บทที่ 1050 หินวิญญาณปฐมยุค ยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย
เหตุใดรากวิญญาณปฐมยุคถึงยืนอยู่เหนือโลกปฐมยุคของผู้เฒ่าได้
หานเจวี๋ยมองชายชุดดำคนนั้นด้วยความรู้สึกฉงนที่เปี่ยมล้นอยู่ในใจ
ชายชุดดำทอดสายตามองฟ้าบุพกาลที่อยู่ด้านหน้า แววตาเปี่ยมด้วยความบ้าคลั่ง
เวลานี้เอง พลังเลิศล้ำเผด็จการสายหนึ่งแผ่ออกมาจากฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยไม่คุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้เลย
“ฮึ่ม เทพมารปฐมยุค เจ้าคิดว่าตนรับสืบทอดสมบัติแห่งอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้วจะสามารถทำตัวกร่างวางอำนาจได้หรือ”
เสียงตวาดเย็นชาสายหนึ่งแว่วเข้ามา หานเจวี๋ยเพ่งมองออกไป ผู้มาคือดวงจิตมหามรรครายหนึ่ง มีอักขระมหามรรคพัวพันรอบกาย ซ้ำยังมีตราประทับกาลเวลาแผ่ขึ้นมาจากใต้เท้าด้วย ดูหยิ่งทะนง ร่างกายถูกแสงเทพปกคลุมขับเน้นให้ดูงามสง่าทรงอำนาจอย่างยิ่ง
เขาสวมกวานจักรพรรดิที่ดูคล้ายเขากิเลน สองเนตรแผ่แสงสีแดง ให้ความรู้สึกเหมือนเทพสงครามบรรพกาลที่ฝ่าออกมาจากขุมนรก
รากวิญญาณปฐมยุคมองดวงจิตมหามรรคอย่างเหยียดหยาม เอ่ยด้วยสีหน้าหมิ่นแคลน “เจ้านับเป็นตัวอันใดกัน ไปเรียกเทพมหาทัณฑ์ออกมา รวมถึงสิบสองเทวทัณฑ์ด้วย มากันให้พร้อมหน้าข้าจะได้สังหารทั้งหมด ฟ้าบุพกาล ผลาญนภารวมถึงโลกมหามรรคแห่งอื่นล้วนต้องสยบต่อโลกปฐมยุคทั้งสิ้น ผู้ใดขัดขวางผู้นั้นต้องตาย!”
“โอหัง! กำเริบเสิบสานนัก!”
ดวงจิตมหามรรคตวาดกร้าว จากรัศมีพลังของดวงจิตมหามรรครายนั้นหานเจวี๋ยมองออกว่าบรรลุยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์แล้ว
ยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์แห่งฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยล้วนเคยเห็นมาหมดแล้ว เขาเคยสอดส่องดูผู้ทรงพลังที่เร้นกายอยู่ในส่วนลึกเหล่านั้น จดจำรูปลักษณ์และกลิ่นอายของทุกคนไว้ แต่ไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อนเลย
ดูเหมือนคนผู้นี้จะเป็นชนรุ่นหลังรายหนึ่ง ช่วงเวลาในยุคนี้น่าจะห่างจากยุคของหานเจวี๋ยมากโข
ดวงจิตมหามรรคพลันซัดสองมือออกไป พลังแห่งมหามรรคทั่วร่างที่คล้ายจะถล่มนภาได้ปะทุออกไป ลำแสงนับไม่ถ้วนสาดส่องไปทั่วฟ้าบุพกาล เมื่อมองไปตามทิศทางที่ดวงจิตมหามรรคซัดฝ่ามือโจมตีออกไปช่างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน แผ่ไพศาลเลิศล้ำ ราวกับมีโลกมหามรรคขนาดใหญ่แห่งหนึ่งจะเข้ากดทับรากวิญญาณปฐมยุคไว้
“ฮ่าๆๆ”
รากวิญญาณปฐมยุคระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เผชิญหน้ากับพลังมหามรรคฟ้าบุพกาลอันน่าหวาดหวั่นอย่างไร้ซึ่งความกริ่งเกรง ถึงขึ้นที่ตั้งตารอเลยด้วยซ้ำ
ภาพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลงตรงนี้
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มีสีหน้าไม่พอใจ
เป็นแบบนี้ทุกที ยังไม่ทันถึงฉากสำคัญก็จบลงแล้ว
ดูเหมือนศึกนี้จะเป็นขีดจำกัดสูงสุดของรากวิญญาณปฐมยุคแล้ว หลังจากนี้อาจจะปราชัยหรือไม่ก็ตกต่ำสิ้นท่าไป
จุ๊ๆ แข็งแกร่งถึงขั้นที่ท้าทายฟ้าบุพกาลได้ รากวิญญาณปฐมยุคนับว่าสร้างชื่อเสียงสำเร็จแล้ว อย่างน้อยชนรุ่นหลังในอนาคตอีกยาวไกลล้วนจะจดจำความอหังการในครั้งนี้ของเขาได้
ตอนนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน
ชนรุ่นหลังเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีอนาคตที่เลิศล้ำ เขาไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปแทรกแซง
หากว่าหลงเดินผิดทาง ชะตากรรมจะเป็นตัวตัดสินชีวิตเขาเอง
คิดจบหานเจวี๋ยก็หลับตาลงฝึกบำเพ็ญต่อ
จากนี้ก็รอต้อนรับวันที่อายุครบร้อยล้านปีเท่านั้น
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
หมื่นปีราวกับหนึ่งวัน หนึ่งล้านปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับหานเจวี๋ยแล้วเท่ากับงีบหลับตื่นหนึ่งเท่านั้น
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบร้อยล้านปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ดูดซับฟ้าบุพกาลทันที จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณปฐมยุคหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถระบบหนึ่งครั้ง]
[ได้รับโอกาสใช้งานสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง]
หานเจวี๋ยมีสีหน้าตื่นเต้น เลือกตัวเลือกที่สองทันที
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณปฐมยุคหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถระบบหนึ่งครั้ง]
[หินวิญญาณปฐมยุค: หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้ว ช่วยยกระดับสมบัติวิเศษได้ ไม่ว่าสมบัติที่ถูกยกระดับจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็จะอยู่ในการควบคุมของท่านตลอดไป ไม่มีวันหลุดพ้นจากการควบคุมของท่าน]
ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววตื่นเต้นปรีดา
ของดี!
เขาไม่กล้าใช้หินวิญญาณมรรคาสวรรค์กับหนังสือแห่งความโชคร้ายเพราะกลัวจะถูกหนังสือแห่งความโชคร้ายย้อนกลับมาเล่นงาน
ตอนนี้สบายใจได้แล้ว!
เขาเคลื่อนย้ายไปที่อาณาเขตเต๋าหลักทันที หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายและหินวิญญาณปฐมยุคออกมา
ลักษณะภายนอกของหินวิญญาณปฐมยุคไม่ต่างไปจากหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ เพียงแต่เป็นสีม่วงเข้มเท่านั้น
หานเจวี๋ยผสานเข้ากับหนังสือแห่งความโชคร้ายทันที
[ต้องการใช้หินวิญญาณปฐมยุคยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้ายใช่หรือไม่]
ใช่!
[เริ่มยกระดับ]
หนังสือแห่งความโชคร้ายและหินวิญญาณปฐมยุคที่อยู่ในมือหานเจวี๋ยหายไปพร้อมกัน ในใจเขาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
จากนั้นเขาก็เฝ้ารออยู่ที่นี่
รอจนหนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับสำเร็จแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องลองทดสอบดูสักหน่อยว่าหนังสือแห่งความโชคร้ายที่ยกระดับเป็นสุดยอดสมบัติแล้วจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงใด
ในเวลานี้เอง
[เจ้านวฟ้าบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
เจ้านวฟ้าบุพกาลเช่นนั้นหรือ
เหตุใดถึงโผล่มาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้เล่า
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องหวาดระแวงไว้ก่อน เขาถามในใจว่า ‘หากข้าตอบรับแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสิบล้านล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยโล่งอก เมื่อเผชิญหน้ากับผู้สร้างมรรคาจำเป็นต้องระแวงเอาไว้
เขาเลือกยอมรับคำขอเข้าฝันเงียบๆ
แดนความฝันคือดินแดนเวิ้งว้าง เขาได้พบเจ้านวฟ้าบุพกาลอีกครั้ง ยังคงดูลึกลับเช่นเดิม มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยว่า “หานเจวี๋ย ข้าอยากสอบถามเจ้าถึงตัวตนหนึ่ง”
“โอ้ ยังมีตัวตนที่ท่านไม่รู้จักด้วยหรือ”
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม ไม่สามารถแสดงความกระวนกระวายออกไปได้ มิเช่นนั้นจะถูกมองออกได้ง่ายๆ
แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่รู้สึกกดดันเลย เพราะเขาใช้หนังสือยอดชะตา ปรับเปลี่ยนตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ได้ยินว่าเจ้าก็เคยถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งมาก่อนหรือ” เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยถาม
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “ถูกต้อง หากว่ากันตามตรงแล้ว ผู้บำเพ็ญมากมายในมรรคาสวรรค์ล้วนเคยถูกสาปแช่งทั้งสิ้น ในอดีตข้านึกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นตัวละครลับของกลุ่มอำนาจในฟ้าบุพกาล หรือว่าแม้แต่ท่านเองก็ถูกเขาสาปแช่งด้วยเช่นกัน”
เจ้านวฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “ย่อมมิใช่เช่นนั้น เพียงแต่เราทำนายพบบ่วงกรรมของเขาว่าจะชักนำให้เกิดเคราะห์ภัยใหญ่หลวงขึ้น”
“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ เค้าคือผู้ใดกัน ท่านเรียกระดมผู้สร้างมรรคารายอื่นมาร่วมปราบเขาด้วยกันเถิด ข้าพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาแล้วเช่นกัน ทว่ากลับไม่อาจทำนายถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ น่าประหลาดจริงๆ หรือว่าเขาก็เป็นผู้สร้างมรรคาเช่นกัน”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เจ้านวฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการใช้หนังสือเล่มหนึ่งในการสาปแช่ง เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีผู้บำเพ็ญในมรรคาสวรรค์ที่มีของวิเศษเป็นหนังสือ”
หานเจวี๋ยพูดอย่างครุ่นคิด “ความจริงในมรรคาสวรรค์มีผู้บำเพ็ญมากมายที่มีของวิเศษเป็นหนังสือ แต่ขอบเขตกว้างมาก อีกทั้งตบะยังอ่อนแอทั้งสิ้น ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือฝูซี เขามีหนังสือแผนผังแปดทิศ และเป็นลูกศิษย์บรรพชนเต๋าอีกด้วย”
เจ้านวฟ้าบุพกาลพูด “ตบะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธกาลคงจะไม่แข็งแกร่งนัก เพียงแต่เป็นยอดสมบัติเลิศมรรคา เจ้าน่าจะทราบถึงความแข็งแกร่งของยอดสมบัติเลิศมรรคาดี อาจจะคุกคามถึงตัวผู้สร้างมรรคาไม่ได้ แต่กลับสามารถปกปิดบ่วงกรรมได้ ทำให้ผู้สร้างล้วนทำนายไม่พบตัวตน อาณาเขตเต๋าของเจ้าก็น่าจะเป็นยอดสมบัติเลิศมรรคาเช่นกัน ดังนั้นในช่วงที่เจ้ายังไร้กำลังจึงไม่มีผู้ใดสืบเสาะพบตัวเจ้า”
หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าวไปว่า “ผู้อาวุโส นี่ท่านกำลังสงสัยข้าอยู่หรือ คิดว่าข้าสาปแช่งท่านอยู่ในอาณาเขตเต๋าอย่างนั้นหรือ แต่การที่ท่านสามารถเข้าฝันข้าได้ ก็บ่งชี้ชัดเจนแล้วว่าอาณาเขตเต๋าของข้าไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น”
เจ้านวฟ้าบุพกาลเงียบไป
[เจ้านวฟ้าบุพกาลเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
เล่นบ้าอะไรกัน!
สถานการณ์แบบนี้ก็เกิดความประทับใจได้หรือ
หรือนี่จะเป็นการหยั่งเชิง
หานเจวี๋ยประหลาดใจ ทว่ายังคงไม่กล้าวางใจ ระดับหนึ่งดาวไม่นับเป็นอันใดเลย
เจ้านวฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “ข้าจะมอบหมายภารกิจอย่างหนึ่งให้เจ้า สืบหาตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หากสืบพบข้าจะมอบโอกาสวาสนาประการหนึ่งให้แก่เจ้า เป็นโอกาสวาสนาที่สามารถทำให้เจ้าก้าวหน้าในระดับผู้สร้างมรรคาได้!”
สุ้มเสียงเขาเรียบเฉย ทว่าแฝงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม