บทที่ 1120 อาละวาดใหญ่โต

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1120 อาละวาดใหญ่โต

บทที่ 1120 อาละวาดใหญ่โต

สิ้นบทสนทนา อาหารเย็นก็พร้อมเสิร์ฟ

ระหว่างกินข้าวเธอคุยเรื่องหูเสี่ยวเหลียนให้อาใหญ่ฟัง

“ตอนหนูได้ยินเรื่องนี้หนูตกใจมากเลยค่ะ เจ้าสองคนนั้นมันรวมหัวกันกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ!”

ซูเสี่ยวเถียนบ่นไม่หยุด

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!

ทำไมต้องมีคนหน้าด้านสองคนพร้อมกันด้วย?

ชีวิตอันสวยงามของหูเสี่ยวเหลียนจำต้องเปลี่ยนไปเพราะเจอคนใจร้าย

“ถ้าไม่ได้เจอสามีดี ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนทุกข์ระทมทั้งนั้น” ซูหม่านซิ่วทอดถอนใจ

“มันยังมีคนที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกหรือคะ? เซี่ยงอิงนั่นทำตัวเหมือนหมาชัด ๆ ทำในสิ่งที่มนุษย์เขาไม่ทำกัน!”

ซูซื่อเลี่ยงเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องถึงพูดแบบนั้น

หูเสี่ยวเหลียนเป็นคนที่น่าสงสารเหลือเกิน ส่วนเซี่ยงอิงต่ำช้ายิ่งกว่าหมูกว่าหมาเสียอีก

“ผมไม่เข้าใจ ถ้าเจอคนใหม่ทำไมไม่พูดให้มันชัดเจนแล้วก็หย่าไปเลยล่ะครับ? ทำไมต้องปิดบังไว้ด้วย?” ชายหนุ่มสงสัย

“ไม่มีอะไรเข้าใจยาก ผู้หญิงที่ชื่อหูอวี้หงรู้เรื่องและเห็นด้วยน่ะ” ซูหม่านซิ่วถอนหายใจ

ซูเสี่ยวเถียนสับสนเช่นกัน เป็นไปได้ด้วยหรือ?

รู้ว่าฝ่ายชายมีคนอื่นแล้วไม่คัดค้านเนี่ยนะ?

“ถ้ามีหูเสี่ยวเหลียนอยู่ หูอวี้หงก็ไม่ต้องดูแลพ่อแม่ให้เซี่ยงอิงไง ถ้าพูดในมุมหล่อน หูเสี่ยวเหลียนเป็นแค่ขี้ข้าน่ะ!”

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นหรอก แต่เมื่อก่อนมีเยอะเลย

มีหลายคนออกจากบ้านไปแต่งงานใหม่ในนามรักแท้ แล้วก็ทิ้งอดีตภรรยาเอาไว้ที่บ้านให้คอยดูแลคนแก่และเด็กต่อไป

ตัวซูหม่านซิ่วเมื่อก่อนรู้สึกว่านี่เป็นความเมตตาแล้ว เพราะมันช่วยให้เธอมีที่ซุกหัวนอน

แต่หลายปีที่ผ่านมาความคิดเธอเปลี่ยนไปมาก

นี่เป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุดสำหรับหูเสี่ยวเหลียนเลย

สามีเจอรักใหม่ แต่ทิ้งเมียเก่าไว้ที่บ้านเนี่ยนะ เห็นเธอเป็นอะไรน่ะ?

ไม่ใช่เมียคนโปรดหรือเครือญาติสักหน่อย!

แล้วต้องอุทิศทั้งชีวิตให้กับครอบครัวนี้เพียงเพื่อจะได้มีข้าวกินเนี่ยนะ

แต่คิดอีกมุม การออกจากที่แห่งนั้นอาจจะต้องเจ็บปวดอยู่ช่วงหนึ่ง

แต่ว่าถ้าต้องอยู่บ้านหลังนั้นนาน ๆ เฝ้ามองสามีพลอดรักกับหญิงงามอื่นไม่เจ็บปวดยิ่งกว่าหรือ?

สำหรับซูหม่านซิ่ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรุ่นใหม่จะเข้าใจได้

“เราอยู่ในสังคมใหม่แล้วนะ แต่ยังมีเรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก ต้องจัดการแล้วละ”

เฉินจื่ออันรู้สึกสะเทือนใจ

เรื่องนี้ควรเป็นตัวอย่างให้เห็น และรายงานลงหน้าหนังสือพิมพ์!

ซูเสี่ยวเถียนตกใจ

“หนูคิดว่าอาเขยจะสนใจแต่เรื่องใหญ่ ๆ เสียอีก ไม่คิดว่าจะสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย”

“เด็กดื้อ!” เฉินจื่ออันลูบหัวด้วยความเอ็นดู “ถ้าบอกว่าเล็กมันก็คงเล็ก แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เราสนับสนุนความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงมาหลายปีแล้ว แต่มันก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

ถ้าไม่จัดการอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่เรื่องราวร้ายแรงก็ได้

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้าเห็นด้วย ก็จริงนะ

หูเสี่ยวเหลียนเคยเรียนหนังสือและเกือบได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่ต้องมาโดนคนควบคุมชีวิตอีก ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้หญิงอีกหลายคนที่มีชีวิตน่าสมเพชกว่านี้ก็ได้

“ไว้โทรให้กระทรวงศึกษาธิการเขาจัดการแล้วกัน!”

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า

เซี่ยงอิงผิด หูอวี้หงก็ไม่ใช่คนดี ควรจัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า

ผู้หญิงที่ขโมยสามีคนอื่นไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!

เด็ก ๆ จะเลียนแบบเอาได้!

“หนูยกนิ้วให้เลยค่ะ!”

เฉินจื่ออันมองหลานสาว ไม่รู้ทำไมชอบพูดจาแปลก ๆ

วันรุ่งขึ้น สองพี่น้องเดินทางกลับเมืองหลวง

พวกเขาเดินทางอย่างราบรื่นมาตลอดทาง

มหาวิทยาลัยเปิดเทอมพรุ่งนี้ พวกเขาจึงต้องรีบเก็บข้าวของแล้วกลับหอทันที โดยไม่ได้คุยกับคนที่บ้านเลยสักนิด

คุณย่าซูโอดครวญ พอลูกหลานโตคงไม่อยู่บ้านกันแล้วละ

ท่านแค่บ่น ๆ ไปอย่างนั้นละ

แต่ดีใจที่เห็นพวกเขามีการมีงานทำกัน

ถ้างานยุ่ง อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าเราเก่ง

และซูเสี่ยวเถียนคือคนนั้น

รอบ ๆ มหาวิทยาลัยมีธุรกิจมาเปิดขึ้นเยอะ

เมืองขนมย่อมต้องดูแลเช่นกัน เหมือนกับร้านสินค้าเฟิงชางที่มีชื่อเสียงจนเธอมีแผนขยายสาขาเพิ่ม

เพราะยุ่งมากเลยไม่ได้ติดตามสถานการณ์ฝั่งลี่เฉิงเลย

เธอไม่ได้คิดถึงกระทั่งกลับบ้านไปในวันหยุดสุดสัปดาห์

เด็กสาวรีบโทรหาอาใหญ่เพื่อสอบถามเรื่องราว

ซูหม่านซิ่วรู้เรื่องนี้จริง ๆ

มันเป็นเรื่องใหญ่ แถมเฉินจื่ออันที่เป็นผู้นำยังเข้ามาแทรกแซงอีก หนังสือพิมพ์ก็รายงานข่าวในเชิงลบเช่นกัน

หูเสี่ยวเหลียนบุกไปอาละวาดที่โรงเรียนจริง ๆ

หูอวี้หงผู้มาแทนตำแหน่งเธอ ได้ร่ำเรียนมหาวิทยาลัยและได้แต่งงานกับเซี่ยงอิง ในเวลาต่อมาก็สอนภาษาจีนที่โรงเรียนแห่งนี้

ด้วยความที่เป็นคนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ จึงเป็นคนที่เกียจคร้านที่สุดอันดับหนึ่ง

เดือนหกเมื่อปีที่แล้วเธอเพิ่งแต่งงานกับเซี่ยงอิง ก็จัดงานฉลองอลังการ

หูอวี้หงตอนแต่งงานสวยมาก ตอนหูเสี่ยวเหลียนมาที่บ้านก็ได้แต่อึดอัดใจ

นอกจากไม่ได้รับความนิยมที่โรงเรียน กอปรกับหูเสี่ยวเหลียนมาอาละวาดด้วย จึงมีคนเสนอช่วยไม่เท่าไร

หูเสี่ยวเหลียนชี้แจงทุกอย่างอย่างชัดเจน ทั้งยังเล่าเรื่องหูอวี้หงให้เซี่ยงอิงยักยอกเงินเพื่อจะได้อยู่สุขสบายด้วย

หูอวี้หงคิดอธิบาย แต่ว่าตนมักโอ้อวดความมั่งคั่งที่โรงเรียน ครูทุกคนจึงรู้ว่าฐานะบ้านเจ้าตัวถือว่าดี

แต่พอรู้แหล่งที่มาของเงินพวกนั้น สายตาพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที

แถมสิ่งที่เจ้าตัวทำยังผิดจรรยาบรรณอย่างมาก เลยโดนทุกคนดูถูก

โดยเฉพาะครูผู้หญิงที่เกลียดผู้หญิงอย่างหูอวี้หงที่สุด

สำหรับพวกเธอแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้

หูอวี้หงไม่มีที่ให้ยืนสักนิด

พ่อแม่บางคนได้ยินเหตุการณ์ของหูอวี้หงก็มาหาที่บ้านและบอกว่าคงให้ลูกเรียนด้วยไม่ได้เพราะกลัวจะเสียคน

ทีแรกครูใหญ่จะระงับแค่ตารางสอนของหูอวี้หง แต่ผู้ปกครองอาศัยจังหวะนั้นมาโวยวายที่โรงเรียน