บทที่ 976 เด็กคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 976 เด็กคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ

บทที่ 976 เด็กคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ

เส้นทางธุรกิจของทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การเปิดร้านใหญ่ ๆ ทำให้คนรู้สึกว่ามีอำนาจมาก ด้วยกรอบแนวคิดของคนทั่วไปคือยิ่งร้านใหญ่ยิ่งเชื่อถือได้

ส่วนการเปิดร้านสี่สาขาทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาเดินทาง และอำนวยความสะดวกแก่พวกเขาด้วย

ทั้งยังเรียกลูกค้าได้มาก และเป็นผลดีสำหรับการรวมลูกค้าจากสถานที่ต่าง ๆ น่ะ

บางทีอาจเกี่ยวกับสถานที่ด้วย ที่หนึ่งอยู่ในอำเภอ อีกที่อยู่ในมณฑล

แต่พวกเขาเลือกรูปแบบของธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเองจริง ๆ

หลังจากเข้าไปในร้านก็เจอตู้กระจกเรียงเป็นแถวอย่างมีระบบระเบียบ ข้างในใส่ผลิตภัณฑ์ตุ๋นต่าง ๆ เอาไว้

มีเนื้อไล่ไปจนถึงผัก ครบครันให้เลือกซื้อ

เสี่ยวเถียนเหลือบมองอย่างรวดเร็ว มีหมู วัว ไก่ เป็ด และห่านด้วย

เนื้อหมูมีสามชั้น ซี่โครง หัวหมู หูหมู ขาหมู กีบเท้า เครื่องใน และอีกมากมาย

เนื้อวัวมีส่วนเนื้อตุ๋นกับเครื่องในตุ๋น

เนื้อไก่ เป็ด และห่านมีตีนไก่ตุ๋น ตีนเป็ด กึ๋นเป็ด ไส้ห่านตุ๋น เป็นต้น

พวกผักก็มีหลากหลายประเภท แต่ดู ๆ แล้วมีทั้งวัตถุดิบที่เห็นบ่อยและไม่ได้เห็นบ่อย

ขอบเขตธุรกิจนี้ใหญ่กว่าที่คิดไว้อีก

ไม่รู้คุณอาไปหาจากไหน อำเภอเล็ก ๆ ในยุคนี้ไม่ได้หาวัตถุดิบกันง่าย ๆ นะ

หลังตู้กระจกมีภรรยาจู้จื่อสวมผ้ากันเปื้อนและหมวกสีขาว และสองสาวที่กำลังต้อนรับลูกค้า

ลูกค้าเข้าออกค่อนข้างเยอะ มีทั้งซื้อเนื้อซื้อผัก คนเข้าไม่พักไม่มีเวลาวางมือเลย

หลังจากต้อนรับลูกค้า ภรรยาจู้จื่อก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นเสี่ยวเถียนพอดี

เจ้าตัวดีใจมาก ก่อนรีบวิ่งออกมา

“เสี่ยวเถียน มาได้ยังไงเนี่ย? มาตั้งแต่เมื่อไร? ไม่เห็นบอกอาเลย อาจะได้ให้อาสี่เขาไปรับที่สถานี”

เจ้าตัวกำลังจะจับมือ แต่เห็นมือมันเยิ้มเลยชักกลับ

ส่วนเซี่ยหนานที่ตามมาด้วย เธอคิดว่าเป็นลูกค้าที่เพิ่งเข้ามา

“หนูมาเมื่อวานค่ะ กลับเมืองหลวงเย็นนี้แล้ว”

สีหน้าของภรรยาจู้จื่อสลดลงทันที

“ทำไมรีบกลับจังเลย? มีเวลาน้อยหรือ เดี๋ยวอาทำแป้งทอดไว้ให้กินระหว่างทางนะ”

ภรรยาจู้จื่อรีบไปล้างมือ

เสี่ยวเถียนยกถุงในมือให้ดู “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณลุงคุณป้าเตรียมให้หนูไว้เพียบเลย”

“กลับหมู่บ้านไปด้วยหรือ?” ภรรยาจู้จื่อประหลาดใจ

อยู่ ๆ ก็กลับมาโดยที่ไม่บอกกล่าวอาจจะมีเรื่องเกิดขึ้นก็ได้

แต่จู้จื่อไม่เห็นบอกเลยว่าบ้านป้าซูมีอะไรหรือเปล่า

“หนูกับอาจารย์เซี่ยไปที่หมู่บ้านกันมาค่ะ”

เสี่ยวเถียนแนะนำเซี่ยหนานให้รู้จัก

ภรรยาจู้จื่อรีบทักทายอีกฝ่าย

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ เมื่อครู่ฉันคิดว่าคุณเป็นลูกค้าที่เข้ามาซื้ออาหารตุ๋น ไม่คิดว่าเป็นแขกที่เสี่ยวเถียนพามาด้วยน่ะ”

ภรรยาจู้จื่อจำได้แล้วว่าเคยเห็นอีกฝ่ายตอนไปเมืองหลวง

ในงานครบเดือนของเด็ก ๆ พี่สาวคนนี้ก็มาด้วย แต่ตอนนั้นคนเยอะมากเลยจำไม่ค่อยได้

แล้วทำไมคนแบบเธอถึงมาพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ล่ะ?

“สวัสดีค่ะอาจารย์เซี่ย ฉันเห็นหน้าคุณดูไม่ค่อยดี คุณไปนั่งพักข้างหลังดีกว่าค่ะ อย่ารังเกียจบ้านฉันเลยนะ!”

ในเมื่อเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เสี่ยวเถียนพามา ภรรยาจู้จื่อจึงพาไปข้างหลังร้านทันที

ตอนซื้อร้าน เธอซื้อลานบ้านข้างหลังมาด้วย

นอกจากห้องครัวใหญ่สำหรับทำอาหารตุ๋น อีกสามห้องเล็กจะไว้ใช้พักผ่อน

เซี่ยหนานรู้สึกพะอืดพะอมมาก พอมาถึงห้องพักก็นั่งลงทันที

ภรรยาจู้จื่อรินน้ำให้ แล้วเติมใบชาลงไปเล็กน้อย

“เมารถมาใช่ไหมคะ ดื่มชาสักหน่อยจะได้ดีขึ้นนะ”

เซี่ยหนานเอ่ยขอบคุณก่อนยกจิบ

ภรรยาจู้จื่อหันมาคุยกับเสี่ยวเถียน

“อุตส่าห์มาทั้งทีทำไมมาวันเดียวเองล่ะ?”

“ต้องกลับไปเรียนน่ะค่ะ ตอนนี้เลยแวะมาหาอาสะใภ้กับอาจู้จื่อน่ะ”

“เดี๋ยวอากลับบ้านไปห่อเกี๊ยวให้แล้วกัน”

เธอไม่สนใจร้านแล้ว เตรียมตัวกลับไปเตรียมข้าวเย็นให้เสี่ยวเถียนดีกว่า

ผลสรุปทั้งสองคนก็ตามมาจนถึงที่บ้าน

เมื่อได้ฟังบทสนทนาถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเถียนถือหุ้นร้านอาหารตุ๋นด้วย

เหมือนว่าจะทำเงินรายปีได้มหาศาลเลย เสี่ยวเถียนเอากำไร ยี่สิบเปอร์เซ็นต์รายได้ต่อปีอย่างน้อยก็หลายพันหยวนน่ะ

เธอทอดถอนใจ เด็กคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ

มีโรงงานเป็นของตัวเองไม่พอ ยังเป็นหัวหน้านักแปลของโรงงานทั้งสองแห่ง และถือหุ้นร้านอาหารอีก

อายุเพิ่งจะเท่าไร ไม่รู้ว่าถ้าโตกว่านี้จะเก่งขนาดไหน

ขณะกำลังกินเกี๊ยว หลี่จู้จื้อกลับมาพอดี เขาตกใจมากตอนเห็นหลานสาว

“เสี่ยวเถียน กลับมาตอนไหนเนี่ย? อาไม่รู้เรื่องเลย”

อีกฝ่ายสวมชุดสูทพอดีตัว ให้ความรู้สึกเหมือนคนประสบความสำเร็จมาก

ต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลย

“อาจู้จื่อ ชุดนี้ดูดีมากเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนชม

หลี่จู้จื่อเขินมาก “รอบก่อนลงใต้ไปซื้อเสื้อผ้ามาน่ะ แล้วมีคนเขาแนะนำมาเห็นว่าใส่แล้วดูดีเลยซื้อไว้ตัวหนึ่ง”

“เลิกพูดพร่ำได้แล้ว รีบ ๆ กินเกี๊ยว จะได้ไปส่งหลานกับอาจารย์เขาที่สถานี”

ภรรยาจู้จื่อเอาถ้วยเกี๊ยวมาให้

เสี่ยวเถียนเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ให้คุณอาพักไปเถอะ เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หนูกับอาจารย์ไปกันเองได้”

หลี่จู้จื่อคีบเกี๊ยวจิ้มน้ำจิ้มรสเปรี้ยว “ไม่ได้หรอก ไหน ๆ ก็มาแล้ว อาจะให้ไปสถานีเองได้ยังไง?”

สิบนาทีก็หมดไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นภรรยาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงตาข่ายที่บรรจุกล่องอาหารทั้งสี่กล่องเอาไว้

“เสี่ยวเถียน กล่องบนใส่เกี๊ยวนะเผื่อดึก ๆ หิว ส่วนสองกล่องตรงกลางใส่อาหารตุ๋น ไว้กินพรุ่งนี้เช้าได้ กล่องสุดท้ายอาใส่ผลไม้ไว้ กินแก้เบื่อแล้วกัน”

เสี่ยวเถียนกุมขมับ คุณป้าเตรียมของกินไว้เพียบ ถ้าเอาของอาสะใภ้ไปอีกต่อให้ลงรถคงกินไม่หมดด้วยซ้ำ

ในตอนที่จะปฏิเสธ ภรรยาจู้จื่อก็หยุดไว้

“เอาไปเถอะ”

เสี่ยวเถียนครุ่นคิด ถ้าใส่ไว้ในระบบได้จะไม่เสียด้วย แถมอร่อยกว่าอาหารบนรถไฟอีก

เซี่ยหนานรู้สึกว่าอากาศตอนนี้กำลังร้อนน่ะ ถ้าเอาไปเยอะกลัวว่าจะเสียเปล่าเสียเฉย ๆ

แต่มันของเสี่ยวเถียน ตนเองจึงอายที่จะปฏิเสธแทน

หลี่จู้จื่อพาคนทั้งสองไปสถานีรถไฟด้วยรถสามล้อ

พวกเธอซื้อตั๋วไว้แล้ว พอไปถึงใกล้ถึงเวลาตรวจตั๋วพอดี

เสี่ยวเถียนกล่าวคำอำลากับอาจู้จื่อ จากนั้นค่อยพาเซี่ยหนานไปต่อคิวตรวจตั๋ว

ทั้งสองคนยืนท่ามกลางฝูงชน และตอนนั้นเองได้เห็นคนที่คุ้นเคย