บทที่ 1156 ได้เจอคนรู้จัก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1156 ได้เจอคนรู้จัก

คุณย่าซูที่ได้คำชมก็มีความสุขไม่น้อย

“ถ้าหนูชอบก็กินเยอะ ๆ เลย รสหวานก็อร่อยนะ รสเค็มก็ไม่เลว!”

เฉียนเสี่ยวเป่ยกินรสหวานหมดก็ต่อด้วยรสเค็มอย่างไม่เกรงใจ

พอได้ลองกินไปสองชิ้น ความยึดติดในใจหายไปจนหมดสิ้น!

แม้บนโลกนี้จะมีคนไม่ชอบเรา แต่ก็ยังมีคนที่ชอบอยู่ด้วย!

เราต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่ายึดติดอดีต

“ขอบคุณมากค่ะ หนูไม่ได้กินมาตั้งหลายปีเลย!”

เธอเข้าไปกอดหญิงชรา

คุณย่าซูเป็นคนฉลาด รับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้มีอะไรในใจ

แต่เธอไม่ได้ถาม

“ไว้ถ้าอยากกินอีกก็มาที่บ้านนะ เดี๋ยวย่าทำให้กิน!”

“ได้เลยค่ะ!”

จากนั้นคุณย่าซูก็ห่อกลับไปให้อีกหลายชิ้น บอกให้เอากลับไปกินด้วย

เฉียนเสี่ยวเป่ยขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนรับมันมา

เมื่อรู้ว่าเรานัดคนอื่นไว้ด้วยท่านก็ฝากมาให้อีก

แป้งทอดน้ำมันหมูหม้อใหญ่ไม่เหลือสักชิ้น

คุณปู่ซูถอนหายใจ “หมดแล้วหรือ ฉันเพิ่งกินไปชิ้นเดียวเอง!”

“ดูซิตาแก่ คุณก็ได้กินแล้วไม่ใช่หรือไง?” คุณย่ามองด้วยความโมโห

คุณปู่ซูรีบอธิบายทันที “ไม่ใช่ว่างกหรือตะกละหรอก ก็บ้านเราไม่ได้ทำกินมานานแล้วนี่”

พอได้ยินแบบนั้นก็เห็นด้วย คำนวณดูแล้วล่าสุดทำไปช่วงปีใหม่ ตั้งหลายเดือนแน่ะ

“ไว้ทำเพิ่มอีกแล้วกัน ให้บ้านเหล่าซานกับเจ้าพวกเหลือขอมันได้กินด้วย”

ชายชรามีความสุขมาก ก่อนจะช่วยภรรยาจุดไฟ

สาว ๆ ออกเดินทางแล้วมุ่งไปยังจุดหมายทันที!

เป้าหมายคือซื้อเสื้อ และนัดเจอกับจ้าวหงเหมย

ทว่าเพื่อนไม่ได้มาหาที่บ้าน แต่จะไปเจอที่จุดหมายแทน

ตอนไปถึงเจ้าตัวได้รออยู่ก่อนแล้ว

พอเห็นทั้งสามก็รีบโบกมือให้อย่างแรง

“รีบไปกันเถอะ ไม่งั้นแขนหงเหมยได้หลุดออกมาแน่!” หลี่เจี้ยนหงเห็นท่าทางถึงกับแย้มยิ้มออกมา

“เมื่อครู่ระหว่างรอพวกเธอฉันดื่มน้ำหวานไปถ้วยหนึ่งด้วย อร่อยมาก!”

พอได้พบกันจ้าวหงเหมยรีบแนะนำของดีให้ฟังทันที

“น้ำหวานหรือ? มีอะไรอร่อยกัน? กลับบ้านไปกินไม่อร่อยหรือไง?”

หลี่เจี้ยนหงไม่เข้าใจว่าน้ำหวานที่ว่ามันคืออะไร

“มันไม่ได้ทำจากน้ำตาลทรายขาวน่ะสิ จะว่ายังไงดี งั้น… เดี๋ยวพาไปดู อร่อยจริง ๆ นะ!”

จ้าวหงเหมยอธิบายไม่ถูกเลยจับมือเผื่อแล้วพาไปที่ร้าน

สองคนที่เหลือมองตัวการ ก่อนตามไปด้วย

“มันคือน้ำแข็งถั่วแดงน่ะ ตอนกินคำแรกมันสุดยอดมากเลย ต่างจากพวกซุปถั่วแดงที่เรากินกันบ่อย ๆ ด้วยนะ”

จ้าวหงเหมยขายเต็มที่

ถ้าไม่รู้ก็คิดว่าเป็นนายหน้าด้วยซ้ำ

ซูเสี่ยวเถียนได้ฟังก็เข้าใจ น้ำหวานที่ว่าน่าจะเป็นน้ำหวานของลี่เฉิง

ถ้าจำแนกออกมามันคือขนมหวานของกวางตุ้งน่ะ

คนในลี่เฉิงและหรงเฉิงจัดขนมหวานเป็นน้ำหวานหมดเลย

ตอนไปที่นั่นเคยกินอยู่ อร่อยมาก

แต่ว่าในเมืองหลวงมีอาหารกวางตุ้งไม่เท่าไรเองนี่ ไม่น่าได้กินขนมพื้นเมืองที่นั่นหรือเปล่า?

เพราะรสชาติในแต่ละที่จะต่างกันออกไป ถึงในเมืองหลวงจะมีขาย แต่น้อยมากที่รสชาติจะเหมือนในท้องถิ่นแท้ ๆ!

ไม่รู้ว่าที่หงเหมยได้กินวันนี้เป็นของปลอมหรือเปล่า

ยามไปถึงแผงลอยเป็นต้องตกใจเมื่อพบว่าเจ้าของร้านคือคนรู้จัก!

ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นภรรยาเซี่ยงอิง โอ๊ะ! ไม่สิ หูเสี่ยวเหลียนอดีตภรรยาของเซี่ยงอิง

ผู้หญิงน่าสงสารที่ถูกเซี่ยงอิงและหูอวี้หงรังแกมาครึ่งค่อนชีวิต

หูเสี่ยวเหลียนก็จำซูเสี่ยวเถียนได้เหมือนกัน

ใบหน้าเธอพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ้านาย ไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ค่ะ”

หูเสี่ยวเหลียนทักทายอย่างอบอุ่น แต่เธอมองออกอีกฝ่ายดูอึดอัดเล็กน้อย

“พี่หู ฉันได้ยินข่าวมาว่าพี่ออกจากลี่เฉิงมาแล้ว ไม่คิดเช่นกันว่าจะได้เจอกันที่นี่นะคะ”

หูเสี่ยวเหลียนตักน้ำหวานให้ลูกค้าไปด้วย คุยกับซูเสี่ยวเถียนไปด้วย

เด็กสาวสำรวจแผงร้าน

มันเป็นแผงลอยเล็ก ๆ แต่รถเข็นกลับมีถังเหล็กขนาดใหญ่ห้าถัง และหูเสี่ยวเหลียนก็กำลังตักน้ำหวานให้กับลูกค้า

ในตะกร้าถัดจากถังเหล็ก มีชามและช้อนกองหนึ่ง

ถัดจากนั้นก็เป็นกะละมังเล็ก ๆ สองใบ เหมือนจะเป็นกะละมังล้างจาน

“เจ้านายชอบน้ำแข็งถั่วแดงหรือเหล้าลิลลี่คะ?”

หลังจากส่งแขกก็หันมาถามเด็กสาว

“พวกเราเอาน้ำแข็งถั่วแดงค่ะ”

หูเสี่ยวเหลียนเห็นสาว ๆ มาด้วยกันจึงตักให้ทุกคน

ถึงจะอร่อย แต่คนในเมืองหลวงไม่รู้จัก ‘น้ำหวาน’ ที่ว่าเลยไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก

ซูเสี่ยวเถียนเลยคุยกับอีกฝ่ายได้

“ทำไมพี่ถึงมาไกลขนาดนี้เลยคะ?”

ทีแรกคิดว่าจะอยู่เมืองใกล้ ๆ เสียอีก

แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันในเมืองหลวง

“ตอนนั้นฉันไม่รู้จะไปไหนดีค่ะ รู้ตัวอีกทีก็นั่งรถไฟมาเมืองหลวงแล้ว”

ยามเล่าเรื่องเมื่อตอนนั้นหูเสี่ยวเหลียนดูโล่งใจขึ้นมาก แต่ก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าเจ้าตัวในตอนนี้ไม่ได้ทุกข์แต่ก็ไม่ได้สุข!