บทที่ 964 คำนวณบัญชีในร้านที่เมืองหลวง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 964 คำนวณบัญชีในร้านที่เมืองหลวง

บทที่ 964 คำนวณบัญชีในร้านที่เมืองหลวง

ในความเป็นจริงหลี่ฝานกำลังพึมพำอยู่ในใจ เขาอยากบอกกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ ว่าคนที่ควรขอบคุณคือฉินเย่จือไม่ใช่เขา

หากแต่ไม่กล้าพูดสิ่งนั้น และทำได้เพียงเก็บง่ำอยู่เงียบ ๆ ในใจของเขา

หลังจากตรวจสอบร้านค้าเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานบอกฉือโถวว่าของชิ้นไหนควรจะวางไว้ตรงไหน และฉือโถวก็นำคนเหล่านั้นไปเตรียมการ

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ พร้อมหลี่ฝานไปที่ร้านฝูจิ่นเพื่อดูกิจการ

ในที่สุดร้าน ฝูจิ่นก็เปิดทำการในช่วงวันขึ้นปีใหม่

การปรับปรุงใช้ระยะเวลาเกือบหนึ่งปี

ร้านฝูจิ่นตั้งอยู่บนถนนกว่างอัน ซึ่งระยะห่างอยู่ไม่ไกลจากร้านหล่านเยว่

ในเวลานี้พวกเขาไม่มีรถม้า ดังนั้นหลี่ฝานจึงพากู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านฝูจิ่นด้วยการเดินเท้าไปตามท้องถนน

กู้เสี่ยวหวานจะได้ดูความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงด้วย

ในตอนแรก หลี่ฝานกลัวว่าเมื่อฉินเย่จือเดินบนถนนจะมีคนจำเขาได้ แต่ฉินเย่จือส่ายศีรษะและส่งสัญญาณให้หลี่ฝานว่าไม่ต้องกังวล

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเดินไป

ระหว่างทางไม่มีใครจำฉินเย่จือได้เลย

แต่เนื่องจากช่วงนี้หลี่ฝานปรากฏตัวในเมืองหลวงบ่อยครั้ง หลายคนจึงจำหน้าตาของเขาได้

เมื่อเห็นหลี่ฝานพาคนสองคนเดินไปตามถนน พวกเขาก็ออกมาทักทายอย่างกระตือรือร้น

ในที่สุดหลังจากมาถึงร้านฝูจิ่น การตกแต่งก็เหมือนกับร้านฝูจิ่นในเมืองรุ่ยเสียน อย่างไรก็ตามสถานที่ภายในนั้นใหญ่กว่าในเมืองรุ่ยเสียนเป็นห้าหรือหกเท่า

ร้านฝูจิ่นที่ตกแต่งอย่างงดงาม แม้จะยังไม่ถึงเวลารับประทานอาหาร แต่ก็เต็มไปด้วยผู้คนเกือบครึ่งร้าน

“เสี่ยวหวาน นายน้อยฉิน นี่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร หากเป็นตอนเย็น ผู้คนที่นี่จะต่อแถวที่หน้า ประตูยาวเหยียดเลยล่ะ” หลี่ฝานแนะนำอย่างตื่นเต้น

ในเมืองหลวงยังไม่เคยมีร้านหม้อไฟมาก่อน

ยังจำได้ว่าเมื่อร้านฝูจิ่นเปิดขึ้น ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็มีความอยากรู้อยากเห็น

ร้านอาหารกำลังบานสะพรั่งไปทั่วทุกหนทุกแห่งในเมืองหลวง ผู้คนในเมืองหลวงไม่ว่าจะร่ำรวยหรือคนชั้นสูง ถ้าภายในวันธรรมดาพวกเขาไม่มีอะไรทำ พวกเขาจะไปที่ร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหาร

ยิ่งกว่านั้น หากภายในร้านมีการตกแต่งหรูหรา และอาหารยิ่งหลากหลายมากเท่าไร แขกเหรื่อก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

การตกแต่งของร้านฝูจิ่นในเวลานั้นทำให้เกิดความปั่นป่วนในเมืองหลวง

ร้านฝูจิ่นนี้ได้เชื่อมต่อทั้งสี่ห้องบนถนนกว่างอันเข้าด้วยกัน โดยทุบกำแพงที่กั้นระหว่างห้อง ไม่ว่าจะเข้าประตูไหนภายในร้านก็จะก็เชื่อมต่อกัน

พื้นที่ของร้านมีขนาดใหญ่จนน่าตกใจ ด้วยเงินลงทุนจำนวนมากขนาดนี้ คุณภาพของร้านอาหารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ย่อมไม่ตกต่ำแน่นอน บุคคลสำคัญในเมืองหลวงยังถามไปทั่วว่าใครเป็นคนเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่เช่นนี้

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเป็นเพียงบุคคลนิรนามที่ต้องการเปิดร้านหม้อไฟ ทุกคนต่างก็ตกใจ

หม้อไฟ

มันคืออะไร?

แต่หลังจากได้เห็นและได้ยินชื่อแปลก ๆ พวกเขาก็เดาได้ว่าอาหารในร้านอาหารแห่งนี้คงจะเป็นอาหารเลิศรสอย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้นเจ้าของร้านคงจะไม่ใช้เงินมหาศาลเพื่อเปิดกิจการใหญ่โตเช่นนี้

ทุกคนเดินไปตามบันได และเดินผ่านทุกชั้นภายในร้าน

ลูกจ้างในเครื่องแบบกำลังเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ บางส่วนก็กำลังถูพื้นอย่างขะมักเขม้น

ทุกอย่างที่นี่ล้วนมีมาตรฐาน

ต่อมากู้เสี่ยวหวานก็คิดวิธีที่จะประทับคำว่า ‘ร้านฝูจิ่น’ ทั้งสามคำในทุกที่ที่สามารถประทับได้

ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าของลูกจ้างในร้าน บนโต๊ะ บนเก้าอี้ บนหม้อและกระทะ ล้วนมีสัญลักษณ์สามตัวของร้านฝูจิ่นประทับไว้

เมื่อแขกทุกคนเข้ามาในร้านและนั่งลงที่โต๊ะ พวกเขาก็จะเห็นสามของคำร้านฝูจิ่นได้ทุกที่

ร้านฝูจิ่นมีเพียงสามชั้นและห้องสี่ห้องที่เปิดโล่ง แต่ละส่วนเชื่อมต่อถึงกัน แต่ก็มีพื้นที่แยกต่างหาก

เมื่อแขกมาถึง พวกเขาไม่เพียงแต่สนุกสนานกับผู้อื่นได้เท่านั้น แต่ยังได้อยู่ตามลำพังในบริเวณที่ว่างและเพลิดเพลินไปกับการลิ้มรสอาหารอีกด้วย

หลังจากที่ทุกคนเยี่ยมชมเสร็จแล้ว หลี่ฝานก็พากู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือไปที่ห้องรับรองที่เขามักจะใช้พักผ่อนและจัดการงานต่าง ๆ

ห้องรับรองนี้ตั้งอยู่ในมุมที่ไม่โดดเด่นบนชั้นสองใกล้กับด้านในมากที่สุด

หลังจากเข้ามาแล้ว บรรยากาศภายในห้องสะอาดสะอ้าน มีเพียงโต๊ะแปดเซียนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมุดบัญชี ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันสูงถึงครึ่งหนึ่งของตัวคน

ถัดจากนั้นเป็นสมุดบัญชีบางส่วนที่ถูกตรวจสอบแล้ว

เมื่อมองไปที่ภาพนี้ หลี่ฝานจึงพูดด้วยความลำบากใจ “ตั้งแต่เปิดร้านฝูจิ่นมา ในแต่ละวันจะเต็มไปด้วยลูกค้า เมื่อกิจการดีมากและบัญชีนี้จึงเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ พวกเจ้าเห็นหรือไม่ ร้านเพิ่งเปิดได้ครึ่งปีกว่า แต่ก็มีสมุดบัญชีมากมายเช่นนี้แล้ว”

หลี่ฝานมีงานต้องทำมากมายจริง ๆ

เนื่องจากร้านฝูจิ่นเพิ่งเปิดได้ไม่นานและเป็นกิจการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งกว่านั้น หลี่ฝานเป็นคนเดียวที่เข้าใจ ดังนั้นหลี่ฝานจึงต้องทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เขาก็ต้องออกหน้าเสมอ

ในช่วงเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเขาดูซีดเซียว

“ท่านลุงหลี่ ช่วงนี้ท่านทำงานหนักมากจริง ๆ ข้าคิดว่าจะอยู่ในเมืองหลวงต่อสักระยะหนึ่ง ทำไมไม่ให้ข้าตรวจสอบบัญชีนี้ด้วยกันกับท่านลุงล่ะ” กู้เสี่ยวหวานเอ่ย นั่นทำให้หลี่ฝานดีใจขึ้นมาทันที “นั่นเป็นเรื่องที่ดี ทักษะการคำนวณบัญชีของเสี่ยวหวานนั้นยอดเยี่ยม พูดตามตรง ตั้งแต่เจ้ามาเป็นคนทำบัญชี ข้าก็ไม่คิดจะไปหาใครเพื่อมาคำนวณบัญชีเหล่านี้แล้ว พวกเขาตรวจสอบบัญชีไม่รวดเร็วและถูกต้องเท่าเจ้าเลย”

คำพูดของหลี่ฝานไม่ได้เกินจริง

ตอนนั้นเขาจะขอให้กู้เสี่ยวหวานช่วยเขาคำนวณบัญชี ในเวลานั้นเนื่องจากครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานยากจน เขาจึงอยากจะช่วยเหลือนาง ต่อมาพบว่านางคือคนที่อยู่ในใจของเจ้านาย ตนเอง โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่สามารถปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานทำงานที่เหน็ดเหนื่อยได้อีก

ดังนั้นเมื่อร้านฝูจิ่นถูกเปิดขึ้นในเมืองหลวง เขาจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องการคำนวณบัญชีนี้

นอกจากนี้ ด้วยเหตุผลของฉินเย่จือ เขาจึงค่อย ๆ ยอมให้คนอื่นมาทำบัญชีในร้านอาหารสองแห่งในเมืองรุ่ยเสียน

อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะทำให้กู้เสี่ยวหวานจะเหนื่อยเกินไป

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของหลี่ฝาน

อย่างไรก็ตาม เขาเดาไม่ผิดจริง ๆ ฉินเย่จือไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานเหนื่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ ไม่ให้กู้เสี่ยวหวานต้องทำเรื่องน่ารำคาญมากมายอีก

——————————————-