บทที่ 1155 แป้งทอดน้ำมันหมู

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1155 แป้งทอดน้ำมันหมู

จากนั้นหลี่เจี้ยนหงก็เล่าให้ฟังคร่าว ๆ

อิ่นหรูอวิ๋นมีน้องชายไม่ได้เรื่องอยู่คนหนึ่ง เป็นน้องที่ใช้ความลำเอียงของพ่อแม่เพื่อทุก ๆ อย่าง

หลังจากพี่สาวโดนไล่ออก จึงย้ายจากเมืองหลวงไปตะวันตกเฉียงเหนือเพราะที่บ้านรู้สึกว่าอิ่นหรูอวิ๋นทำให้ขายหน้า

ยิ่งกับตัวน้องชายที่เอาแต่พูดว่าถ้ามีพี่สาวคนนี้อยู่ในบ้าน เขาจะออกจากครอบครัวเสีย

พ่อแม่ของอิ่นหรูอวิ๋นที่เดิมทีรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่แล้วจึงบังคับให้อิ่นหรูอวิ๋นออกไป

ถ้าหลังจากขับไล่ออกไปแล้วไม่ขอเงินลูกสาวเพื่อแสดงความกตัญญูและเอามาเลี้ยงดูน้องชายไร้ความสามารถก็ว่าไปอย่าง

แต่กลายเป็นว่าพอเห็นอิ่นหรูอวิ๋นโดนทำลายชื่อเสียง กลับอยากให้เจ้าตัวช่วยหาเงินให้

แล้วทั้งครอบครัวก็ได้เงินจากเธอไปมหาศาล แล้วก็ยังไม่ไว้หน้ากันด้วย

ยิ่งพี่สะใภ้เอาแต่ด่าทั้งวัน ทำอย่างกับว่าอิ่นหรูอวิ๋นเป็นผู้หญิงใจง่าย

ขอแค่ในบ้านเกิดความขัดแย้งขึ้นก็จะเอาเรื่องนี้มาอ้างแล้วบอกว่าตัวเองเป็นหญิงสาวจากครอบครัวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ต้องมาแต่งเข้าครอบครัวไร้ยางอายแบบนี้

ผู้หญิงคนนี้ทำตัวน่าขบขันจริง ๆ พวกสินสอดตัวเองไม่สนใจสักนิด แล้วก็ให้อิ่นหรูอวิ๋นจัดการแทน

“ที่จริงอิ่นหรูอวิ๋นหายตัวไปสองปีแล้วน่ะ ที่บ้านเขาหากันไม่เจอ แล้วไม่มีเงินใช้”

“พี่ชายพี่สะใภ้เป็นพวกขี้เกียจ ใช้ชีวิตด้วยเงินพ่อเงินแม่ พอเงินขาดมือก็เกิดเรื่องขึ้นมา”

หลี่เจี้ยนหงเศร้าใจนัก

คนเราก็แบบนี้ เดินทางผิดตลอดชีวิตก็ยากจะกลับตัวแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนนึกย้อนเรื่องของอิ่นหรูอวิ๋น

“หลังจากนั้นอิ่นหรูอวิ๋นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่น่ะ ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่ทางใต้นะ!” ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยเบา ๆ

เธอพูดเหมือนวันนี้ดินฟ้าอากาศปกติ

แต่หลี่เจี้ยนหงตกใจมาก

หลังจากนั้นก็ตั้งสติได้ว่าได้ยินจริง ๆ ไม่ใช่ความฝัน

“จริงหรือ? เธอรู้ได้ยังไงน่ะ?”

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “ฉันเจอเขาบนรถไฟน่ะ เลยให้คำแนะนำไปนิดหน่อย หลังจากนั้นเจ้าตัวก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอทิ้งจดหมายไว้ให้ฉันด้วย”

ซูเสี่ยวเถียนไม่เคยบอกใครเลย

อิ่นหรูอวิ๋นเลือกลงใต้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอไม่อยากให้ใครหรือคนรู้จักทราบสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองด้วย

เพราะงั้นก็เลยไม่บอกใคร

แต่พอได้ยินเรื่องราวจากหลี่เจี้ยนหงแล้ว ยิ่งไม่อยากให้ใครรู้เข้าไปใหญ่

ตระกูลอิ่นยังมีเงินเดือนอยู่ ถึงฐานะจะไม่ได้ดีมากแต่ยังมีกินอยู่

หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา ไม่รู้แล้วว่าน้องชายคนนั้นเป็นยังไงแล้ว ให้อิ่นหรูอวิ๋นอยู่ห่าง ๆ จากคนพวกนี้จะดีกว่า

หลี่เจี้ยนหงเข้าใจได้ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่บอกก็ดีแล้ว ถ้ากำจัดครอบครัวแบบนี้ได้ อิ่นหรูอวิ๋นอาจมีการมีงานให้ทำก็ได้นะ”

ว่าจบก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านนอก เป็นเฉียนเสี่ยวเป่ยนั่นเอง

ตอนนี้เจ้าตัวผอมลง ผิวเข้มขึ้นมาก แต่ออร่าต่างไปจากเมื่อก่อนสุด ๆ

“เสี่ยวเป่ย ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าทำอะไรก็คิดว่าเธอไปขุดเหมืองนะ” ซูเสี่ยวเถียนหยอก

เฉียนเสี่ยวเป่ยยิ้มตอบ “นอกจากทำงานแล้ว ฉันต้องหาเวลาไปวิ่งขายของด้วยน่ะ จะไม่ให้ดำขึ้นผอมลงได้ยังไง?”

“แบบนี้นี่เอง!” ซูเสี่ยวเถียนหยอกอีกรอบ

เฉียนเสี่ยวเป่ยเขินมาก

“เสี่ยวเถียน เธออายุเท่าไรทำไมรู้เยอะจัง ไม่คิดถึงพี่อี้หย่วนบ้างหรือ?”

นิสัยของเฉียนเสี่ยวเป่ยเปลี่ยนไปเยอะ จึงโต้กลับคำหยอกล้อบ้างแล้ว

เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมา

ถ้าคริสติน่าพูดไม่ผิดเขาน่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้สินะ

ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

“ว่าแต่เธอเถอะ ลามมาเรื่องฉันได้ยังไงเนี่ย? ฉันเพิ่งอายุเท่าไรเอง พี่ ๆ ก็บอกแล้วไงว่าจะมีแฟนได้อย่างน้อยก็ต้องอายุยี่สิบสี่ก่อน!”

ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

อายุน้อยก็มีข้อดีเหมือนกันนะ!

พี่ ๆ พูดแบบนี้จริง ใครที่กล้าจีบน้องสาวก่อนเธออายุยี่สิบสี่ปีต้องโดนหักขาแน่!

ซูเสี่ยวเถียนเลยคิดว่าพี่ ๆ คงไม่ให้เธอแต่งงานตั้งแต่เด็กแน่นอน

คงได้แต่งตอนยี่สิบห้าไม่ก็ยี่สิบหกนู่นแหละ

ในเมื่อเพื่อนสนิทมาหา เธอจึงไม่เขียนแผนการต่อ รีบเก็บข้าวของแล้วไปเดินเที่ยวแทน

“เด็ก ๆ รอก่อนนะ เดี๋ยวย่าทำขนมให้กิน ใกล้จะเสร็จแล้วจ้ะ จะได้เอาไปกินกันด้วย!” คุณย่าซูรีบเอ่ยเมื่อเห็นสาว ๆ กำลังจะออกไป

“คุณย่า วันนี้ทำของอร่อยอะไรให้คะ?” หลี่เจี้ยนหงกอดแขนแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“ย่าทำแป้งทอดน้ำมันหมู อร่อยนะ”

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้

แป้งทอดน้ำมันหมูอร่อยมาก เธอชอบมาตลอดเลย

แป้งทอดน้ำมันหมูก็ตามชื่อนั่นแหละ ทำมาจากน้ำมันหมู

อาหารมัน ๆ ถือเป็นของหายากในยุคนี้เพราะใช้น้ำมันหมูเยอะ

ถ้าที่บ้านมีน้ำมันหมูเราจะเอามาทำอาหารกินได้หลายวันเลย แต่ถ้าทำแป้งทอดน้ำมันหมูมื้อเดียวก็หมดแล้ว

หลี่เจี้ยนหงชอบเหมือนกัน

แต่เธอเป็นคนกินเค็ม ส่วนซูเสี่ยวเถียนเป็นคนกินหวาน

“แป้งทอดน้ำมันหมูหรือคะ?” เฉียนเสี่ยวเป่ยตื่นเต้นมาก

เธอมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือเช่นกัน ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านทำให้กินด้วยนะ

แต่พ่อแม่ไม่ค่อยอยากทำเพิ่มให้ ทุกครั้งที่ทำก็จะมีแค่พี่ชายน้องชายได้กินเท่านั้น ส่วนเธอไม่คู่ควรได้กินมัน

เลยทำให้ความคิดมันฝังรากลึกว่าเธอไม่สมควรได้กินจริง ๆ

“วันนี้ย่าทำทั้งรสเค็มรสหวานเลย กินตอนร้อน ๆ เลยนะเสี่ยวเป่ยน่าจะกินจนชินแล้วเนอะ?”

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้จะตอบยังไง

กินจนชินหรือ?

ไม่รู้สิ

หรือควรถามว่า ‘อยากกินไหม’ หรือเปล่า?

ฉับพลันที่ดวงตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

โชคดีที่เธอต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว เลยอดกลั้นอารมณ์ไว้ได้

“แป้งทอดน้ำมันหมูเป็นของล้ำค่ามากเลยค่ะ ของหายากเลย ไม่คิดเลยว่าวันนี้ย่าจะทำด้วยค่ะ”

คุณย่าซูยิ้ม “เมื่อก่อนสมัยที่ฐานะบ้านเรายังย่ำแย่อยู่ก็ไม่ค่อยอยากใช้มันหรอก แต่ตอนนี้ดีมากแล้ว กลัวก็แต่พอผ่านไปนาน ๆ คนจะไม่ชอบกันเอา!”

ซูเสี่ยวเถียนถอนหายใจ คุณย่าเก่งมากเลย รู้ด้วยว่าอนาคตสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนจะดีขึ้น แล้วก็จะไม่ชอบอะไรมัน ๆ เยิ้ม ๆ

แต่ว่าแป้งทอดน้ำมันหมูก็ยังขายได้ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือนะ

เห็นเลยว่ามันเป็นของที่เพิ่มพลังมาก

สามสาวหยิบเลือกตามรสชาติที่ชอบไปกิน

แป้งทอดน้ำมันหมูเพิ่งออกจากหม้อ กลิ่นน้ำมันหมูเข้มข้นกระตุ้นน้ำย่อย อร่อยจนอธิบายไม่ได้เลย

เฉียนเสี่ยวเป่ยกินทั้งน้ำตา

เธอรีบเช็ดออกแล้วเอ่ยชม “แป้งทอดน้ำมันหมูฝีมือคุณย่าอร่อยมากเลยค่ะ ผลงานอันดับหนึ่งในโลกเลย!”