บทที่ 973 ไม่เคยมีลูกชายแบบนี้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 973 ไม่เคยมีลูกชายแบบนี้

บทที่ 973 ไม่เคยมีลูกชายแบบนี้

ซูผิงอันรู้อยู่แล้วว่าภรรยาพาลูกไปหาของอร่อยที่บ้านพ่อกับแม่

แต่เขาไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะผิดตรงไหน ก็พวกท่านเป็นพ่อแม่เราไม่ใช่หรือไง?

แล้วทำไมภรรยาจะไปกินไม่ได้ล่ะ?

แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียก

พอฟังอย่างตั้งใจเหมือนว่าจะเป็นเสี่ยวชวนจื่อ

เขามองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ในลานบ้านด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายบอกว่าผู้เป็นพ่อตนให้มาตาม

แม้ไม่รู้ว่ามีอะไร แต่จิตใต้สำนึกทำให้เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เกิดอะไรขึ้น?

หรือสามคนนั้นไปสร้างปัญหา?

ไม่น่าหรือเปล่า?

ถึงเถียนเสี่ยวเหอจะทำตัวไม่มีกฎเกณฑ์ เอาแต่สร้างเรื่อง แต่พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไรเลยนะ

“รีบหน่อยครับลุงผิงอัน คุณปู่ยังรออยู่นะครับ”

ว่าจบเด็กน้อยก็หนีไปอย่างรวดเร็ว

เดิมทีซูผิงอันอยากจะถามเรื่องราวว่าเป็นมายังไง แต่เสี่ยวชวนจื่อวิ่งไปจนไม่เห็นเงาแล้ว

สุดท้ายก็ต้องตามออกไป

บ้านที่พวกเขาอยู่เป็นบ้านที่ยุวชนแดงทิ้งเอาไว้เมื่อก่อนน่ะ

หลังจากแยกครอบครัว พ่อก็ออกเงินซื้อบ้านให้

เขาใช้เงินเก็บที่บ้านไปจนหมดเพื่อซื้อบ้านให้เรา

ทีแรกพี่ใหญ่ไม่ยินดีเท่าไร เหลือไว้สักหน่อยก็ยังดี

ใช่ว่าจะไม่มีที่ให้อยู่สักหน่อย ทำไมต้องเอาเงินมาซื้อบ้านให้พวกเขาด้วย?

แต่พ่อไม่สนใจ ทั้งยังยืนกรานว่าจะซื้อให้ได้

เมื่อได้ยินมาว่าใช้เงินเก็บจนหมดไม่พอ ยังยืมเงินหลี่จู้จื่อมายี่สิบหยวนอีกต่างหาก

ซูผิงอันเดินเพลิน ๆ ก็มาถึงบ้านพ่ออย่างรวดเร็ว

ทว่าเขาก็ต้องตกใจมากที่เห็นคนมายืนล้อมเต็มไปหมด

หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ?

พอเดินเข้ามาก็เจอพ่อยืนอยู่ในลานบ้านด้วยใบหน้าถมึงทึง

ส่วนภรรยายืนร้องห่มร้องไห้

ลูกชายทั้งสองคนร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ กัน

ว่าง่าย ๆ คือตอนนี้วุ่นวายมาก

“พ่อ เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมพวกเขาร้องไห้ล่ะ?”

ซูผิงอันคิดว่าภรรยากับลูกต้องโดนคนรังแกแน่ ๆ

แต่เห็นชัดเลยว่าเขาไม่พอใจพ่อมาก

ซูฉางจิ่วได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ปลงตกทันที นี่กำลังตำหนิกันอยู่สินะ

ช่างมัน ไอ้ลูกคนนี้กู่ไม่กลับแล้วละ

ทำไมพวกเขาถึงยังหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ อยู่นะ?

“ไหน ๆ แกก็มาแล้ว เอาลูกเมียกลับไปด้วยแล้วกัน หลังจากนี้ไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉันอีก ฉันไม่มีลูกชายแบบแก”

ซูผิงอันแทบไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าตัวเองหูฝาดไป

พ่อจะทำแบบนั้นได้ยังไง?

เป็นไปไม่ได้

“พ่อพูดเรื่องอะไรน่ะ ผมเป็นลูกพ่อนะ สองคนนี้ก็หลานชายพ่อด้วย ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นะครับ”

ซูฉางจิ่วร้องเหอะ “ฉันจะพูดอีกครั้ง ฉันไม่มีลูกชายแบบแก!”

ซูผิงอันรู้แล้วว่าพ่อไม่ได้ล้อเล่น

เจ้าตัวจึงอารมณ์เสียขึ้นมาทันควัน

“ผมไม่ชอบที่พ่อพูดแบบนี้เลย ผมรู้นะว่าพ่อรักพี่ใหญ่ แต่ไม่ควรทำแบบนี้สิ”

“ตอนนี้มีญาติรวย ๆ แล้วละสิ เลยคิดถึงแต่พี่ใหญ่ไม่อยากได้ลูกชายแบบผมแล้วสินะ?”

เซี่ยหนานตกใจ ญาติรวย ๆ นี่หมายถึงเธอหรือเปล่า?

แบบนี้มันเพ่งเล็งกันเกินไปหรือเปล่า?

ซูฉางจิ่วจ้องลูกชายเขม็ง

ถ้อยคำนี้คือคำพูดคำจาของมนุษย์หรือ?

เขาลำเอียงหรือ?

ซูผิงอันกับลูกสะใภ้สร้างความฉิบหายให้บ้านพวกเขาจนไม่เหลืออะไรดี แล้วตอนนี้กลับมาพูดว่าเขารักลูกชายคนโตมากกว่าเนี่ยนะ?

พูดอะไรออกมาน่ะ?

รู้สึกผิดบ้างไหม?

ซูฉางจิ่วเอ่ยอย่างจำทน “แกจะคิดแบบนั้นก็ได้”

ซูผิงอันเสียใจมาก ไม่แปลกใจที่เสี่ยวเหอบอกว่าพ่อแม่ลำเอียง แต่ตนไม่เคยเชื่อ

สุดท้ายก็เป็นเรื่องจริง แถมพ่อยังยอมรับด้วยตัวเองด้วย

“ต่อจากนี้ไปซูผิงอันไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป ซูฉางจิ่วคนนี้มีแค่ซูสี่เล่อกับซูเสี่ยวเฉ่าเท่านั้น” ระหว่างนั้นเขาก็นึกได้ว่าเสี่ยวเฉ่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง

ซูฉางจิ่วเหลือบมองเซี่ยหนาน แต่อีกฝ่ายหลับตาลงราวกับไม่อยากสนใจเรื่องครอบครัวคนอื่น

“พ่อ ผมไปทำอะไรให้? ทำไมถึงทำแบบนี้กับครอบครัวเราล่ะ?”

คราวนี้ซูผิงอันรู้แล้วว่าพ่อเอาจริง

“พูดตามสัตย์จริงนะ ที่ทรัพย์สินบ้านเราเหลือแค่นี้มันเกิดจากความฉิบหายของใครล่ะ? ฉันดูแลพวกแกยังไง แล้วทำไมพวกแกถึงทำแบบนี้กับพวกเรา?”

ซูฉางจิ่วผิดหวังมาก

หรือตนตามใจมากเกินไป จนลูกทำตัวตามอำเภอใจขนาดนี้

ซูผิงอันไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ทรัพย์สินบ้านพ่อแม่โดนเขากับภรรยาผลาญไปจริง ๆ

แต่เถียนเสี่ยวเหอบอกว่าพ่อเป็นหัวหน้ากองชุมชนมาตลอดชีวิต แล้วตอนนี้ยังได้เป็นผู้ใหญ่บ้านอีก จะต้องมีเงินเยอะอยู่แล้ว

ไม่มีทางให้พวกเขาใช้แค่นั้นหรอก

“เหล่าเอ้อร์ พาเมียกับลูกแกกลับไปซะ ไม่ว่าหลังจากนี้ครอบครัวแกจะเป็นตายร้ายดียังไงมันไม่เกี่ยวกับฉันอีกต่อไป”

ว่าจบชายชราก็หันตัวกลับเข้าบ้านทันที

เถียนเสี่ยวเหอทำอะไรไม่ถูก นี่ครอบครัวเราโดนเฉดหัวแล้วหรือ?

ทำไมกัน?

“ไม่จริง พ่อพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่ต้องการพวกเราแล้ว? แล้วครอบครัวเราไปทำอะไรให้?”

เถียนเสี่ยวเหอตะโกนใส่ซูฉางจิ่วอย่างโอหัง

ท่าทางไม่ต่างไปจากคนบ้าเลย

“ซูผิงอัน แกดูสิ นี่เมียแกไง”

“ถ้าอยากเป็นลูกฉันต่อก็หย่ากับเธอแล้วหาใหม่ซะ ไม่งั้นก็ทางใครทางมัน”

ในฐานะที่เป็นพ่อ เขาไม่ได้คุยกับลูกสะใภ้เลย คุยแต่กับลูกชายเท่านั้น

ซูผิงอันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เหมือนว่าภรรยาตนจะเป็นสาเหตุของเรื่องราว

“พ่อ ถ้าเสี่ยวเหอทำอะไรผิดก็พูดดี ๆ สิ พ่อทำแบบนี้ทำไม? เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ”

ซูผิงอันอยากจะช่วย แต่ซูฉางจิ่วไม่ฟังอีกแล้ว

“แกตัดสินใจเอาเอง ถ้าอยากกลับมาก็หย่าซะ แต่ถ้าไม่ก็ดูแลตัวเองแล้วกัน!”

เขาหย่าไม่ได้อยู่แล้วเพราะเถียนเสี่ยวเหอให้กำเนิดลูกชายตั้งสองคน ถือว่ายังมีบุญกุศลอยู่บ้างเลยหย่าไม่ได้

“พ่อ ถึงเสี่ยวเหอจะทำไม่ดีแค่ไหน แต่เธอมีลูกชายให้บ้านเราสองคนนะ”

“แต่นั่นมันลูกของแก!”

ถ้าพวกหลานชายรู้ความสักหน่อยก็คงดี แต่สอนมันจนกลายมาเป็นแบบนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่เอาแล้ว!

ซูฉางจิ่วเผ่นเข้าบ้าน และไม่คิดออกมาอีกเลย

ซูผิงอันไม่อยากไป แต่คนอื่น ๆ ให้เขาไปสงบสติอารมณ์ก่อน รอผู้ใหญ่บ้านอารมณ์ดีค่อยกลับมาใหม่

เขาเห็นด้วยนะ แต่ภรรยากลับไม่ยอม