ตอนที่ 248-1 ความจริง (ต้น)

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงเข้ามาขวางหน้าเฉียวเวยกับจีหมิงซิวอย่างรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งควักอาวุธออกมา ท่าทางพร้อมสู้ทุกขณะ จีหมิงซิวเดินออกมา กดมือจีอู๋ซวงกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้

ทั้งสองขมวดคิ้ว “นายน้อย!”

จีหมิงซิวนิ่งมองไซน่าเหอ สายตาราบเรียบประหนึ่งผิวน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น “ประมุขตระกูลไซน่า ต่อให้ท่านจะสังหารพวกเราก็ควรให้พวกเราได้ตายอย่างเข้าใจว่าพวกเราทำอะไรถึงทำให้ท่านข่มโทสะไว้ไม่ได้เพียงนี้”

เรื่องนี้ไม่เอ่ยถึงยังไม่เท่าไร แต่พอเอ่ยขึ้นมาสีหน้าประมุขตระกูลไซน่าก็พลันดุดันดั่งผิวน้ำที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง สองตาเผยความเสียใจอย่างเหลือแสน ทั้งยังแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องมาตีหน้าโง่ พวกเจ้าฆ่าไซน่าอิงของข้า ยังไม่ยอมรับอีกหรือ!”

ทุกคนพากันงุนงง สังหารไซน่าอิง? พวกเขา? เมื่อไรกัน?

จีอู๋ซวงหันไปมองเยี่ยนเฟยเจวี๋ย เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมองเฉียวเวย เฉียวเวยผายมือออก นางไม่ได้ฆ่าไซน่าอิงนะ ตอนไซน่าอิงไป นางไม่ได้เจอเขาเลย กระทั่งบอกลาสักคำก็ไม่ทันได้ทำ

สีหน้าจีหมิงซิวไม่เปลียนไปสักนิด เอ่ยอย่างสงบนิ่งและใจเย็นว่า “หลายวันนี้พวกเราอยู่กันแต่ในปราสาทไซน่า ไม่ได้เจอกับไซน่าอิงเลยสักครั้ง จะสังหารเขาได้อย่างไร”

ประมุขตระกูลไซน่าบอกว่า “เจ้ายิ่งใหญ่เป็นนายน้อย เรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ต้องให้เจ้าออกโรงเอง แต่เจ้าอย่าลืมเสียว่าเจ้ายังมีลูกน้องฝีมือฉกาจอยู่! ไซน่าอิงของข้าออกจากชนเผ่าไปพร้อมกับเขา! ตอนนั้นเจ้าบอกว่าให้เขาไปรับบุตรของเจ้า แต่ผ่านไปไม่ถึงสองวัน บุตรของเจ้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ส่วนพวกเขากลับไร้ซึ่งข่าวคราว เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่แผนการของเจ้า”

จู่ๆ เฉียวเวยก็นึกนับถือในจินตนาการอันล้ำเลิศของประมุขตระกูลไซน่า เรื่องที่ดูไม่เกี่ยวโยงกันเลยก็สามารถเอามาคิดรวมกันได้

จีหมิงซิวเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “เรื่องบุตรข้านั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ข้าไม่เคยคิดจะเล่นงานไซน่าอิง หลังจากบุตรของข้ามาถึงชนเผ่าลึกลับ ข้าก็รีบส่งข่าวไปบอกอี้เชียนอินในทันที เรียกเขาให้กลับมาที่นี่ แต่เรื่องที่กระทั่งข้าก็ยังแปลกใจยิ่งนักคือ อี้เชียนอินขาดการติดต่อไปเลย จนเพิ่งจะได้รับจดหมายจากเขาอีกครั้งเมื่อเช้าวันนี้ แต่เรื่องที่ข้าเข้าใจดูจะต่างกับประมุขตระกูลไซน่าอยู่พอควร”

จีหมิงซิวพูดพลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาส่งให้องครักษ์คนหนึ่งของปราสาทไซน่า องครักษ์รับไปส่งต่อให้ประมุขตระกูลไซน่า

ประมุขตระกูลไซน่าอ่านจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “โกหก! เขาต้องโกหกแน่! ไซน่าอิงของข้าจะหนีไปได้อย่างไร”

“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้”

เสียงกังวานใสดังขึ้นในลาน ก่อนจะตามติดมาด้วยเสียงเรียกของวั่งซูที่ดังมาจากในห้อง “ท่านอาอี้! ท่านอาอี้!”

อี้เชียนอินกลับมาแล้ว!

อี้เชียนอินเดินเร็วๆ ผ่านองครักษ์ที่ยืนถือดาบกันอยู่ขึ้นมา เขาเข้ามายืนข้างกายจีหมิงซิว ใบหน้าหล่อเหลามีแววหยิ่งผยองปรากฏให้เห็น “หลานของเจ้าหนีไปจริงๆ!”

“เจ้า…” ประมุขตระกูลไซน่าเงื้อฝ่ามือขึ้นเตรียมจะฟาดใส่เจ้าลิงขนเหลืองที่พูดจาไม่น่าฟังผู้นั้น จีหมิงซิวเรียกอีกฝ่ายไว้ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ประมุขตระกูลไซน่า! เขาเป็นเด็กยังไม่รู้ประสา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าได้ถือสาเขาเลย”

ว่ากันตามอายุ อี้เชียนอินเด็กพอจะเป็นหลานเขาได้แล้ว กาทำร้ายอี้เชียนอินต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ หากพูดออกไปคงน่าขายหน้าเอาเรื่องอยู่

ประมุขตระกูลไซน่าตวัดมือลงด้วยความขุ่นเคือง

“เกิดอะไรขึ้น” จีหมิงซิวถามอี้เชียนอิน

อี้เชียนอินกรอกตาใส่ประมุขตระกูลไซน่าทีหนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “หากรู้แต่แรกว่าจะถูกใส่ร้าย สู้ข้าสังหารเขาไปเลยจริงๆ จะดีกว่า จะได้เป็นอย่างที่ท่านกล่าวหาไปเลย!”

ประมุขตระกูลไซน่าแผ่ไอสังหารอันดุดันออกมาทั่วตัว

จีหมิงซิวเหลือบมองอี้เชียนอินทีหนึ่ง อี้เชียนอินเลยสงบเสงี่ยมลงอย่างว่าง่ายก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าไม่ได้สังหารอี้เชียนอิน ข้าเพียงแค่สู้กับเขา สู้เสร็จเขาก็หนีไป”

“เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องสู้กัน” จีหมิงซิวถาม

อี้เชียนอินเอามือกอดอก “ข้าไม่ได้เป็นคนหาเรื่องนะ เขาต่างหาก เขาไม่รู้ไปกินยาผิดอะไรมา พอกินมื้อเย็นเสร็จจู่ๆ ก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาในห้อง คว้าอะไรได้ก็เขวี้ยงทิ้งหมด ข้าแค่ด่าเขาไปไม่กี่คำ เขาก็เริ่มหาเรื่องข้าแล้ว! ข้าบอกไว้ก่อนนะ ข้าเห็นแก่ที่เขาอายุมากแล้ว ไม่ได้สวนกลับ ถูกเขาซัดเข้าไปหมัดหนึ่ง กระดูกแทบแตกแล้วเนี่ย!”

ประโยคนี้จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เขาไม่ได้สวนกลับเป็นความจริง ถูกต่อยก็เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากสวน แต่หาโอกาสสวนไม่ได้

วรยุทธ์ของไซน่าอิงเหนือกว่าอี้เชียนอิน หากเขาคลุ้มคลั่งขึ้นมาจริง อี้เชียนอินรวมกันสองคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ดังนั้นการบอกว่าอี้เชียนอินสังหารไซน่าอิง เอาเข้าจริงจึงฟังดูไม่น่าเป็นไปได้

ประมุขตระกูลไซน่าย่อมคิดถึงข้อนี้ได้ เพียงแต่หลักฐานแน่นหนา จะไม่ให้เขาเชื่อคงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนจงหยวนเจ้าเล่ห์เพทุบาย แค่เล่นลูกไม้ตุกติกอะไรนิดหน่อยก็ให้ผลเป็นเท่าตัวแล้วไม่ใช่หรือ

“หลังจากนั้นเล่า?” จีหมิงซิวถามต่อ

อี้เชียนอิน “เขาทำร้ายข้าเสร็จก็หนีไป ข้าเห็นว่าท่าทางเขาดูไม่สู้ดี กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นเลยรีบตามไป เขาวิ่งเร็วชะมัด เล่นเอาขาข้าเกือบหัก! ตอนหลังเขาเข้ามาในชนเผ่า ข้าเลยคลาดกับเขาไป”

จีหมิงซิว “คลาดกันไปเมื่อไร”

อี้เชียนอินถอนหายใจ “วันนี้ตอนเช้า พอคลาดกันข้าก็รีบส่งข่าวกลับมาทันที”

ประมุขตระกูลไซน่าเอ่ยออกมาตรงๆ ว่า “เป็นไปไม่ได้! หากเขาอยู่ในชนเผ่า จะต้องกลับมาที่ปราสาทไซน่าทันทีแน่ เวลานี้เจ้ากลับมาแล้ว แต่เขายังมาถึง!”

“ท่านไม่เชื่อก็แล้วแต่!” อี้เชียนอินนับว่าใจเย็นแล้ว แต่เมื่อถูกประมุขตระกูลไซน่าสงสัยหลายทีเขา ต่อให้ใจเย็นแค่ไหนก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน

จีหมิงซิวรู้ดีว่าอี้เชียนอินเป็นคนเช่นไร บางครั้งเขาคุยโวไปบ้างเพื่อรักษาหน้า แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันเขาไม่เคยพูดโกหก ดังนั้นที่เขาบอกว่าไซน่าอิงหนีไป ก็คือหนีไปจริงๆ

เฉียวเวยก็เชื่อว่าที่อี้เชียนอินพูดเป็นความจริง ถึงแม้อี้เชียนอินจะเป็นคนจากสำนักมาร แต่กลับซื่อตรงกว่าคนในสำนักใหญ่ของยุทธภพมากนัก

เฉียวเวยเขยิบเข้าไปหาจีหมิงซิว เอ่ยด้วยเสียงที่ดังพอให้ได้ยินกันสองคนว่า “ไซน่าอิงกลับเข้ามาที่ชนเผื่อเมื่อตอนเช้า เวลาประจวบเหมาะกันพอดี ท่านว่าคนที่ใส่เสื้อคลุมไปที่บ้านหลังนั้นวันนี้จะใช่ไซน่าอิงหรือไม่”

จีหมิงซิวกระซิบตอบว่า “ความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก แต่ข้าดูจากท่าทางของประมุขตระกูลไซน่าแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ”

สายตาเฉียวเวยสั่นไหวเล็กน้อย “ฮาจั่วอีกคน?”

“ไม่น่าใช่” จีหมิงซิวเอ่ยเสียงเบา “ฮาจั่วคบคิดกับคนนอกเพื่อให้ได้ตระกูลปี้หลัวมาครอบครอง แต่ไซน่าอิงเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลไซน่าอยู่แล้ว เขาไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังคนในบ้านแล้วไปคบคิดกับคนนอก”

เฉียวเวยไม่เข้าใจ “ในเมื่อเขาไม่ต้องปิดบังคนในครอบครัว แล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้”

จีหมิงซิวคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

ประมุขตระกูลไซน่าเอ่ยด้วยสายตาดุดัน “พวกเจ้ากระซิบกระซาบอะไรกัน ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนนะ อย่าคิดว่าแต่งเรื่องโกหกให้ข้าฟังไม่กี่ประโยคแล้วจะปิดหูปิดตาข้าได้!”

เฉียวเวยยิ้มบางๆ “ตาอย่างท่านน่ากลัวว่าคงไม่ต้องปิดหรอก”

ประมุขตระกูลไซน่าหน้าบึ้งตึง

จีหมิงซิวเอ่ยปากว่า “ไม่ทราบว่าประมุขตระกูลไซน่าได้ข่าวไซน่าอิงถูกอี้เชียนอินสังหารมาจากที่ใด”

ประมุขตระกูลไซน่าตอบด้วยความเจ็บปวดว่า “มีคนไปซื้อของที่เมืองเฟยอวี๋แล้วเห็นกับตาว่าพวกเขาสองคนต่อสู้กัน ซ้ำยังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของไซน่าอิงด้วย…”

อี้เชียนอินพูดขัดว่า “ร้องโหยหวนอะไรกัน เขาร้องด้วยความคลุ้มคลั่งชัดๆ!”

ประมุขตระกูลไซน่าขุ่นเคืองไม่หาย “เจ้าไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองแล้ว! วันนี้ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลย ในเมื่อพวกเจ้าบอกชัดว่าไซน่าอิงของข้ายังไม่ตาย เช่นนั้นก็รีบหาตัวไซน่าอิงมาให้ข้า! ไม่เช่นนั้นใครก็อย่าได้คิดจะรอดออกไปจากปราสาทไซน่าเลย!”

ชนเผ่าถ่าน่ามีกรรมพันธุ์เรื่องมีบุตรยาก การมีผู้สืบทอดสักคนนับเป็นเรื่องที่โชคดีเหลือแสน แต่กระนั้นมาวันนี้ ผู้สืบทอดคนนี้กลับมาตายไป ต่อให้คนร้ายเป็นจั๋วหม่าน้อยของชนเผ่า เขาก็ไม่มีวันปล่อยนางไป!

เฉียวเวยรับรู้ได้ถึงความเป็นอริที่ส่งมาจากประมุขตระกูลไซน่า นางก็เป็นแม่คนเหมือนกัน หากมองไปในมุมเขา นางเข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่นางไม่อาจหาตัวไซน่าอิงมาให้เขาได้ในเวลานี้ “ประมุขตระกูลไซน่า หากพวกเราไม่เดินออกจากปราสาทไซน่า แล้วจะตามหาไซน่าอิงกลับมาให้เจ้าได้อย่างไร หากเจ้าอยากพบหน้าเขาโดยเร็วที่สุด ก็ควรเรียกระดมพลเพื่อออกตามหาเขา พวกเรายินดีช่วยตามหาไซน่าอิงร่วมกับคนของปราสาทไซน่า”

“พวกเจ้าออกไปตามหาได้ แต่ทิ้งเขาไว้เป็นตัวประกัน!” นิ้วของประมุขตระกูลไซน่าชี้ไปทางจีหมิงซิว

คิดจะกักตัวบุรุษของนางไว้ ฝันไปเถิด!

เฉียวเวยบอกอย่างไม่ยอมถอยว่า “ประมุขตระกูลไซน่า พวกเรายินดีช่วยท่านตามหาไซน่าอิง เพราะเห็นแก่ที่เกิดเรื่องขึ้นกับเขาระหว่างทางไปรับบุตรของข้า ข้าติดค้างน้ำใจเขาในครั้งนี้ แต่หากเจ้าคิดจะจับตัวสามีของข้าไว้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!”

ประมุขตระกูลไซน่าสีหน้าแข็งกระด้าง “ไม่จับตัวเขาไว้ก็ได้ เช่นนั้นให้ท่านพ่อเจ้าอยู่ที่นี่!”

เฉียวเวยไม่พอใจ “เจ้ายังพูดคุยด้วยเหตุผลอยู่หรือไม่”

ประมุขตระกูลไซน่าเอ่ยเสียงเย็นว่า “ท่านพ่อเจ้าไม่มีแรงกระทั่งจะจับไก่ ไปก็เหมือนไม่ไป สู้ให้เขาอยู่ดื่มชาร้อนๆ ในปราสาทไม่ดีกว่าหรือ”

“ข้าอยู่ที่นี่เอง” จีหมิงซิวบอก

ดวงตาเฉียวเวยสั่นไหว “หมิงซิว”

จีหมิงซิวยกมือช่วยจัดปรอยผมให้เฉียวเวย เอากระซิบที่ข้างหูนางว่า “ไห่สือซานกับสือชีใกล้จะมาถึงแล้ว พาพวกเขาไปตามหาด้วย”

“อื้อ” เฉียวเวยพยักหน้า “ข้าต้องหาตัวเขาให้เจอให้ได้”

จีหมิงซิวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้าเชื่อ”

คนอยู่นับว่าอันตรายที่สุด หากพวกเขาตามหาไซน่าอิงไม่พบ ประมุขตระกูลไซน่าต้องสังหารจีหมิงซิวเพื่อระบายความแค้นแน่ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย

เฉียวเวยเอ่ยขู่ว่า “หากกล้าทำอะไรสามีข้าแม้เพียงปลายเล็บ หลานเจ้าได้ตายจริงแน่!”

ประมุขตระกูลไซน่าเอ่ยว่า “ข้าจะดูแลเขาอย่างดี” เฉียวเวยให้บิดาของตนพาซาลาเปาน้อยทั้งสองไปที่ปราสาทเฮ่อหลัน เจ้าตัวปลอมให้อยู่รักษาตัวที่ตระกูลไซน่า เวลานี้นางบาดเจ็บจนเหลืออยู่เพียงลมหายใจเดียว ไม่ต้องกลัวว่านางจะเล่นตุกติดอะไรอีก

หลังจากขึ้นมานั่งบนรถม้าแล้ว เฉียวเวยให้อี้เชียนอินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองเฟยอวี๋ให้นางฟังโดยละเอียด หลังจากทั้งสองไปถึงเมืองเฟยอวี๋แล้ว อี้เชียนอินก็ติดต่อหาไห่สือซานกับสือชีทันที บอกทั้งสองไปให้พบกันที่โรงเตี๊ยม แต่ทั้งสองยังไม่ทันมาถึง เขากลับได้รับข่าวจากจีหมิงซิว เร่งให้ทั้งสองกลับไปเสียก่อน

เดิมทีพวกเขาวางแผนว่าจะออกเดินทางตอนฟ้าสว่าง แต่ก็จนใจเพราะจู่ๆ ตอนกลางคืนไซน่าอิงก็เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา

ส่วนที่ว่าเหตุใดไซน่าอิงถึงคลุ้มคลั่งนั้น อี้เชียนอินไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย

อาจเพราะมีใครทำอะไรบางอย่างกับไซน่าอิง ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ คนอย่างเขาจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุได้อย่างไร

อีกฝ่ายน่าจะเตรียมแผนเดินหมากนี้ไว้ก่อนแล้ว แค่รอโอกาสเหมาะๆ ในการลงมือเพื่อสร้างความขัดแย้งระหว่างตระกูลไซน่ากับนาง เพียงแต่ที่ไม่เป็นไปตามแผนก็คือ หมากเกมนี้เดินช้าไปสักหน่อย นางเอาชนะเจ้าตัวปลอมนั่นได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์เสียทีเดียว วันหน้าหากนางต้องการยืนอยู่ในชนเผ่าถ่าน่าได้อย่างมั่นคง นางจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้นำทุกคน การที่นางแตกหักกับตระกูลไซน่า ก็เท่ากับว่านางแตกหักกับตระกูลถ่าถาเอ่อร์ด้วย ตระกูลปี้หลัวไม่สนับสนุนนางมาตั้งแต่แรก จากตระกูลใหญ่แปดตระกูล หายไปแล้วสาม จะบอกว่าสถานการณ์ไม่ย่ำแย่คงไม่ได้

วันนี้ถึงแม้ตนจะรับปากกับอีกฝ่ายแล้วว่าจะสังหารจั๋วหม่าน้อย “ตัวจริง” ทิ้ง แล้วเข้าไปแทนที่นาง แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะวางเดิมพันนี้ไว้ที่นางเพียงคนเดียว ไม่อย่างนั้นก็ควรเก็บตระกูลไซน่าไว้ให้สนับสนุนนางต่อไปถึงจะถูก

“ช่างเป็นบุคคลอันตรายจริงๆ!” เฉียวเวยหรี่ตา

“ไซน่าอิงทำไปเพราะถูกบังคับ หรือเพราะยินดีไปพบคนผู้นั้นเองกันแน่” จีอู๋ซวงงงงวยไปหมด

เฉียวเวย “นิสัยอย่างไซน่าอิงนั่น จะบอกว่าถูกบังคับคงไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะสมัครใจเองมากกว่า”

จีอู๋ซวงวิเคราะห์ว่า “หากสมัครใจเอง อย่างน้อยก็บอกได้ว่าคนผู้นั้นรู้จักกันกับไซน่าอิง อีกทั้งไซน่าอิงยังเชื่อใจเขามาก ถึงขั้นเรียกได้ว่าไม่ระวังตัวเลยสักนิด”

เฉียวเวยก็คิดเช่นนั้น กลับมาถึงชนเผ่าแล้วไม่ตรงกลับบ้านก่อน แต่กลับไปพบคนผู้นั้น มีสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับคนผู้นั้นแล้วยังปิดบังคนในบ้าน… หรือว่าจะเป็นคนรักที่บอกใครไม่ได้?

ระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่นั้น รถม้าก็หยุดลง ไห่สือซานกับสือชีมาถึงแล้ว ระหว่างทางนี้ถึงแม้อี้เชียนอินจะมัวยุ่งอยู่กับการสะกดรอยตามไซน่าอิง แต่กลับไม่ลืมที่จะทิ้งสัญลักษณ์ไว้ตามทาง ไห่สือซานจึงติดตามเครื่องหมายของเขาจนมาถึงเกาะนิรนามได้

เกาะนิรนามถึงแม้จะอยู่กลางมหาสมุทร แต่กระนั้นรอบด้านก็เป็นเกาะเล็กๆ ที่เปรียบประหนึ่งม่านพรางตา คนทั่วไปยากนักที่จะตามหาพบ หากไม่ใช่เพราะอี้เชียนอินทิ้งสัญลักษณ์ลับเอาไว้ น่ากลัวว่าไห่สือซานคงหลงทางไปแล้ว

ไห่สือซานยังไม่ทันได้ระบายเรื่องน่าเจ็บปวดที่ตนประสบในชนเผ่าเกาเย่ว์ให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยฟัง ก็มาได้รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ตระกูลไซน่า พอฟังเรื่องทั้งหมดจบ ไห่สือซานก็ทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยว ถึงกับจับตัวนายน้อยของพวกเขาไว้! น่ากลัวคงอยากตายมากจริงๆ!

“เวลานี้ไม่ใช่เวลามาหัวเสีย พี่ไห่มีวิธีตามหาไซน่าอิงหรือไม่” เฉียวเวยจำได้คลับคลายคลับคลาว่าไห่สือซานเป็นมือฉมังด้านการตามหาคน

ไห่สือซานมึนงงที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียกว่าพี่ไห่ ได้แต่ยิ้มแหะๆ พลางบอกว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ยากอะไร ขอเพียงเขายังอยู่บนเกาะ ข้าจะต้องหาเขาเจอได้แน่! ฮูหยินน้อยรอฟังข่าวอย่างสบายใจได้เลย”

เฉียวเวยพาสือชีไปที่ตลาด หาร้านน้ำชาแล้วนั่งลง ไห่สือซานกับพวกอี้เชียนอินกระจายกันไปออกตามหาไซน่าอิง

ไห่สือซานมีวรยุทธ์เพียงธรรมดา เล่ห์เหลี่ยมก็น้อย ต่อสู้ไม่เก่งเท่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ย วางแผนไม่เก่งเท่าจีอู๋ซวง แต่ความสามารถด้านการสืบข่าวนั้นโดดเด่นเหนือผู้ใด แค่ชั่วเวลาเพียงครึ่งวัน ไห่สือซานก็ตามหาร่องรอยของไซน่าอิงพบแล้ว

ไห่สือซานส่งสัญญาณให้พวกเยี่ยนเฟยเจวี๋ย เรียกให้พวกเขาไปหา แต่พอเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงเห็นดอกไม้ป่าที่กระจายอยู่ทั่วภูเขาก็พากันขาสั่นระริก เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าไป

อี้เชียนอินเกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเลยเดินเข้าไป แต่ผ่านไปไม่เท่าไรก็ตกใจหนีออกมา หน้าเขาขาวซีด เหงื่อแตกไปทั้งตัว

ไห่สือซานไม่รู้จะทำเช่นไร จึงจำต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน

“หุบเหวร้อยผีแห่งนั้น?” สถานที่ที่ทำให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงหวาดกลัวได้ถึงเพียงนั้น นอกจากหุบเหวร้อยผีแล้ว เฉียวเวยก็คิดที่อื่นไม่ออกอีก