บทที่ 948 เป็นเด็กโข่งหรือ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 948 เป็นเด็กโข่งหรือ

บทที่ 948 เป็นเด็กโข่งหรือ

ตกเย็น ซื่อเลี่ยงตั้งใจจะพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวที่โรงอาหาร

อาหารที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงถือว่าอร่อยนะ

แต่เสิ่นจื่อเจินเป็นฝ่ายชวนแทน

“หัวหน้าซูอุตส่าห์มาเที่ยวเมืองหลวง ลุงต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีสิ”

“งั้นลุงเขยจะเลี้ยงอะไรพวกเราคะ?” เสี่ยวเถียนไม่เกรงใจแล้วเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม

“ไปหออีหมิงกัน ถึงในเมืองหลวงจะมีร้านอาหารเยอะ แต่ลุงว่าที่นี่อร่อยถูกปากสุดแล้ว”

เสิ่นจื่อเจินไม่ได้ไปหออีหมิงนานแล้ว เลยอยากไปลิ้มรสอีกสักครั้ง

“ฉันว่าคุณแค่อยากกินฝีมือป้ามากกว่า” เถาฮวามองด้วยสายตาโกรธ ๆ

คนเป็นสามีเอ่ยอย่างร่าเริง “ใช่แล้ว ฉันจำไม่ได้ว่ากินฝีมือคุณป้าล่าสุดเมื่อไร คิดถึงมากเลย”

“แต่ฉันคงไม่ได้ไปนะ เสี่ยวเหมยอยู่กับลูกที่บ้าน ฉันกลัวเสี่ยวฮั่วดูแลคนเดียวไม่ได้”

ถึงจะอยากไปร่วมด้วย แต่พอนึกถึงลูกสาวที่บ้าน เธอยอมกลับบ้านดีกว่า

“เธอก็เป็นห่วงเกินไปแล้ว ถึงคุณไม่กลับไปพวกเขาก็ดูแลกันได้” เสิ่นจื่อเจินส่ายหัว “พี่ฉางจิ่งอุตส่าห์มาหาทั้งทีนะ เธอเป็นน้องสาวไม่อยากกินข้าวกับเขาสักมื้อหรือ?”

เสี่ยวเถียนว่า “ป้าเถาฮวาไม่ต้องห่วงนะคะ อาจารย์ฮั่วฉลาดมากค่ะ เขาดูแลหลานกับพี่เสี่ยวเหมยได้แน่นอน”

ทีแรกก็คิดว่าฮั่วซือเหนียนเป็นลูกคุณหนูอะไรแบบนี้ แต่กลายเป็นว่าเขาดูแลลูกกับภรรยาได้ดีมาก

“อีกอย่างป้าก็ไม่สามารถดูแลพวกเขาไปได้ตลอดไม่ใช่หรือคะ?”

ซูเถาฮวาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย หลังจากหลานสาวเตือนก็เหมือนได้สติ

ที่โรงงานยังมีงานอีกหลายอย่างให้ต้องทำ ฉะนั้นการต้องดูแลทั้งลูกและหลานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

“เรื่องนี้…”

“หนูว่าหาคนมาช่วยดูแลดีกว่าค่ะ ขอคนที่เชื่อถือได้ รู้วิธีการเลี้ยงเด็ก ๆ และไม่มีเจตนาแอบแฝงนะคะ”

ในยุคปัจจุบันมีอีกหลายครอบครัวที่จ้างพี่เลี้ยงเด็กเยอะแยะเลย แต่ยุคนี้ไม่มีเท่าไร

หลาย ๆ คนกลัวว่าการจ้างพี่เลี้ยงจะถือเป็นพวกนายทุนน่ะ

“กลับไปคุยกับเสี่ยวฮั่วเถอะ ลองฟังความเห็นเขาดู วันนี้ได้ออกมาข้างนอกแล้วก็พักสักวัน อย่าคิดเรื่องอื่นเลย” เสิ่นจื่อเจินปวดใจกับภรรยามาก

ผ่านไปเกือบเดือน เธอโทรมขึ้นเยอะเลย

วันนี้ถือเป็นโอกาสหายากที่จะได้พักผ่อน

สุดท้ายพวกเขาก็ไปหออีหมิงกับทุกคน

ที่ห้องแล็บไม่มีงานอื่นใด ซานกงจึงติดตามมาด้วย ตั้งใจว่าจะอยู่บ้านคืนนี้แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ

เสี่ยวเฉ่าอึดอัดใจมาก เธอกลัวที่จะเห็นซานกง แต่ก็อยากเจอเช่นกัน

ระหว่างกินข้าว สองคนนี้ไม่ได้สนทนาอะไรอีก

มีแค่ฝ่ายหญิงที่เหลือบมองฝ่ายชายเล็กน้อย ก่อนจะหลบสายตาหนี

หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกผู้ใหญ่นั่งสนทนา ส่วนเด็ก ๆ แยกย้ายกันไป

ขณะที่ซานกงออกไป เขาบังเอิญเห็นเสี่ยวเฉ่ายืนมองดวงจันทร์อยู่ที่มุมห้อง

“เสี่ยวเฉ่า!”

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทักก่อน

พอได้ยินเสียง เสี่ยวเฉ่ารู้สึกร้อนรนอยากจะหนีทันที

“ฉัน… ฉันไปดูพ่อก่อนนะ เผื่อเขาอยากได้ความช่วยเหลือน่ะ!”

จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องส่วนตัวของร้านทันที โดยไม่สนใจคนข้างหลังเลย

ซานกงเกาจมูก เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมเธอถึงกลัวขนาดนั้นล่ะ?

พริบตาเดียวก็ถึงงานเลี้ยงครบเดือนของสองเด็กน้อย

พวกเขาเลือกวันอาทิตย์เพื่อจัดงานนี้เป็นพิเศษ

เพราะหลายคนต้องไปทำงานและไปเรียนด้วย หาเวลาระหว่างสัปดาห์ไม่ได้เลย

ถ้าเลือกวันอาทิตย์จะสะดวกกว่า

เพราะฉะนั้นในเช้าวันนี้จึงมีป้ายแขวนอยู่ที่หน้าร้านหออีหมิง

มันเขียนว่า ‘วันนี้ปิดร้าน ที่บ้านมีงานมงคล’

ซื่อเลี่ยงเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง ซึ่งลายเส้นออกมาทรงพลังมาก

ลูกค้าหลายคนที่ตั้งใจมากินข้าวที่ร้านเห็นป้ายพอดี

“เขียนสวยมาก!”

“ว่าก็ว่าเถอะ ฉันยังอยากเอาป้ายกลับไปเลย”

“อย่าทำแบบนี้ซี เขาแขวนของเขาอยู่ดี ๆ”

“ตอนปีใหม่ฉันก็เห็นกลอนคู่ของร้านเหมือนกันนะ รู้สึกพิเศษมาก ๆ เลย”

“คงไม่ใช่ตัวอักษรที่นักอักษรวิจิตรผู้โด่งดังเขียนใช่ไหม?”

“แต่มันเหมือนกับป้ายบนผนังของร้านเลยนะ น่าจะเขียนจากคนคนเดียวกัน”

“ได้ยินว่าหลานบ้านนี้จะเป็นจิตรกรชื่อดังด้วยนี่นา”

“ได้ยินผิดหรือเปล่า เขาเป็นนักอักษรวิจิตรไม่ใช่หรือ?”

“อะไรกัน จิตรกรกับนักอักษรไม่ได้แยกจากกันนะ?”

คนที่ตั้งใจมากินสนทนาเกี่ยวกับซื่อเลี่ยงแทน หลังจากนั้นก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ขณะนั้น ตระกูลซูกำลังช่วยกันเตรียมงานเลี้ยง

ที่ร้านมีพนักงานเดิมอยู่แล้วหกเจ็ดคน เมื่อทุกคนช่วยกันทำงานในตอนนี้ ความเร็วจึงไวขึ้นมาก

เพื่อให้งานเลี้ยงในวันนี้สมบูรณ์แบบที่สุด และเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ ที่อายุครบเดือนเสียใจกับงานเลี้ยงนี้

ส่วนวัตถุดิบที่นำมาใช้ เสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้เอง ต่างจากวัตถุดิบที่หาได้ตามตลาด

เธอเลือกมาจากระบบร้าน ถึงจะดูคล้ายกัน แต่รสชาติต่างกันมาก

คุณย่าซูตัดสินใจลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง และขอให้เหลียงซิ่วกับแม่ครัวคนใหม่เป็นลูกมือ

พื้นที่ในครัวมีจำกัด ตอนนี้จึงเหลือเพียงคนทำอาหารเท่านั้น

ส่วนคนอื่น ๆ คอยต้อนรับแขกแทน

เสี่ยวเถียนไม่ได้เข้าไปช่วย

เพราะเธอไม่ได้มีความรู้ด้านการทำอาหารมากนัก เลยทำหน้าที่เสิร์ฟชากับน้ำให้แขก

แปลกมากที่กลุ่มแรกที่มาถึงคือต่งหยวนจงและภรรยา

ทั้งสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับพัสดุใบใหญ่ และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

เสี่ยวเถียนเป็นคนแรกที่เห็น ก่อนจะเข้าไปทักทาย

“คุณปู่ คุณย่ารองมาแล้วหรือคะ?”

“มาแล้วล่ะ แล้วก็ข้างหลังมีเจ้าพวกหน้าหนาติดตามมาด้วย” ชายชราเม้มปากแน่น

เสี่ยวเถียนตกใจ หมายความว่ายังไงเนี่ย?

ต่อจากนั้น เธอก็เข้าใจว่าคนข้างหลังมีคนตามมาด้วย นั่นคือรัฐมนตรีอู๋และรัฐมนตรีฉาง

คุณปู่รองไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยหรือ?

เพราะสองคนนี้ก็เป็นคนใหญ่คนโต จะไม่ไว้หน้าเลยหรือไง?

แล้วทั้งสองคนก็ตามเข้ามาด้วยพร้อมกับถุงเล็กถุงใหญ่เต็มมือ

เสี่ยวเถียนตกใจอย่างต่อเนื่อง

พวกเขาว่างกันหรือยังไง?

ถึงมารวมตัวกันที่งานเลี้ยงในวันนี้!

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าโชคดีจริง ๆ ที่เตรียมโต๊ะไว้ล่วงหน้าอีกสองตัว

“เหล่าต่ง พูดจาอะไรเนี่ย? วันนี้ฉันไม่ได้ตามคุณมาสักหน่อย!”

“เหอะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ได้ตามมา!”

เป็นเด็กโข่งหรือ?

เสี่ยวเถียนมองก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันไปหาฟ่านชูฟางแทน

“ย่ารอง ย่ากับคุณย่าทั้งสองท่านนี้ไปที่ห้องส่วนตัวก่อนค่ะ หนูเตรียมน้ำแอปริคอตไว้แล้ว”

เด็กสาวถือกาน้ำแล้วเดินไปยังห้องส่วนตัว ส่วนพวกต่งหยวนจงก็ตามมาด้วย

เราเตรียมแก้วไว้ก่อนแล้ว เสี่ยวเถียนเทให้ทุกคนทีละใบ