บทที่ 1049 เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้ว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1049 เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้ว

“เช่นนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้น” หานเจวี๋ยถาม

สำหรับตัวตนลึกลับรายนั้น เขาฉงนมากจริงๆ

เขาอาศัยระบบทำนายถึงผู้สร้างมรรคาได้ แต่กลับมีตัวตนบางอย่างที่ไม่สามารถทำนายถึงได้ ยกตัวอย่างเช่นบรรพชนเต๋า

นี่คือจุดที่น่าสนใจของตัวตนนี้

บางครั้งเรื่องราวบางอย่างก็ไม่สามารถตัดสินด้วยความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของตบะได้

ซั่นเอ๋อร์ส่ายหน้า “เขายืนมองข้าสาปแช่งอยู่ตรงนั้น แถมยังยื่นมือออกมาด้วยขอรับ นอกจากนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นแล้ว”

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่าตัวตนลึกลับนั้นต้องการเข้ามาข้องแวะกับซั่นเอ้อร์

หรือตัวตนลึกลับจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับซั่นเอ้อร์

หากเป็นเช่นนี้วันหน้าก็ต้องระวังไว้ให้มากหน่อย

ในอนาคตต้องกำหนดรอบเวลาสำหรับชำระล้างให้ซั่นเอ้อร์ในแต่ละครั้งไว้

เขาพูดคุยกับซั่นเอ้อร์อีกสองสามประโยคก็แยกย้ายกันไปฝึกบำเพ็ญต่อ

วันเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปเรื่อยๆ

ในช่วงที่หานเจวี๋ยใกล้จะอายุครบร้อยล้านปี ฟ้าบุพกาลเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน ฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้มีผู้กล้าทรงความสามารถปรากฏขึ้น เหล่าผู้กล้าแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นเรื่อยๆ

ชื่อเสียงของวังจักรพรรดิมหาโชคดังกระฉ่อนที่สุด ความเร็วในการผงาดโดดเด่นของวังจักรพรรดิมหาโชคทำให้กลุ่มอิทธิพลเก่าแก่นับไม่ถ้วนต้องสะท้านพรั่นพรึง

ในวันนี้เอง ณ วังจักรพรรดิมหาโชค ภายในตำหนักเชื่อมนภา

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนำแม่ทัพเทพกลุ่มหนึ่งเดินทางมาเยือน หานเย่และหานเหยายืนอยู่ด้านหน้า คอยคุ้มกันหานหลิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองไปที่หานหลิง เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “เราว่าแล้วเชียว จักรพรรดิผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือต้องเป็นคนคุ้นเคยเก่าของเราแน่นอน เพียงแต่เรานึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า ในมุมมองของเราตัวเจ้าในอดีตครานั้นดูไม่คล้ายจะเป็นผู้มีใจทะเยอทะยานเลย”

หานหลิงสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ “ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ พระองค์เป็นสหายใกล้ชิดกับบิดาของเรา หากมีเรื่องใดเราล้วนต้องไปพึ่งพาอาศัยพระองค์แน่”

ทั้งสองต่างเรียกขานแทนตัวว่าเรา บรรยากาศค่อนข้างพิกลยิ่งนัก

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายลูบเคราพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เราอยากขอให้วังจักรพรรดิมหาโชคส่งตัวคนผู้หนึ่งให้เรา คนผู้นี้ทรยศต่อวังสวรรค์ เรื่องทรยศยังพอว่ากันได้ แต่เขากลับสังหารทหารสวรรค์ไปไม่น้อยเลย จากนั้นก็วางแผนมาพึ่งใบบุญวังจักรพรรดิมหาโชค”

หานเย่ขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “วังจักรพรรดิมหาโชคของเราประกาศเงื่อนไขในการรับสมัครเทพเซียนโดยไม่สอบถามที่มา ไหนเลยจะยอมแหกกฎเพื่อพระองค์ได้ หากวันนี้มอบตัวคนให้ แล้ววันหน้าเกิดกลุ่มอื่นๆ ก็ต้องการตัวคนเช่นกันเล่า”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้มจนใจ “คนผู้นี้ก่อคดีหนักหนาไว้ เราจำเป็นต้องมาหาเจ้า หากว่าเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้น…”

“เราตกลง!”

หานหลิงเอ่ยตัดบท

หานเย่ผงะไป หานป้าเสินก็อึกอักอยากพูดแต่ก็เงียบไว้

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหานหลิงจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้

หานหลิงกล่าวว่า “เราไม่จำเป็นต้องปฏิตามกฎเกณฑ์เสมอไป หากมีผู้ใดคิดว่าเราทำไม่ถูกก็จากไปได้เลย แต่ก็ในทางกลับกันก็จะถูกนับว่ามีความแค้นกับวังจักรพรรดิมหาโชคเช่นกัน คนที่เราใส่ใจมีไม่มาก ดังนั้นบ่วงกรรมที่เกี่ยวข้องมีน้อยยิ่ง เมื่อเข้าร่วมวังจักรพรรดิสวรรค์แล้วมีโอกาสที่จะถูกทอดทิ้งต่ำมาก แต่การหักหลังวังจักรพรรดิมหาโชคไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน”

วาจาของนางทรงอำนาจและเฉียบขาดยิ่ง อีกทั้งเต็มไปด้วยไอสังหาร ทำให้เหล่าแม่ทัพเทพที่อยู่ด้านหลังจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองนางอย่างลุ่มลึกคราหนึ่ง เอ่ยไปว่า “ขอบคุณจักรพรรดิมาก นับจากนี้ไปหากวังจักรพรรดิมหาโชคเผชิญปัญหาใดสามารถส่งคนไปแจ้งต่อเราได้ตลอด เราจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง”

หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี นับจากนี้ไปวังสวรรค์ถือเป็นพันธมิตรตลอดกาลของวังจักรพรรดิมหาโชค จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน”

นางเหลือบมองหานเย่และหานป้าเสิน ทั้งสองตอบรับทันที

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตระหนกอยู่ในใจ หานเย่และหานป้าเสินเลื่องชื่อจากการสังหารฆ่าฟัน ล้วนเป็นคนดุร้ายโหดเหี้ยม โดยเฉพาะหานเย่ที่มีใจมุ่งสังหารไม่อาจรั้งตัวไว้ได้ แรงกรรมจากการสังหารล้างบางของเขาบรรลุถึงจุดที่ทำให้คนเดียดฉันท์แล้ว

แต่เมื่อคนโหดเหี้ยมสองคนนี้อยู่ต่อหน้าหานหลิงกลับพินอบพิเทาถึงเพียงนี้ ถึงขั้นที่ค่อนข้างประหม่าด้วย

หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท ยากนักที่พระองค์จะเสด็จมาเยือน มิสู้ไปชมรากวิญญาณปฐมยุคที่วังจักรพรรดิมหาโชคของเราดูเถิด สิ่งนี้น่าอัศจรรย์นัก”

“รากวิญญาณปฐมยุคหรือ เป็นสิ่งใดกัน”

จักพรรดิสวรรค์ชั่วร้ายนึกสนใจขึ้นมา

หานหลิงโบกมือขวาคราหนึ่ง ชั่วพริบตานั้นฉากภายในตำหนักเชื่อมนภาพลันแปรเปลี่ยนไป พื้นราบกลายเป็นผิวทะเลสาบ มีดอกบัวนับไม่ถ้วนปรากฏเบ่งบาน มีขนาดและสีสันต่างกันไป งามตระการตาดั่งภาพฝัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายทอดสายตามองออกไป พลันมองเห็นหญ้าวิญญาณสีแดงต้นหนึ่ง แดงฉานดั่งโลหิต ลักษณะของใบหญ้าและรากหญ้าบิดโค้งราวกับร่างมนุษย์

“หืม”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเลิกคิ้ว เกิดความสนใจใคร่รู้อยู่ในใจ

เขาเดินเข้าไปดู จากนั้นก็อุทานด้วยความแปลกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร”

เหล่าแม่ทัพเทพล้วนแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถึงอุทานออกมา

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองไปที่หานหลิง ขมวดคิ้วแน่น

หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รากวิญญาณนี้ก่อร่างได้แล้ว เมื่อแปลงกายสำเร็จพลังของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ หากว่าฝ่าบาทสนใจ รอให้เขาก่อจิตเกิดปัญญาแล้วเราจะส่งตัวไปที่วังสวรรค์ให้ฝ่าบาทอบรมสั่งสอนเป็นเวลาสามสิบล้านปี ถือโอกาสให้รับใช้สร้างคุณูปการต่อวังสวรรค์ไปด้วย”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว เอ่ยถามไป “ได้สิ่งนี้มาจากที่ใด”

“ยมโลก”

“ยมโลกหรือ…มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาใช่หรือไม่”

“น่าจะเกี่ยวข้องกัน”

“แต่…”

“ฝ่าบาท พระองค์ไม่สนใจจริงๆ น่ะหรือ”

“เอาเถอะ ยกให้เป็นหน้าที่ของเราเอง เพื่อความสบายใจของตัวเราด้วย”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองไปที่รากวิญญาณปฐมยุคอีกครั้ง หัวคิ้วยังคงขมวดอยู่

….

หานเจวี๋ยเพิ่งปิดด่านไปได้สองล้านกว่าปีก็มีคนรัวคำร้องขอเข้าฝันมาอย่างบ้าคลั่ง

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

….

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะตกอยู่ในอันตราย

เขาลองทำนายดู พบว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยังอยู่ที่พระราชวังเทียมเมฆา ไม่มีอันตรายใดๆ

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมรับคำขอ

แดนความฝันยังคงเป็นป่าเล็กนอกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เมื่อครั้งอดีต

เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเห็นหานเจวี๋ยก็บอกเล่าเรื่องราวออกมาทันที พูดถึงเรื่องของรากวิญญาณปฐมยุค

“รากวิญญาณปฐมยุคเหมือนตัวเจ้าทุกกระเบียดนิ้ว เรากังวลใจ…”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถอนหายใจ สีหน้าหนักใจ

หานเจวี๋ยยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลย ร่างแปลงของรากวิญญาณปฐมยุคหน้าตาเหมือนเขาอย่างนั้นหรือ

หากว่ากันไปแล้ว นี่คือพลังเวทของเขาจะมีรูปลักษณ์เหมือนเขาก็นับว่าปกติยิ่ง

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าทราบแล้ว หลิงเอ๋อร์คงไม่มีทางคิดร้ายต่อข้า เพียงแต่การที่อีกฝ่ายรูปลักษณ์เหมือนข้าก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ”

“เหตุที่เรากังวลเป็นเพราะถึงอย่างไรโอรสส่วนใหญ่ของเราก็หักหลังเราทั้งสิ้น” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายส่ายหน้าพลางเอ่ยออกมา

ทั้งสองสนทนากันอยู่สักพักก็สิ้นสุดความฝัน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มทำนายถึงรากวิญญาณปฐมยุค

รากวิญญาณปฐมยุคกำเนิดจิตวิญญาณแล้ว เพียงแต่มีไอพยาบาทหนาแน่นเกินไป บ่มเพาะให้เกิดจิตสังหาร

หรือจะมีส่วนมาจากแดนยมโลก

อยู่ในยมโลกมานานปี รากวิญญาณปฐมยุคดูดซับจิตพยาบาทของวิญญาณร้ายมากมายเกินไป

หากเป็นเช่นนี้ภายหน้าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน

ไม่ได้การแล้ว

จะปล่อยให้เขาใช้รูปลักษณ์ของข้าไม่ได้

หานเจวี๋ยพลันใช้ความคิดปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรากวิญญาณปฐมยุค ถึงแม้จะยังคล้ายเขามาก แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เหมือนกันไปทุกกระเบียดนิ้วแล้ว

เขาไม่ได้กำจัดรากวิญญาณปฐมยุคทิ้งเพราะอยากเห็นว่าหานหลิงคิดจะทำสิ่งใด

เขาอยู่ว่างพอดีจึงคิดจะทำนายดูอนาคตของรากวิญญาณปฐมยุค

‘ข้าอยากเห็นว่ารากวิญญาณปฐมยุคในช่วงแข็งแกร่งที่สุดเป็นอย่างไร’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ผู้สร้างมรรคาเช่นนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้กระมัง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เลือกดำเนินการต่อทันที

จิตรับรู้ของเขาเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาพบว่าตนมาโผล่เหนือห้วงอวกาศของโลกปฐมยุค ฟ้าบุพกาลอยู่ด้านหน้าไม่ไกลออกไป โลกมหามรรคทั้งสองแห่งกำลังจะชนกันแล้ว

“ฮ่าๆๆ ฟ้าบุพกาล ผลาญนภา พวกเจ้าพร้อมต้อนรับโลกมหามรรคของข้าหรือยัง”

“ปฐมยุคอยู่ที่นี่แล้ว”

เสียงหัวเราะโอหังบ้าคลั่งแว่วดังขึ้น หานเจวี๋ยหันไปมอง เห็นว่ามีชายชุดดำคนหนึ่งที่รูปโฉมคล้ายคลึงกับเขายืนอยู่เหนือโลกปฐมยุค หัวเราะดังลั่น