บทที่ 1006 ปล่อยให้เป็นของคนอื่น และเลือกเดินจากไปแล้วกัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1006 ปล่อยให้เป็นของคนอื่น และเลือกเดินจากไปแล้วกัน

บทที่ 1006 ปล่อยให้เป็นของคนอื่น และเลือกเดินจากไปแล้วกัน

เขาอยากพุ่งเข้าไปถามว่าทำไมถึงไม่ใช่ตน

แต่สุดท้ายก็เก็บงำความคิดนี้ไว้

ซูเสี่ยวเฉ่าไม่เคยหลอกเขา แม้จะไม่ได้บอกว่าชอบใครอยู่ก็ตาม

ตอนปฏิเสธกู้เฉิงเซวียน ก็พูดอย่างชัดเจนเลยด้วย

แต่ทุกอย่างล้วนเกิดจากตัวเขาที่คะยั้นคะยอเอง

คงเพราะมั่นใจในตัวเองสูงจึงไม่คิดว่าหญิงสาวจะไม่ชอบตน

คิดแค่ว่าขอแค่จริงใจ ก็ยังสร้างความประทับใจต่อเธอได้

กู้เฉิงเซวียนรู้สึกท้อแท้

ตอนที่สตาร์ตรถเตรียมออกไป สายตาพลันเห็นใบหน้าชายคนข้าง ๆ พอดี

เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

เป็นไปได้ยังไง?

จะเป็นไปได้ยังไง?

เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ?

แล้วมาทำตัวใกล้ชิดแบบนี้ได้ยังไง?

ถึงจะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่ก็เป็นพี่น้องในตระกูลเดียวกันนี่

ถ้าไปอยู่ชนบทต้องโดนนินทาว่าร้ายแน่นอน

แล้วทำไมถึงมาดูหนังกันล่ะ?

ไม่ควรสิ มันไม่ควรนะ!

กู้เฉิงเซวียนแอบตามพวกเขาไป

ตอนไปถึงก็เห็นทั้งสองเข้าไปในโรงที่ 3

“ขอโทษครับ โรงที่ 3 ฉายเรื่องอะไรครับ?”

กู้เฉิงเซวียนถามพนักงานขายตั๋ว

พนักงานขายตั๋ว “พายุฝนฟ้าคะนองครับ!”

“พายุฝนฟ้าคะนอง?” เขารู้จักเรื่องนี้ดี

หลายวันก่อนเพิ่งจะชวนซูเสี่ยวเฉ่าไปด้วยกันอยู่ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ

เขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกันนะ

แล้วสองคนนั้นไปดูเรื่อง ‘พายุฝนฟ้าคะนอง’*[1] หรือว่า…

พูดยากจริง ๆ

สุดท้ายก็ตามเข้าไปด้วย

บังเอิญมากที่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากสองคนนั้น

เขาเฝ้ามองเงียบ ๆ ระหว่างทั้งสองไม่มีความอึดอัดใด ๆ ดูสนิทกันมากเลย

กู้เฉิงเซวียนรู้สึกตลก

ที่จริงคนทั้งสองรู้สึกอึดอัดเมื่อปมเรื่องค่อย ๆ คลี่คลาย

แต่เราไม่ได้พูดความรู้สึกออกมาก็เลยอึดอัด

สุดท้ายก็ทนได้จนถึงที่สุด

ซูเสี่ยวเฉ่าร้องไห้หนักมาก

สัมผัสได้ว่าเรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ

ซูซานกงรู้สึกไม่ดีที่คนข้าง ๆ ร้องไห้โฮ

ทำไมถึงพาเธอมาดูหนังนะ?

ทำไมถึงไม่เลือกเรื่องอื่นแทนเรื่องนี้ล่ะ?

คงไม่คิดจะหาความลำบากให้ตัวเองใช่ไหม?

ถึงจะไม่เคยดูแต่ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร

น้ำตาของซูเสี่ยวเฉ่าไหลลงมาเงียบ ๆ ท่ามกลางความเศร้าใจของซูซานกง

สุดท้ายก็ทนไม่ไหวดึงเธอเข้ามากอดปลอบ

“ไม่ต้องร้อง ๆ! มันเป็นแค่หนังเอง ไม่ต้องร้อง!”

ถ้าไม่มีการกระทำนี้เธอคงก้มหน้าก้มตาร้องไห้เฉย ๆ

แต่เพราะโดนกอดเอาไว้ถึงผงะถอยออกไปราวกับโดนทิ่มแทง

“เราทำแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เป็นพี่ชายฉันนะ!”

สิ้นประโยค หญิงสาวก็วิ่งหนีออกไปทันที

ชายหนุ่มได้แต่ตะลึงงัน ก่อนจะเพิ่งได้สติ

จากนั้นเขาก็วิ่งตามไปทันที

กู้เฉิงเซวียนออกมาจากโรงหนังพร้อมความรู้สึกอึดอัดใจ

เหมือนว่าพวกเขาจะชอบกัน แต่รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควร

ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรเลือกอะไรดี

ซูเสี่ยวเฉ่าปฏิเสธเขาเพราะเธอมีซูซานกงอยู่ในใจ

แต่เจ้าตัวก็รู้ว่าความรักระหว่างตนกับซูซานกงมันเป็นไปไม่ได้

ถ้างั้นเขาก็มีโอกาสอยู่สินะ?

แต่เราจะยอมถ่อมตัวไม่เกรงใจไปชอบผู้หญิงที่มีชายอื่นในใจเลยหรือ?

ซูเสี่ยวเฉ่ามีคนในใจแล้ว แต่คนนั้นอาจจะเป็นแผลเป็นในใจเธอไปตลอดชีวิตก็ได้

ช่างเถอะ ปล่อยให้คนอื่นไปแล้วเลือกเดินออกมาคงดีสุด

กู้เฉิงเซวียนหมุนตัวจากไป โดยที่ไม่คิดไล่ตามเรื่องนั้นต่อ

ฝั่งตระกูลซู

เสี่ยวเถียนกับฉืออี้หย่วนกินข้าวเสร็จก็มานั่งสนทนากัน

พวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล แค่หามุมในห้องหลักนั่งคุยกันเท่านั้น

คนอื่น ๆ เกาะกลุ่มกันคุย ส่วนเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสี่ยวจิ่วไม่ได้กลับห้องไปอ่านหนังสือ แต่คอยเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟชาแทน

ผู้ใหญ่เห็นเด็กทั้งสองคนก็เข้าใจ เพราะพวกเขาสนิทกันมาแต่เด็กคงมีเรื่องให้คุยเยอะแยะ

จึงไม่ได้สนใจอะไร

แต่หลานชายบ้านซูมองทั้งสองที่คุยกันอย่างมีความสุขก็ได้แต่นึกไม่สบายใจ

“พี่หก พี่ว่าถ้าพี่รองอยู่ด้วยเขาจะโกรธไหม?”

ซูเสี่ยวชีมองพี่ชายด้วยใบหน้าสับสน

ทำไมพี่หกดูไม่สนใจเลยล่ะ? เอาแต่มองพวกเขาคุยกันอย่างสนิทสนมเนี่ยนะ?

แล้วทำไมฉืออี้หย่วนถึงดูเหมือนพี่ชายมากกว่าพวกเราอีกล่ะ?

น้องเล็กก็มีพี่ชายตั้งเยอะแยะ แล้วคนคนนี้มีสิทธิ์อะไรถึงโผล่มาด้วยล่ะ?

“ถ้าพี่รองอยู่ก็คงโยนเขาออกไปแหละ แต่น้องเล็กคงไม่อนุญาต!”

ซูเสี่ยวลิ่วมองสองคนฝั่งตรงข้าม

เขาคิดเสมอว่าน้องกำลังจะโดนแย่งไป

มีคนบอกว่าสาว ๆ ควรรีบแต่งงาน ตอนแรกก็ไม่คิดนะ แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ?

“งั้นเราควรจัดการดีไหม?” ซูเสี่ยวจิ่วว่าอย่างกระตือรือร้น

ถ้าพี่ ๆ คนอื่นไม่อยู่ งั้นเราก็ทำหน้าที่ปกป้องน้องแทนสิ

พี่หกจ้องเขม็ง

“คิดอะไรเนี่ย ถ้าเข้าไปยุ่งตอนนี้ได้โดนน้องฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่!”

ไม่รู้หรือไงว่าน้องเก่งขนาดไหน?

ถ้าน้องมีน้ำโหขึ้นมาไม่มีใครสู้ได้หรอกนะ

ฝั่งฉืออี้หย่วนมองสาวน้อยด้วยใบหน้ารักใคร่

วันนี้เธอมีคำถามเยอะแยะเลย แต่เขาไม่อยากตอบเลยเอาแต่มองเธอเท่านั้น

คิดถึงมาตลอดทั้งปีเลย

ขนาดในความฝันจะเห็นเธอเลยด้วย

เสี่ยวเถียนเล่าสิ่งที่ได้ทำในปีนี้ และถามว่าฉืออี้หย่วนอยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่า

เขาตอบไปนิดหน่อย และไม่ได้พูดถึงส่วนที่ลำบาก

แต่เธอดูเป็นห่วง และเสียใจกับเขามาก

เลยอยากให้เธอมีความสุขตลอดไป

ฉือเก๋อไม่ได้พูดอะไร เขาตั้งใจฟังบทสนทนาของเด็กทั้งสอง

เขาเองก็อยากรู้ว่าหลานอยู่ที่นั่นสบายดีไหม แต่ต้นจนจบไม่ได้ยินเรื่องหลานกับครอบครัวนั้นเลย

ไม่ใช่แค่บ้านลูกชายคนโตอย่างฉือเนี่ยนตงนะ ครอบครัวลูกชายคนรองอย่างฉือเนี่ยนเป่ย และครอบครัวลูกสาวอย่างฉือเนี่ยนซีก็ไม่มีพูดถึง

เห็นเลยว่าหลานชายไม่ได้รับการดูแลตอนไปอยู่ที่นั่น

[1]《雷雨》เป็นบทละครที่ประพันธ์โดยเฉาอวี๋(曹禺) บอกเล่าถึงโศกนาฏกรรม โชคชะตาอันโหดร้ายของคนในสังคมที่ไม่มีความเท่าเทียม มีแต่ความกดขี่ โดยนำเสนอเรื่องราวของคนจากทั้งสองตระกูลที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด ความต่างชนชั้นได้เกิดความรักทางชู้สาวต่อกัน เนื้อเรื่องจะสะท้อนความเป็นจริงของสังคมจีนในยุคสมัยการเปลี่ยนแปลงช่วงปี 1920-1930