูอี้ เมื่อลงจากรถม้าได้ หลิวเทียนฉือเบนสายตามองกู้ซินเถาและเอ่ยเสียงแผ่วเบาบอกให้นางกลับบ้านไป จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับเสี่ยวเถา

เมื่อเห็นเจ้านายของตนไล่อีกฝ่ายกลับบ้าน เสี่ยวเถาก็ดีใจจนคลี่ยิ้มกว้าง นางมองไปที่กู้ซินเถาอย่างมีชัยพลางเชิดหน้าใส่ กู้ซินเถาทำไดเพียงกระทืบเท้าด้วยความโกรธเคืองเท่านั้น

เมื่อนายและบ่าวหายลับเข้าไปในร้านหรูอี้ กู้ซินเถาได้แต่สถบด่าอยู่ในใจ

ตอนนี้กู้ซินเถาไม่มีอะไรให้ทำจึงต้องยอมกลับบ้าน หากแต่จิตใจของนางไม่นิ่งสงบ จึงแวะเที่ยวเล่นข้างนอกก่อน

เมื่อวานนี้เจียงหย่วนให้เงินแก่นางไว้หลายสิบตำลึง และนางยังคงเก็บไว้กับตัวไม่ได้ใช้มันจนหมด

ยิ่งกว่านั้น นางจะไม่นำเงินนี้กลับบ้านเด็ดขาด

มันคือสิ่งที่นางอ้อนวอนขอจากเจียงหย่วน เป็นเพราะเจียงหย่วนชอบนางและรักนางมาก เขาจึงมอบเงินนี้ให้นางอย่างไม่ลังเล

ครั้งนี้นางได้เรียนรู้ที่จะเป็นคนฉลาด และไม่ต้องการสิ่งของจากเจียงหย่วนอีกต่อไป เมื่อครั้งที่บ้านของนางถูกฮูหยินเจียงบุกค้น นั่นทำให้แม่ของนางถูกคุมขังเป็นเวลาหลายเดือน

เป็นเงินก็ดี ทุกอย่างดูเหมือนกัน ถ้านางใช้มันหมดแล้วก็ไม่มีใครรู้ได้

นางมีเงินและสามารถซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ

กู้ซินเถาเดินไปตามถนน และเดินเล่นตามร้านขายเครื่องประดับ

ขณะที่กำลังจะเข้าไป ทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นตา

นางรีบซ่อนตัวทันใด ก่อนจะเห็นเฉาซื่อผู้เป็นอาสะใภ้สามเดินเข้าไปในร้านจินอวี้

กู้ซินเถาสงสัยว่าทำไมเฉาซื่อถึงมาที่ร้านจินอวี้ ดังนั้นจึงตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ

ลูกจ้างภายในร้านจินอวี้ทักทายเฉาซื่ออย่างกระตือรือร้น

ในตอนนี้ เฉาซื่อแต่งตัวดีกว่าเมื่อก่อนมาก

ผมถูกหวีอย่างพิถีพิถัน เสื้อผ้าก็งดงาม รูปร่างอันน่าภาคภูมิใจถูกคลุมทับด้วยเสื้อผ้าสีแดงสด ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยชาดบางเบา

กู้ซินเถาสงสัยมากว่าเฉาซื่อมีโชคอะไรถึงสามารถสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามและซื้อเครื่องประดับในร้านจินอวี้ได้

——————————————-