บทที่ 949 แขกที่มาด้วยตัวเอง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 949 แขกที่มาด้วยตัวเอง

บทที่ 949 แขกที่มาด้วยตัวเอง

“เสี่ยวเถียน ย่าได้ยินว่าช่วงนี้ต้นคลีเวียราคาขึ้นด้วยนะ” ฟ่านชูฟางมองรูปดอกคลีเวียบนผนังแล้วนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

ตอนแรกหลานสาวบอกให้ทุกคนซื้อกันคนละกระถาง ตนยังนึกแปลกใจอยู่เลย

เพราะราคาไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ

แต่สุดท้ายหลานก็ทำให้ซื้อจนได้

แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าสิ่งนี้จะทำเงินให้ได้

ด้วยสถานะของฟ่านชูฟางเองเงินเดือนที่ได้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ ทั้งยังมีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอีก ชีวิตเลยสะดวกสบายมาก

ว่าก็ว่าเถอะ ใครที่ไหนจะบอกว่าตัวเองได้เงินเดือนเยอะล่ะ?

“เงินแค่นั้นเองค่ะย่า ย่าหาเองยังได้เลย” เสี่ยวเถียนยิ้ม

“จริงด้วย ฉันก็ได้ยินเหมือนกันว่าราคาสูงลิบลิ่วเลย วันก่อนเห็นคนขายกระถางละพันสองเลยนะ” หยางลี่หมิงเอ่ย

ตอนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าดอกไม้นั่นจะไปสร้างมูลค่าอะไรได้ แถมยังรู้สึกแปลก ๆ อีก

คนปกติที่ไหนจะยอมจ่ายเงินขนาดนั้นไปกับดอกไม้กระถางเดียวล่ะ?

เสี่ยวเถียนตกใจมาก

ช่วงนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องราคาของดอกคลีเวีย เลยไม่รู้ด้วยว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าพันหยวนแล้ว

พันสองเนี่ยนะ?

ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?

ขึ้นมาตั้งสี่เท่าเลยนะ

น่าตกใจมาก

แล้วถ้าอ้างอิงตามราคา พรุ่งนี้เผลอ ๆ ขายได้สามถึงห้าพันต่อกระถางด้วยซ้ำ

“แพงขนาดนั้นเชียว?” รัฐมนตรีอู่ยังตกใจ “ก็แค่ดอกไม้ไม่ใช่หรือ?”

ตอนที่ภรรยากลับมาจากดูงานพร้อมดอกไม้หนึ่งกระถาง เขายังคิดอยู่เลยว่าเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่ใครจะรู้เล่าว่ามันดันทำกำไรได้

หลี่ซิ่วหรงถามด้วยความแปลกใจ “คลีเวียที่เธอพูดคือคลีเวียเดียวกับที่ฉันรู้จักใช่ไหม?”

เขาหมายถึงดอกไม้ที่เป็นกระถาง ๆ ที่ไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจกใช่ไหม?

“คลีเวียที่เธอรู้จักนั่นแหละ รู้ไหมว่าตอนนี้ราคาแพงมากเลยนะ หลายวันก่อนที่มีแขกมาบ้านเขาว่าบอกฉันว่าซื้อมากระถางละพันสองเลยนะ ตอนแรกฉันว่าจะส่งให้เป็นของขวัญอยู่ แต่ถามไปถามมากลายเป็นว่าราคานี้จริง ๆ” หยางลี่หมิงถอนหายใจ

“ราคาขึ้นเร็วมากเลยนะ แล้วเราจะทำงานไปทำไมล่ะ ไปเป็นคนสวนดีกว่าไหม?” หลี่ซิ่วหรงหยอก

สถานะของพวกเธอไม่ได้ต่ำต้อย เงินเดือนและผลประโยชน์ที่ได้ก็ดีมากเลยด้วย แต่พอคำนวณดู เงินที่ได้ยังไม่เท่ากับการขายดอกไม้เลยด้วยซ้ำ

เสี่ยวเถียนตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงคลีเวียให้ระวังมากขึ้น รอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าราคาเท่าไรไม่สนหรอก เธอจะขายให้หมดเลย

จากปริมาณที่มีอยู่น่าจะได้เงินเกือบแสนหยวนเลยมั้ง

เยี่ยม!

เผลอ ๆ รายได้ดีกว่ากำไรจากโรงงานอีก

ขณะนั้นก็มีแขกเหรื่อมาถึงอีก

ครอบครัวของเสิ่นจื่อเจินมาแล้ว ตามด้วยเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมด้วย กลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่เราวางแผนไว้แล้ว

แล้วก็มีแขกคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในแพลนเช่น ผู้อำนวยการหลี่จากกระทรวงการศึกษา พร้อมหิ้วลูกพี่ลูกน้องอย่างครูอวี่มาด้วย

ท่านเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ทำงานส่งเอกสาร แต่ไม่เคยสอนพวกเด็ก ๆ บ้านซูหรอกนะ

ช่วยไม่ได้นี่นา เขาเคยมากินข้าวที่นี่กับพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักบ้านซูนั่นแหละ

ตอนเห็นทั้งคู่ เสี่ยวเถียนยังคงต้อนรับด้วยความจริงใจ

อย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด แม้เราจะไม่ได้จัดงานใหญ่โต แต่ก็มีหลายคนที่ต้องมาร่วมงานด้วยแน่นอน

นี่คือเหตุผลที่เตรียมโต๊ะเพิ่มอีกสองตัวไงละ เพื่อรับรองแขกที่ไม่ได้เชิญเอาไว้

แล้วถ้าพวกเขามา เราก็ต้องต้อนรับด้วย

“เสี่ยวเถียน คนอื่นยุ่งหรือเปล่าเนี่ย? พอได้ยินข่าวก็เลยปรึกษาเจ้าน้องชาย เห็นว่าเราสนิทกันดีจะไม่มาก็กระไรอยู่”

เสี่ยวเถียนหัวเราะเบา ๆ

งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของลูกชายโส่วเวิน เพราะงั้นแขกที่เชิญมามีแต่คนสนิทโส่วเวินเท่านั้น

ส่วนสองพี่น้องคู่นี้พี่ใหญ่ไม่ได้เชิญเขามาหรอก

ไหนจะยังมีกลุ่มหัวหน้าจากโรงงานไฟฟ้าและโรงงานผ้าไหมที่เสี่ยวเถียนรู้จักเป็นอย่างดีอีก

ฮั่วซือเหนียนเป็นที่ปรึกษาโรงงานผ้าไหม เขาเลยเชิญคนที่นั่นมาด้วย

แต่ฝ่ายโรงงานไฟฟ้าไม่ค่อยพอใจเท่าไร หลังจากปรึกษากันเลยมาด้วยตัวเองน่ะ

จะเชิญไม่เชิญมันสำคัญด้วยหรือยังไง?

ที่สำคัญคือมาแสดงความรู้สึกต่างหากใช่ไหมล่ะ?

อาจารย์จากมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงหลาย ๆ ท่านก็มาร่วมงานด้วย เสี่ยวเถียนไม่แปลกใจเท่าไรเพราะคิดว่าฮั่วซือเหนียนคงจะชวนมาด้วยเหมือนกัน

เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในอาจารย์ของที่นั่น

ที่ควรแปลกใจคืออาจารย์เซี่ยหนานมาด้วยต่างหาก

ถึงเราสองคนจะไม่ได้สนิทกันนัก แต่ท่านก็เป็นคนสอนวิชาปรัญชาลัทธิมาร์กซ์ของเธอน่ะ

อันที่จริง เสี่ยวเถียนชอบอาจารย์คนนี้มากนะ

พอได้ติดต่อกันบ่อย ๆ ก็รู้ว่าหากมองผิวเผินท่านอาจจะดูเหมือนคนจริงจัง แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่ตรงไปตรงมามาก

ใครชอบก็คือชอบเลย

ส่วนใครไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดี

เห็นได้จากตอนที่แกพาเพื่อนในคณะไปทวงความยุติธรรมให้เธอในตอนนู้น

ถ้าไม่ใช่คนจริงใจ แต่ในฐานะที่เป็นอาจารย์จะเข้ามาช่วยเรื่องนี้ทำไมล่ะ?

อีกอย่างตอนนั้นเราเผชิญหน้ากับท่านอธิการซึ่ง ๆ หน้าเลยด้วย จะหนีไปก็ไม่ทันแล้ว

เธอชอบคนประเภทนี้จริง ๆ

สองปีที่ผ่านมา เวลามีเทศกาลเธอจะส่งอาหารที่เองไปให้ท่านเป็นของขวัญ

อาจารย์เป็นสาวโสด และทำอาหารไม่เก่งเลย

จานไหนที่ทำเองล้วนกินไม่ได้ทั้งนั้น และตั้งแต่ได้ลิ้มลองอาหารที่เสี่ยวเถียนเอามาให้ ก็โดนรสชาติอันเยี่ยมยอดของเธอปราบเข้าให้แล้ว

เลยมักหาเวลามากินข้าวที่นี่เสมอ

เสี่ยวเถียนจึงมอบบัตรวีไอพีให้เธอเป็นพิเศษ ด้วยส่วนลดค่าอาหารยี่สิบเปอร์เซ็นต์

ตั้งแต่นั้นมาบ้านซูก็ได้อาจารย์ท่านนี้เป็นลูกค้าประจำ ไม่ใช่แค่มากินเฉย ๆ นะ ต่ยังซื้อกลับบ้านด้วย

“เสี่ยวเถียน ยัยเด็กคนนี้ ที่บ้านมีงานเลี้ยงทั้งทีไม่ชงไม่ชวนกันเลยนะ”

“อาจารย์ หนูเห็นว่าอาจารย์ยุ่ง ๆ นี่นา ไม่ใช่ความผิดหนูนะ เข้ามาก่อนค่ะ ๆ เดี๋ยวหนูรินน้ำให้”

ท่าทีที่เด็กสาวปฏิบัติต่อเธอ ทั้งให้ความเคารพและเอาอกเอาใจ ซึ่งทำให้อาจารย์เซี่ยหนานรู้สึกมีความสุขขึ้นมาก

จากนั้นเธอก็พาไปนั่งยังโต๊ะมุมห้อง

โต๊ะนี้มีอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่สองสามคน เสี่ยวเถียนเห็นว่างานคงเหมือน ๆ กัน น่าจะคุยด้วยกันได้

ไม่นานแขกก็มาถึงเกือบครบแล้ว โต๊ะจำนวนยี่สิบกว่าโต๊ะเต็มไปด้วยผู้คน

——————————————————-