ตอนที่ 1076 สมบัติของแคว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1076 สมบัติของแคว้น

“ระยะเวลาสิบเพียงพอให้เทียนเฟิ่งทำให้เมืองของต้าโจวกลายเป็นของพวกท่านอย่างสมบูรณ์ พวกท่านจะลงหลักปักฐานที่นั่นทันที!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า หญิงสาวเปิดเผยแผนการของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นตามตรง “เช่นนี้เทียนเฟิ่งจะได้มีเมืองเป็นฐานทัพให้กองทัพช้างบุกทำลายเมืองต่อๆ ไปได้อย่างสะดวกขึ้น”

“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวคิดมากเกินไปแล้ว” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่ยอมรับ “หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนี้พวกเราอยู่ในซีเหลียงแล้ว เทียนเฟิ่งใช้ซีเหลียงเป็นฐานทัพไม่ดีกว่าหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าที่เดินตรงไปยังรถม้า จากนั้นหันกลับไปมองซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น หญิงสาวยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งยังไม่อยากรับสารภาพออกมาตรงๆ พวกเขายังอยากรักษามิตรภาพระหว่างสองแคว้นอยู่

กองทัพช้างคือคำข่มขู่ของเทียนเฟิ่ง ทว่า หลังจากพบหน้าจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งในวันนี้แล้ว ไป๋ชิงเหยียนแน่ใจว่าด้วยความทะเยอทะยานของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นผู้นี้และสถานการณ์ของเทียนเฟิ่งในตอนนี้ ต้าโจวต้องได้ทำสงครามกับเทียนเฟิ่งแน่นอน

ตอนนี้เข้าช่วงฤดูหนาวแล้ว ช้างกลัวความหนาว สำหรับเทียนเฟิ่งแล้วนี่ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะทำสงคราม ทว่า สำหรับต้าโจว…นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ข้าคิดมากไปหรือไม่จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งรู้ดีที่สุด สำหรับข้าแล้วสิ่งที่จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งกล่าวออกมายากจะเชื่อถือ ข้าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ข้าต้องคิดเพื่อต้าโจว ข้าจะเอาแคว้นต้าโจวที่ยิ่งใหญ่มาเสี่ยงเพราะความประมาทไม่ได้ ดังนั้นต้าโจวไม่เห็นด้วยกับสัญญาที่เทียนเฟิ่งเสนอมา ต้าโจวและซีเหลียงอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้ ต้องเปิดสงครามกันอย่างแน่นอน เทียนเฟิ่งจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยหรือไม่ไม่ได้สำคัญกับต้าโจวสักนิด!”

เกล็ดหิมะร่วงลงบนขนตาแพยาวของไป๋ชิงเหยียน ดวงตาลึกล้ำของไป๋ชิงเหยียนยากจะคาดเดาความรู้สึก หญิงสาวยกยิ้มน้อยๆ สีหน้าเรียบเฉยราวกับกำลังสนทนาเรื่องทั่วไปกับซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น

มองเห็นแววตาเช่นนี้ผ่านหิมะที่โปรยลงมาทำให้อารมณ์ที่ว้าวุ่นของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นสงบลงอย่างน่าประหลาด

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ทว่า นี่คือฤดูหนาว อากาศหนาวไม่เป็นผลดีต่อกองทัพช้าง ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเม้มปากแน่น “หากอวิ๋นพั่วสิงเสียชีวิตแล้วเล่า”

“เช่นนั้นก็ยังมีครอบครัวของอวิ๋นพั่วสิงอยู่ ให้พวกเขาออกมาทำสงครามก็สิ้นเรื่อง…”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงจับมือไป๋จิ่นจื้อก้าวขึ้นไปบนรถม้า ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยื่นมือออกไป “ระวังด้วย…”

สายตาของไป๋ชิงเหยียนเหลือบไปเห็นหยกจักจั่นในมือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น หญิงสาวชะงักฝีเท้าลงทันที

มือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยังไม่ทันสัมผัสโดนไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงอวี๋รีบถลาเข้ามาจับมือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไว้ก่อน หยางอู่เช่อจับดาบที่เอวของตัวเองแน่น เสิ่นชิงจู๋และไป๋จิ่นจื้อถลาเข้าไปขวางหน้าไป๋ชิงเหยียนเอาไว้

องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นชักดาบออกมาทันที ทหารต้าโจวจึงชักดาบออกมาเช่นเดียวกัน

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ท่านอาเก้า!” มู่หรงลี่มีสีหน้าเคร่งเครียด

สีหน้าของมู่หรงเหยี่ยนเคร่งขรึมลง “เดินไปดูสักหน่อย ต้าโจวเพิ่งทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับต้าเยี่ยน จะปล่อยให้ผู้อื่นลงมือกับจักพรรดินีแห่งต้าโจวที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด”

“ขอรับ!” เยว่สือพาองครักษ์สองสามคนเดินไปทางไป๋ชิงเหยียน

แม้มีไป๋ชิงอวี๋อยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนเขาต้องปกป้องหญิงสาวได้แน่ ทว่า มู่หรงเหยี่ยนยังไม่วางใจอยู่ดี

“มิเป็นอันใด…” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยกมือส่งสัญญาให้ลูกน้องของตัวเองลดดาบลง

ไป๋ชิงอวี๋จึงปล่อยแขนของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นโค้งกายขอขมาไป๋ชิงเหยียน “ทำให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวตกใจแล้ว”

ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่คิดยื่นมือมาช่วยพยุงพี่หญิงใหญ่ของตัวเองด้วยแววตาแปลกๆ จากนั้นดันร่างของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นออกห่างอย่างไม่เกรงใจ

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเห็นหยกจักจั่นในมือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น หญิงสาวกำถุงเงินที่แขวนอยู่ที่เอวของตัวเองแน่นทันที หยกจักจั่นยังอยู่ในนั้น…

“นี่คือ…” ไป๋ชิงเหยียนมองดูหยกจักจั่นในมือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น

“นี่มันหยกจักจั่นของพี่เขยนี่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น “ท่านได้มาจากที่ใดกัน”

ไป๋จิ่นจื้อเคยหยกจักจั่นอันนี้ เซียวหรงเหยี่ยนเคยคลำหยกจักจั่นเล่นในมือเป็นประจำดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

แม้เซียวหรงเหยี่ยนจะมองไม่ชัด ทว่า ประสาทการได้ยินของเขาดี เมื่อได้ยินคำว่าหยกจักจั่นของพี่เขยจึงคิดว่าอีกสักครู่ค่อยสอบถามเรื่องราวจากไป๋ชิงเหยียน

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นก้มมองหยกจักจั่นในมือของตัวเอง เมื่อได้ยินไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถามเช่นนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เกาอี้จวินเคยเห็นหยกจักจั่นนี่หรือ”

ไป๋จิ่นจื้อเตรียมเอ่ยตอบ ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนบีบมือแน่นเสียก่อน สาวน้อยเอ่ยตอบ “เคยเห็น ข้าจึงถามว่าท่านได้มาจากที่ใด”

“หยกจักจั่นคือสมบัติของแคว้นเทียนเฟิ่ง คือสัญลักษณ์ประจำตัวของจักรพรรดิแห่งแคว้น เดิมทีมีอยู่เป็นคู่!” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นโค้งกายให้ไป๋จิ่นจื้อ “ไม่ทราบว่าเกาอี้จวินทราบหรือไม่ว่าตอนนี้หยกอีกชิ้นอยู่ที่ใด หากสามารถนำหยกอีกชิ้นกลับคืนสู่เทียนเฟิ่งได้ เทียนเฟิ่งยอมแลกได้ทุกสิ่ง!”

“สามีผู้ล่วงลับไปแล้วของข้าเคยมีหยกจักจั่นเช่นนี้อยู่ ทว่า ต่อมาไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว ดังนั้นเมื่อเกาอี้จวินเห็นหยกจักจั่นของท่านจึงคิดว่าเป็นของสามีข้า ทว่า ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงก้มหน้าให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเล็กน้อย จากนั้นจับมือไป๋จิ่นจื้อขึ้นไปบนรถม้า

สมบัติของแคว้นเทียนเฟิ่งอย่างนั้นหรือ

ไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อคำกล่าวของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งผู้นี้ ทว่า ดูจากสีหน้าตื่นเต้นของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่ง หยกจักจั่นคงมีความหมายกับแคว้นเทียนเทียนเฟิ่งมาก

ไป๋จิ่นจื้อประคองไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้าเสร็จจึงลงจากรถม้า สาวน้อยมองดูซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่เดินถือหยกจักจั่นมาทางนางด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

ทว่า จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งกลับโค้งกายให้ไป๋จิ่นจื้ออีกครั้ง “ขอถามเกาอี้จวินสักนิด หยกจักจั่นของภัสดาของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเหมือนกับหยกจักจั่นชิ้นนี้ไม่มีผิดเพี้ยนใช่หรือไม่ มันสูญหายหรือถูกฝังไปพร้อมร่างของภัสดากันแน่”

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินจึงเดือดดาลขึ้นทันที “หากถูกฝังไปพร้อมร่างของพี่เขยข้าท่านจะไปขุดหลุมศพของพี่เขยข้าขึ้นมาดูหรืออย่างไร! พี่หญิงใหญ่ของข้าบอกว่าหายไปแล้วก็คือหายไปแล้ว…”

กล่าวจบไป๋จิ่นจื้อกระโจนขึ้นไปบนหลังม้าทันที ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่ร้อนใจอยากรู้เรื่องหยกจักจั่นต้องรีบถอยหลังหนีไปสองสามก้าว

ไป๋ชิงอวี๋สังเกตเห็นความร้อนใจที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมีต่อหยกจักจั่นนี้เช่นเดียวกัน ชายหนุ่มขึ้นหลังม้า จากนั้นตะโกนลั่น “ออกเดินทาง!”

พลทหารม้าของต้าโจวคุ้มกันขบวนรถม้าของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเคลื่อนขบวนออกไปจากค่าย มุ่งหน้าไปยังกองทัพซึ่งชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งอยู่ทางทิศเหนือ

ทหารของต้าเยี่ยนคุ้มกันขบวนรถม้าของจักรพรรดิต้าเยี่ยนมุ่งหน้าออกจากค่ายไปยังกองทัพของตัวเองเช่นเดียวกัน

หลี่เทียนฟู่เดินออกมาจากกระโจมใหญ่ หญิงสาวมองแผ่นหลังของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นพลางยกยิ้มมุมปาก

บัดนี้ต่อให้เทียนเฟิ่งไม่อยากเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ก็คงไม่มีทางเลือกอีกต่อไป

จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งเอาแต่เห็นนางเป็นคนโง่ คิดว่านางโง่จนไม่รู้เรื่องใดเลยอย่างนั้นหรือ บัดนี้แคว้นเทียนเฟิ่งถูกทะเลทรายกลืนกินทีละนิด มีเพียงขยายดินแดนใหม่เท่านั้นชาวบ้านแคว้นเทียนเฟิ่งจึงจะมีที่อยู่อาศัยต่อไป มิเช่นนั้นหากทะเลทรายกลืนกินเทียนเฟิ่งจนหมดแคว้น ชาวบ้านคงได้แต่รอความตายเท่านั้น