ตอนที่ 1077 สำคัญกว่า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1077 สำคัญกว่า

ทว่า ตอนนี้เทียนเฟิ่งยังมองความสามารถที่แท้จริงของต้าโจวและต้าเยี่ยนไม่ออก เขากลัวว่าถึงเวลานั้นเทียนเฟิ่งจะเสียเปรียบมากเกินไปจึงอยากหาข้ออ้างเช่าเมืองของพวกเขาเพื่อค่อยๆ กลืนกินซีเหลียง ต้าเยี่ยนและต้าโจวทีละนิดแทน

เทียนเฟิ่งมีเวลาค่อยๆ กลืนกินแคว้นเหล่านี้ ทว่า นางไม่มีเวลาแล้ว!

หลี่เทียนฟู่ไม่มีทางปล่อยให้เทียนเฟิ่งได้สมหวัง นางจะบีบให้เทียนเฟิ่งจำต้องร่วมมือกับซีเหลียงทำสงครามกับต้าโจวหรือไม่ก็ยึดซีเหลียงจากนั้นทำสงครามกับต้าโจวให้ได้!

หลี่เทียนฟู่ต้องการแก้แค้น เทียนเฟิ่งต้องการดินแดน ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์เช่นนี้ถึงจะเรียกว่าร่วมมือกัน…

หากซีเหลียงถูกหลอกใช้อยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายยังถูกเทียนเฟิ่งยึดครองดินแดนอีก การร่วมมือเช่นนั้นต่อให้เป็นคนโง่ก็คงไม่อยากร่วมมือด้วย!

หลี่เทียนฟู่อดทนมาจนถึงวันนี้ นางกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาต่อหน้าต้าโจวและต้าเยี่ยนเพราะต้องการผลลัพธ์เพียงสองแบบเท่านั้น

แบบแรกคือเทียนเฟิ่งไม่กล้าลงมือกับซีเหลียงขั้นเด็ดขาด ซีเหลียงยอมมอบเสบียงเลี้ยงดูกองทัพทั้งหมดของเทียนเฟิ่ง หากเทียนเฟิ่งแว้งกลับมายึดครองซีเหลียง ต้าโจวและต้าเยี่ยนคงไม่ปล่อยเทียนเฟิ่งไว้แน่ เทียนเฟิ่งต้องทำสงครามกับต้าเยี่ยนและต้าโจวแน่นอน!

ผลลัพธ์แบบที่สองคือเทียนเฟิ่งยึดครองซีเหลียง ทว่า ต้าเยี่ยนและต้าโจวทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้ว พวกเขาจะทนเห็นเทียนเฟิ่งยึดครองซีเหลียงแล้วค่อยบุกไปทำลายแคว้นพวกเขาอย่างนั้นหรือ จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งไม่ใช่คนที่จะพอใจเพียงแค่ได้ครอบครองซีเหลียงเท่านั้น ถึงเวลานั้นเทียนเฟิ่งต้องทำสงครามกับต้าเยี่ยนและต้าโจวอยู่ดี

ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบใดหลี่เทียนฟู่ล้วนบรรลุเป้าหมายของตัวเองแน่นอน

หญิงสาวมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นนิ่ง แสยะยิ้มเย็นออกมาเล็กน้อย จากนั้นจับมือนางกำนัลเดินจากไป

เมื่อขบวนรถม้าของต้าเยี่ยนและต้าโจวจากไป ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นทนต่อไปอีกไม่ไหว เขารีบเดินกลับเข้าไปในกระโจม กำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังนิ่ง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ออกไป!”

“ฝ่าบาท…” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์เห็นซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเดินกลับเข้ามาในกระโจมอย่างรีบร้อนจึงคิดว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอยากรู้ว่าผู้ใดคือเจ้าของดินแดนที่เทพเจ้าเลือกกันแน่ เขารีบพยุงร่างที่ขาอ่อนแรงลุกขึ้น “จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและ…”

“หยกจักจั่นอีกชิ้นอาจอยู่ที่ต้าโจว!” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวเสียงเบา

ลูกศิษย์คนโตของจอมเวทย์ตะลึงไปชั่วขณะ ไม่นานสีหน้าของเขาซีดเผือดลงทันทีดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไป๋ชิงเหยียนนั่งมองสำรวจหยกจักจั่นในมืออยู่ในรถม้าที่โคลงเคลง หญิงสาวมั่นใจว่าหยกจักจั่นในมือของนางเหมือนกับหยกจักจั่นของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่มีผิดเพี้ยน

ทว่า เหตุใดซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงให้ความสนใจกับหยกจักจั่นมากถึงเพียงนี้กัน

เขาบอกว่านี่คือสมบัติของแคว้น

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวว่านี่คือสมบัติของจีโฮ่ว ตอนนั้นจีโฮ่วแขวนสร้อยหยกจักจั่นไว้ที่คอของเขา กล่าวว่าสิ่งนี้สามารถคุ้มครองชีวิตของเขาให้ปลอดภัยได้ ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงมอบหยกนี้ต่อให้นาง

ไป๋ชิงเหยียนวางหยกจักจั่นลงบนผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ปูอยู่บนโต๊ะใกล้กับตะเกียงไฟ หญิงสาวอยากพิสูจน์ว่าหยกจะมีปฏิกิริยาอันใดเมื่อสะท้อนแสงไฟหรือไม่ ทว่า นางไม่เห็นสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อย

จักรพรรดิเทียนเฟิ่งให้ความสนใจหยกจักจั่นถึงเพียงนี้ เมื่อครู่ยังรั้งเสี่ยวซื่อไว้ถามเรื่องนี้ต่ออีก…

แสดงว่าหยกจักจั่นชิ้นนี้สำคัญกับเทียนเฟิ่งมากกว่าการควบคุมสถานการณ์ให้สงบตอนนี้

ไป๋ชิงเหยียนคงต้องถามรายละเอียดของหยกจักจั่นนี้จากเซียวหรงเหยี่ยนอีกที

ไป๋ชิงเหยียนเก็บหยกจักจั่นไว้ในถุงเงินตามเดิม จากนั้นหยิบบันทึกของจีโฮ่วขึ้นมาอ่าน

เซียวหรงเหยี่ยนยังจำการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะจากไปได้ เมื่อกลับถึงขบวนของต้าเยี่ยน ชายหนุ่มจึงพาองครักษ์ส่วนหนึ่งขี่ม้าไล่ตามขบวนของต้าโจวไป

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งเดินทางถึงจวนของเจ้าเมืองผิงหยาง เซียวหรงเหยี่ยนก็เดินทางถึงเมืองผิงหยางพอดี

เซียวหรงเหยี่ยนแสดงท่าทีนอบน้อมเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มเดินทางมาในฐานะอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน เขาให้ทหารรักษาเมืองเข้าไปรายงานไป๋ชิงเหยียนก่อน จากนั้นเซี่ยอวี่จั่งจึงพาเขาไปยังจวนเจ้าเมืองผิงหยางด้วยตัวเอง

ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสบายๆ หญิงสาวเตรียมเดินไปรับประทานอาหารพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อและไป๋ชิงอวี๋ที่เรือนหน่วนฮวา เว่ยจงก็มารายงานว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนขอพบนาง

ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อยพลางกล่าวขึ้น “ให้คนเตรียมสำรับเพิ่มอีกที่ เชิญอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไปรับประทานอาหารกับข้าที่เรือนหน่วนฮวา”

“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำอยู่ด้านนอกฉากกั้น จากนั้นจากไปทันที

อาอวี๋รู้ว่ามู่หรงเหยี่ยนคือเซียวหรงเหยี่ยนนานแล้ว ตอนนี้เสี่ยวซื่อสุขุมขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก สุดท้ายสองแคว้นต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ดี ให้เสี่ยวซื่อรู้ไว้แต่เนิ่นๆ ก็ดีเหมือนกันวันหน้านางจะได้ไม่พลาดทำร้ายพวกเดียวกันเอง

ชุนจือคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน ผูกถุงเงินไว้ที่เอวให้หญิงสาว จากนั้นลุกขึ้นยืนแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมา ชุนจือจึงเดินเข้าไปประคองแขนของไป๋ชิงเหยียนเดินไปด้านนอก หญิงสาวขมวดคิ้วกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “บ่าวมีเรื่องหนึ่งไม่ทราบว่าควรเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบดีหรือไม่เจ้าค่ะ…”

ชุนจือเป็นคนพูดน้อย หากนางกล่าวเช่นนี้แสดงว่ามีเรื่องสำคัญแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าว่ามาได้…”

“วันนี้หลังจากคุณหนูใหญ่เดินทางจากไป หมัวมัวข้างกายของฮูหยินของเจ้าเมืองมาหาบ่าว นางกล่าวเรื่องบางอย่างให้บ่าวฟังอยู่พักใหญ่ แม้บ่าวจะโง่ ทว่า บ่าวรู้ดีว่านางต้องการให้บ่าวมาเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบ…” ชุนจือกลัวไป๋ชิงเหยียนเข้าใจผิดจึงรีบกล่าวต่ออย่างรีบร้อน “บ่าวไม่อยากทำ ทว่า หมัวมัวผู้นั้นยัดเครื่องประดับศีรษะทับทิมให้บ่าวก่อนนางจากไป บ่าวยังไม่ทันนำไปคืนคุณหนูใหญ่ก็กลับมาเสียก่อน บ่าวจึงทำได้เพียงเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบเจ้าค่ะ”

“นางกล่าวสิ่งใด” ไป๋ชิงเหยียนจับชายกระโปรงเดินลงจากบันไดของระเบียงทางเดิน

“หมัวมัวผู้นั้นกล่าวว่าฮูหยินเจ้าเมืองรู้ว่าคุณหนูใหญ่จะมาพักที่นี่จึงสั่งให้คนเก็บกวาดเรือนใหม่ให้เรียบร้อย ทว่า เจ้าเมืองเป็นเพียงบุตรอนุ ตระกูลฝ่ายมารดาของฮูหยินเจ้าเมืองเป็นเพียงคนขายสุรา ดังนั้นของที่ประดับตกแต่งภายในห้องจึงไม่ได้โอ่อ่ามากนัก ของในห้องมีแต่สีม่วงและเหลือง ไม่มีของที่ทำจากทองคำแท้เลยสักชิ้น ทว่า ล้วนเป็นของที่เจ้าเมืองและตระกูลฝั่งมารดาของฮูหยินเจ้าเมืองควักเงินที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาสั่งทำใหม่ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ นางถามบ่าวว่าคุณหนูใหญ่ไม่พอใจบ้างหรือไม่เจ้าค่ะ” ชุนจือขมวดคิ้วแน่น “บ่าวไม่แน่ใจว่าหมัวมัวข้างกายของฮูหยินเจ้าเมืองให้บ่าวเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบเพราะต้องการเงินจากคุณหนูใหญ่หรือไม่เจ้าค่ะ ทว่า นางไม่ได้ทำลงไปเพราะต้องการขอขมาแน่เจ้าค่ะ”

แม้ชุนจือจะรู้ว่าตัวเองโง่เขลา ทว่า นางติดตามรับใช้คุณหนูใหญ่มานาน อยู่ร่วมกับคนฉลาดในวังหลวงมาพักใหญ่ นางพอจะเดาจุดประสงค์ของหมัวมัวผู้นั้นออก ทว่า หากลึกลงไปกว่านั้นชุนจือก็ไม่อาจเดาได้แล้ว

ไป๋ชิงเหยียนขบขันกับคำว่าขอเงินที่ชุนจือกล่าวออกมา หญิงสาวกล่าวขึ้น “คิดไม่ตกก็ไม่ต้องเปลืองแรงคิด เจ้ารับเครื่องประดับศีรษะนั้นไว้เถิด ข้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว”

“เจ้าค่ะ!” ชุนจือรับคำอย่างดีใจ จากนั้นประคองไป๋ชิงเหยียนเดินไปยังเรือนหน่วนฮวา

ไป๋จิ่นจื้อและไป๋ชิงอวี๋เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังนั่งรอไป๋ชิงเหยียนอยู่ในเรือนหน่วนฮวาก็เห็นเว่ยจงพาอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเดินเข้ามา

ไป๋จิ่นจื้อที่ถือถ้วยชาอยู่ในมือเหลือบมองอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปหาพี่ชายห้าของตัวเอง “พวกเรารับประทานอาหารกันอยู่ เหตุใดเว่ยจงจึงพาอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเข้ามาเจ้าคะ”

เมื่อเห็นพี่ชายห้านั่งนิ่งไม่ขยับ ไป๋จิ่นจื้อเห็นแก่ที่สองแคว้นเพิ่งทำสัญญาพันธมิตรกันจึงวางถ้วยชาลง จากนั้นลุกขึ้นยืน