ภาค-6-จบบริบูรณ์ ตอนที่ 154 ตราบชั่วฟ้าดินสลาย (7)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

เมื่อกลับมาถึงจวน ตะวันก็ตกลับภูเขาไปแล้ว ข้าก้าวลงจารถม้าก็เห็นไป๋อี้กับเต้าหลีเดินออกจากประตูมาต้อนรับ สมองพลันขบคิด ไป๋อี้เป็นหัวหน้าของค่ายลับ ส่วนเต้าหลีสนิทสนมกับอวี๋หลุนมาตลอด สองคนนี้จักต้องมาขอความเมตตาให้อวี๋หลุนแน่ มิแน่พวกเขาอาจปิดบังเรื่องหลิ่วหรูเมิ่งจากข้าเพื่ออวี๋หลุน พวกเขาคงคิดว่าข้าจะมิอาจลืมเลือนรักครั้งเก่าจนทำเรื่องอย่างการแย่งคนรักของผู้อื่นกระมัง

พอคิดได้เช่นนี้ สีหน้าก็เย็นยะเยือกขึ้นอย่างห้ามมิได้ ข้ามิสนใจพวกเขาสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าประตูใหญ่ไป ข้าสั่งให้คนจัดที่พักให้หลิงอวี่ทางด้านหลัง จากนั้นเชิญต้วนหลิงเซียวกับชิวอวี้เฟยมาสนทนากันในโถงบุปผา

มินานไป๋อี้กับเต้าหลีก็พาบ่าวยกสุราอาหารเข้ามา พวกเขาปฏิบัติตัวตามมารยาทอย่างนอบน้อมยิ่งนัก แต่ข้าก็มิสนใจพวกเขา จนกระทั่งร่ำสุราได้สามจอก บรรยากาศในโถงบุปผากำลังสุขสันต์กลมเกลียว ในที่สุดศิษย์พี่ศิษย์น้องที่คอยรินสุราอยู่ด้านข้างสองคนนี้ก็อดทนมิไหว เต้าหลีก้าวตรงมาเบื้องหน้าแล้วก้มตัวลงคำนับ “ท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องต้องการขอร้อง”

ข้ารู้ความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว แต่แสร้งทำเป็นมิรู้ ตอบอย่างเฉยเมยว่า “มีเรื่องอันใด รอหลังงานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยว่ากันเถิด”

เต้าหลีโขกศีรษะตอบว่า “เรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก โปรดผ่อนผันให้ศิษย์พูดด้วยขอรับ”

ข้าปรายตามองต้วนหลิงเซียวแวบหนึ่ง สุดท้ายก็มิปรารถนาจะให้เขาเห็นเรื่องน่าขายหน้า จะรังแกลูกศิษย์ย่อมให้ผู้อื่นเห็นมิได้ใช่หรือไม่เล่า จึงตอบว่า “เจ้าว่ามาเถิด ข้าจะลองพิจารณาดู”

ดวงตาของเต้าหลีฉายแววยินดีปรีดา เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ หากมีคู่รักที่สวรรค์ส่งมาคู่กันแต่ถูกคนแยกให้พรากจาก ขอถามท่านอาจารย์ว่าสมควรทำให้พวกเขาได้ครองคู่กันสมประสงค์หรือไม่”

ในใจข้าลอบหัวเราะ เต้าหลีชมชอบเอ่ยวาจาอ้อมค้อมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด ข้าตอบว่า “มีใจรักมั่นสุดท้ายย่อมได้ครองคู่ หากเป็นคู่รักที่สวรรค์ส่งมาให้คู่กันจริง แน่นอนว่าสมควรช่วยให้สมปรารถนา”

ไป๋อี้ก้มลงคำนับกล่าวว่า “อาจารย์วาจาหนักแน่นดั่งขุนเขา ศิษย์เลื่อมใสมาตลอด ยามนี้ทั้งสองคนนี้อยู่ในเมืองเหอเฝย ต่างฝ่ายรักกันอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ถูกผู้อื่นขัดขวาง จึงต้องพลัดพรากจากกันกลางทาง หากได้คำอนุญาตจากท่านอาจารย์ พวกเขาคงได้เคียงคู่จวบจนผมขาว ศิษย์โขกศีรษะขอท่านอาจารย์โปรดเมตตา อภัยให้ความผิดพลาดยามก่อนของคนผู้นั้น อนุญาตให้เขากับแม่นางผู้นั้นได้ครองคู่กัน”

ข้าถอนหายใจแผ่วเบา คิดในใจว่าดูท่าในที่สุดเจ้าเด็กอวี๋หลุนคนนี้ก็ยอมเลิกหัวรั้นเสียที เอาเถิด เห็นแก่หน้าของเพียวเซียง ข้าจะให้พวกเจ้าสมปรารถนาก็แล้วกัน

ข้าหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามมิได้ ดูท่าหลังจากได้พบหลิ่วหรูเมิ่งในวันนี้ ข้าจะใจอ่อนลงมิน้อย “ในเมื่อใจประสงค์ ข้าย่อมมิขัดขวาง เจ้าให้พวกเขาเข้ามาพบข้า วันนี้ข้าจะหมั้นหมายให้พวกเขา”

เต้าหลีกับไป๋อี้ต่างยินดีปรีดายิ่งนัก รีบเดินออกไปด้านนอก ต้วนหลิงเซียวหัวเราะ “เจียงโหวช่างส่งเสริมเรื่องดีงามของผู้อื่นเก่งจริงๆ วันหน้าหากเรื่องดีงามของอวี้เฟยกับแม่นางหลิงอวี่สำเร็จ คงต้องมาคำนับขอบคุณเจียงโหวก่อนเป็นคนแรก”

ข้าตอบด้วยจิตใจปลอดโปร่ง “พี่ต้วนกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงเอ่ยวาจามิกี่ประโยค ยังต้องพึ่งพี่ต้วนเป็นสำคัญ อวี้เฟยกับแม่นางหลิงอวี่จึงจะมีหวัง ผู้ที่จะทำเรื่องดีงามของผู้อื่นให้สำเร็จสมประสงค์คือพี่ต้วนต่างหากเล่า”

เวลานี้เอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นด้านนอกประตู ข้ามิสนใจหันไปสนทนากับต้วนหลิงเซียวต่อ ในใจคิดว่าวางอำนาจข่มอวี๋หลุนสักหน่อยก็ดี ทว่าหลังจากหูได้ยินเสียงเปิดประตูกลับพบว่ามีคนเดินเข้ามาหลายคน ข้ายังมิทันหันไปดู ก็เห็นต้วนหลิงเซียวกับชิวอวี้เฟยทำหน้าตาประหลาดอย่างยิ่ง แม้แต่เสี่ยวซุ่นจื่อที่เมื่อครู่ถูกต้วนหลิงเซียวลากมานั่งด้วยก็กำลังทำสีหน้าพิลึกกึกกืออยู่

ข้าหัวใจกระตุก รีบหันกลับไปดู ก่อนจะเห็นว่าบนพื้นมีคนงามดุจภาพวาดคู่หนึ่งนั่งอยู่ แต่พวกเขามิใช่อวี๋หลุนกับหลิ่วหรูเมิ่งดังที่ข้าคิดไว้ แต่เป็นรัชทายาทแห่งต้ายงหลี่จวิ้นกับบุตรสาวแสนรักของข้าเจียงโหรวหลัน

ข้ายื่นมือชี้ทั้งสองคนนิ้วสั่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าสองคนมาทำอะไร” มิรู้สึกตัวสักนิดว่าเสียงของตนเองเพี้ยนแหลมสูงยิ่งนัก

เวลานี้เอง หลี่จวิ้นพลันเดินเข่ามาด้านหน้า โขกศีรษะกล่าวว่า “ตลอดมาหลี่จวิ้นมองท่านเจียงเสมือนหนึ่งบิดา วันวานล่วงเกินท่านเจียง วันนี้จึงตั้งใจมาขอขมา หนนี้ข้าขอยกเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีกหน หลี่จวิ้นมีใจรักมั่นต่อโหรวหลันสิบกว่าปี ความรักจารจดลึกลงในหัวใจยากจะตัดทิ้ง ขอท่านเจียงหมั้นหมายโหรวกลันแก่ข้า หลี่จวิ้นสาบานว่าจะมิมีวันทำผิดต่อความรักอันลึกซึ้งที่หลันเอ๋อร์มอบให้เป็นอันขาด”

ข้าตวาดลั่น “มิได้เด็ดขาด เรื่องนี้มิได้เป็นอันขาด”

เวลานี้เอง ประตูโถงบุปผาก็เปิดออกอีกหน ฮั่วฉงเดินเข้ามาอย่างเนิบช้า คุกเข่าคารวะเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ เมื่อครู่พวกศิษย์ได้ยินท่านอาจารย์ตกลงยินยอมเรื่องการแต่งงานระหว่างองค์รัชทายาทกับท่านหญิงโหรวหลันแล้ว คุณชายใหญ่ต้วนกับคุณชายสี่ชิวล้วนเป็นพยาน ในเมื่อท่านอาจารย์กล่าวว่ามีใจรักมั่นสุดท้ายย่อมได้ครองคู่ องค์รัชทายาทกับท่านหญิงเป็นคู่สร้างคู่สม ทุกคนต่างกล่าวชื่นชม อีกทั้งพวกเขาสองคนยังรักกันอย่างลึกซึ้ง สองปีแยกจาก ความรักมิเสื่อมคลาย ขอท่านอาจารย์ช่วยให้พวกเขาสมปรารถนาด้วย”

ข้ามองฮั่วฉง ความคิดแล่นปราดดุจอสนีบาต เรื่องราวที่นึกฉงนทั้งหลายฉับพลันกระจ่างแจ้ง เหตุใดข้าจึงมิเห็นรายการของบรรณาการกับรายงานของกรมวินิจการณ์ล่วงหน้าจนทำให้ข้าเสียอาการต่อหน้าคนทั้งหลายในตำหนักอิ๋นอาน เหตุใดชื่อจี้จึงไปส่งจดหมายให้ชิวอวี้เฟย เหตุใดจู่ๆ หลี่หลินจึงนึกอยากจะแก้แค้น แล้วเหตุใดจู่ๆ หลี่หลินจึงมีความสามารถมากมายถึงขั้นดักล้อมชิวอวี้เฟยจนเกือบวายชีวา เห็นชัดว่าข้าตกอยู่ในกับดักขนาดมโหฬารอันหนึ่ง และมีแต่ฮั่วฉงที่จะสามารถใช้ขุมกำลังทั้งหมดรอบตัวข้าได้เช่นนี้

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แปดหัวหน้าแห่งค่ายลับสมคบคิดกับเขาเพราะเรื่องของอวี๋หลุน หลี่จวิ้น หลี่หลิน โหรวหลันร่วมรุกร่วมถอยด้วยกันมาตลอดอยู่แล้ว หนนี้ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตหลี่จวิ้นกับโหรวหลัน พวกเขาย่อมช่วยเหลือกัน ส่วนราชองครักษ์หู่จีข้างกายข้ารวมถึงทหารนับพันหมื่นในเมืองเหอเฝย ผู้ใดจะไม่อยากเอาหน้ากับองค์รัชทายาทบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น พระราชประสงค์ของฝ่าบาทเกี่ยวกับการแต่งงานหนนี้ก็ชัดเจนยิ่งนัก แม้จะไม่มีพระราชโองการประกาศลงมา แต่ก็คงมิมีผู้ใดมิทราบความประสงค์ของเขา ดังนั้นพวกเขาเหล่านี้จึงร่วมมือกันปิดหูปิดตาข้า จริงสิ แล้วยังมีโอสถหวนเยาว์วัยเม็ดนั้นที่โผล่มาอีก มีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าจะเป็นฝีมือของเซิ่นเอ๋อร์

ทันใดนั้นแววตาของข้าก็สว่างวาบ หันไปจ้องเสี่ยวซุ่นจื่อ เรื่องเหล่านี้ปิดบังข้าได้ แต่มิสมควรปิดบังเขาได้ เหตุไฉนเขาจึงมิกล่าวเตือนสักคำ เสี่ยวซุ่นจื่อหันกลับมามองอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองโหรวหลัน ข้าเข้าใจโดยพลัน เสี่ยวซุ่นจื่อรักโหรวหลันมาตลอด โหรวหลันเป็นทั้งลูกสาวของข้า แล้วก็เป็นลูกสาวของเขาด้วย หากโหรวหลันวิงวอนร้องขอ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเสี่ยวซุ่นจื่อจะลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง

ตอนนี้เอง หูของข้าก็ได้ยินเสียงของต้วนหลิงเซียวเอ่ยขึ้นว่า “ที่แท้เจียงโหวก็เป็นคนพรากคู่ยวนยางเหมือนกันหรอกหรือ เมื่อครู่ยังมาเกลี้ยกล่อมให้ข้าพูดกับท่านอาจารย์อยู่แท้ๆ ข้าเห็นแล้วก็สงสาร ท่านโหวอย่าลืมช่วยให้เรื่องดีงามของผู้คนสมประสงค์สิ”

ข้าสะดุ้งโหยงในใจ ฮั่วฉงเจ้าเด็กคนนี้ เขาหลอกให้ข้าเอ่ยปากสัญญายังมิว่า แต่ยังหาพยานที่ข้ามิกล้าทำเป็นเล่นด้วยคนหนึ่งมาอยู่ที่นี่อีก โธ่ ข้าฉลาดมาทั้งชีวิต เลอะเลือนเพียงหนเดียวโดยแท้ ประมุขพรรคมารเป็นบุคคลเช่นไร เขาจะคิดมิตกมาสองสามปีได้อย่างไรกัน เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าเขาเพียงแต่ขาดโอกาสหาทางลงเท่านั้น

หากอวี้เฟยเก็บตัวฝึกวิชาครบกำหนดก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะให้โอกาสหลิงอวี่ หากมิใช่เช่นนี้ ชื่อจี้เหตุไฉนจะเข้าไปส่งจดหมายใต้หนังตาขอประมุขพรรคมารได้ ส่วนต้วนหลิงเซียวที่คอยอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทในฉางอัน ไฉนจะผละออกจากหน้าที่ได้ตามใจ หากมิใช่ว่าฝ่าบาทอนุญาต เขาจะเดินทางไกลพันลี้มาจับตัวชิวอวี้เฟยได้เช่นไร

ปลายหางตาเหลือบมองวูบหนึ่ง เห็นต้วนหลิงเซียวสีหน้านิ่งสงบ ส่วนชิวอวี้เฟยสีหน้าสับสนมึนงง เอาเถิด ดูท่าจะมีแต่ชิวอวี้เฟยกับข้าที่ถูกปิดบังอยู่ในกลอง ดูท่าสาเหตุที่เขาต้องต่อสู้อย่างยากลำบากมาตลอดทาง น่าจะเป็นเพราะประมุขพรรคมารต้องการอาศัยโอกาสนี้ทดสอบอวี้เฟยกับแม่นางหลิงอวี่มากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น มีข้าเจียงเจ๋อออกหน้าขอร้องแทนแม่นางหลิงอวี่ด้วยตนเอง ต่อให้ชิวอวี้เฟยตบแต่งกับหลิงอวี่จริง ผู้ใดยังจะต่อว่าอันใดได้อีก ฮั่วฉงเจ้าเด็กคนนี้มองออกว่าข้าจะต้องสนับสนุนการแต่งงานของอวี้เฟยกับแม่นางหลิอวี่ นับว่ารู้จักข้าลึกซึ้งยิ่งนัก

เมื่อขบคิดความจริงทั้งหมดเบื้องหลังเรื่องราวจนกระจ่าง ข้าก็ยกมือชี้ฮั่วฉง อยากจะตวาดด่าแต่อ้าปากเอ่ยมิออก เจ้าเด็กคนนี้ช่างเป็นสีครามที่เข้มกว่าต้นครามจริงๆ ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ข้าตกลงมาติดกับ คนทุกคนล้วนได้ประโยชน์ มีแต่ข้าคนเดียวทุกข์ตรมพูดมิออก

หากยามนี้ข้าคิดกลับคำ ไยมิใช่ขายหน้าต่อหน้าต้วนหลิงเซียวกับชิวอวี้เฟย อีกอย่างตอนนี้ข้ากลายมาเป็นคนที่ ‘ทุกคนหันหลังให้’ เพราะเรื่องการแต่งงานระหว่างหลี่จวิ้นกับโหรวหลันแล้ว หากข้ามิรับปากจริงๆ น่ากลัวว่านับจากนี้คนเหล่านี้คงเอาใจออกห่างข้า แล้วข้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้เช่นไรกัน แต่หากรับปาก พอคิดขึ้นมาว่าความสุขชั่วชีวิตของโหรวหลันอาจกลายเป็นเพียงบุปผาในคันฉ่องจันทราบนผืนน้ำ มิว่าอย่างไรข้าก็พูดมิออก