บทที่ 1208 ใบหน้าดำทะมึน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1208 ใบหน้าดำทะมึน

Content Warning: ตัวละครมีความผิดปกติทางความคิด

บทที่ 1208 ใบหน้าดำทะมึน

สิ่งที่บริกรเอ่ยทั้งรัฐมนตรีต้วนและเหวยจวิ้นอู๋ต่างไม่เข้าใจ

พวกเขามองไปที่ล่ามทันที

ถึงฝ่ายล่ามจะไม่ได้เก่งเท่าซูเสี่ยวเถียน แต่คำพูดง่าย ๆ พวกนี้ พวกเขาจัดการได้

“บริการบอกว่า มีคนจากสถานีตำรวจเดินทางมาหาอยากจะพบกับผู้ดูแลของคณะเราค่ะ!”

สีหน้าของรัฐมนตรีต้วนและเหวยจวิ้นพลันน่าเกลียดขึ้นมา แววตามีริ้วความกังวลแวบผ่าน

คนจากสถานีตำรวจมาหา?

เพิ่งจะมาถึงแต่เจอตำรวจเสียแล้ว น่าจะเพราะซูเสี่ยวเถียน

เธอเจอเรื่องอะไรมา หรือเกิดเรื่องอะไรจนต้องไปแจ้งตำรวจ?

ทั้งสองมองหน้าด้วยความกังวล

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าและรองหัวหน้าต้องเผชิญหน้า

อู๋เมิ่งหลานมีความสุขมากตอนได้ยินเช่นนั้น

การคาดเดาของเธอไม่ต่างจากหัวหน้าทั้งสอง ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ

ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่จะมาหาเราทำไม?

พอคิดแบบนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น

หญิงสาวคิดว่าซูเสี่ยวเถียนใช้หน้าตาตัวเองทำตัวอวดเบ่งไปทั่ว จึงไม่แปลกที่จะเกิดเรื่อง!

คงจะดีถ้าคนแบบนั้นโดนฆ่าตายไปซะ!

อู๋เมิ่งหลานแทบกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ไหว แรงมือของหญิงสาวหนักมากจนนิ้วมือแทบบิดเบี้ยว

แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าก็ยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย ราวกับว่าได้เห็นซูเสี่ยวเถียนโดนลากออกมาในสภาพน่าสังเวชแล้ว

หญิงสาวตื่นเต้นจนลืมตัวตน

เธอตามรัฐมนตรีต้วนและเหวยจวิ้นอู๋ไปฟังเรื่องราวและถือโอกาสดูสภาพน่าสงสารของมัน

“เมิ่งหลาน เธอจะไปไหน?”

เฟิงอวี้ซูผู้เป็นดีไซเนอร์รั้งตัวอู๋เมิ่งหลานเอาไว้

เขาขมวดคิ้ว

ทำไมรอบนี้ทำตัวแปลก ๆ?

คนที่เจ้าหน้าที่ต้องการพบคือผู้ดูแลของคณะต่างหาก ตัวเองเป็นนางแบบจะตามไปทำไม?

แถมเมื่อครู่ก็เพิ่งจะพูดจารุนแรงด้วย!

เราทุกคนเป็นทีมเดียวกันนะ เดินทางมาต่างประเทศก็ควรทำตัวสงบเสงี่ยมและสนิท ๆ เข้าไว้สิ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วย?

เฟิงอวี้ซูเหลือบมองเธอ

เขาเคยติดต่อหญิงสาวมาก่อน ตอนนั้นคิดว่าเธอเป็นคนดี ใจกว้าง และสุภาพ แต่การแสดงออกของเธอทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆ

“ฉันอยากไปดูน่ะค่ะอาจารย์เฟิง” เธอเหมือนเพิ่งตระหนักได้จึงรีบเปลี่ยนสีหน้าท่าทางทันที

เธอประมาทไปจริง ๆ

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างอื่นนะคะ แค่เป็นห่วงเพราะเห็นว่าอายุยังน้อยน่ะคะ ตอนที่ออกไปข้างนอกอาจจะเจอปัญหาเข้าก็ได้!”

ถึงอู๋เมิ่งหลานจะตระหนักดีว่าอาจทำให้เฟิงอวี้ซูไม่พอใจ แต่ในใจอดกลั้นความตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ

เฟิงอวี้ซูอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ

แค่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็รู้แล้ว

แต่สิ่งสำคัญที่สุดของทีมคือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะทนนิ่งดูดายเพราะความคิดของคนผู้เดียวไม่ได้

เขาอายุมากแล้ว เห็นอะไรมาตั้งแยะ

ต้องเตือนรัฐมนตรีต้วนเรื่องนี้ด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

การเดินทางในครั้งนี้มีคณะผู้แทนจากประเทศอื่น ๆ เยอะมาก อย่าทำให้ตัวเองต้องขายหน้าที่ต่างประเทศ!

ฝ่ายเสี่ยวเถียนยามนี้ยืนอยู่ในห้องโถงพร้อมกับตำรวจท้องที่สองคน โดยที่ไม่ได้ทราบเลยว่าฝั่งคณะผู้แทนกำลังทะเลาะกันเพราะตัวเอง

ต่อให้รู้เจ้าตัวก็ไม่รู้สึกอะไร

ป่ากว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ไม่ว่านกพันธุ์อะไรก็มี เธอเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น!

“คุณตำรวจฉันถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้วค่ะ ที่จริงพวกคุณกลับได้เลยนะคะ”

เธอพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา

เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องพบรัฐมนตรีต้วนหรอก

แต่วันนี้เธอออกมาข้างนอกนานมาก กลัวก็แต่คนอื่น ๆ จะตามหาเอา

“คุณหนูซูครับ เราต้องส่งคุณให้กับผู้ดูแลของคณะผู้แทน นี่คือหน้าที่ของเราครับ!”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่ตกหลุมพรางสักนิด และมุ่งมั่นทำตามคำสั่งจนถึงที่สุด

ซูเสี่ยวเถียนทำอะไรไม่ได้ สองคนนี้เป็นคนหัวรั้นโดยแท้

รัฐมนตรีต้วนและเหวยจวิ้นอู๋ตามกันออกมาจากลิฟต์ทีละคน ก่อนเห็นเด็กสาวที่ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

“เสี่ยวเถียนหลงทางใช่ไหมนะ?”

“เป็นไปได้ครับท่านรัฐมนตรีต้วน เธอเพิ่งมาต่างประเทศเป็นครั้งแรก”

ฟังจากน้ำเสียงก็โล่งใจนัก เข้าใจแล้วว่าทำไมออกไปนาน

พวกเขาลืมไปเลยว่าเด็กสาวที่อยู่ต่างที่ต่างถิ่นหาทางกลับโรงแรมไม่เจอเป็นเรื่องที่ปกติมาก

ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนเห็นคนทั้งสอง ความกล้าหาญทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

สิ่งที่เธอทำในวันนี้ได้รับคำชมเชยเยอะมาก แต่อีกสักพักต้องโดนผู้ใหญ่ทั้งสองว่าแน่

เพราะวันนี้เธอทำตัวเสี่ยงอันตรายมาก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาพวกเขาคงไม่มีคำอธิบายตอนกลับไปแน่

เด็กสาวไม่กล้าเอ่ยปากก่อน

แล้วเธอก็ต้องเป็นล่ามให้พวกเขากับตำรวจสื่อสารกันด้วย จะพยายามทำทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้พวกเขากลัว

ช่างน่าเสียดายที่มีล่ามคนอื่นตามมาด้วย

เมื่อตำรวจทั้งสองได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง รัฐมนตรีต้วนและเหวยจวิ้นอู๋รู้สึกหนาวเหน็บที่หลัง หน้าผากมีเหงื่อผุดพราย

กล้าทำแบบนั้นได้ยังไง?

ในสถานการณ์ที่วุ่นวายกลับจัดการโจรทั้งสามด้วยตัวเองเนี่ยนะ?

ไม่รู้หรือว่านั่นคือคนชั่วน่ะ?

จะบอกว่ากล้าหาญหรือบ้าดีเดือดดีล่ะ?

แต่เบื้องหน้าตำรวจประเทศ L เขาอายเกินกว่าจะสั่งสอนเด็ก จึงทำได้แค่กล่าวขอบคุณเท่านั้น

“เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหนูซู ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเธอเรื่องราวในวันนี้คงไม่ราบรื่นนัก”

เจ้าหน้าที่กล่าวขอบคุณก่อนจากไป

ใบหน้าของรัฐมนตรีต้วนเข้มขึ้นทันที

“ซูเสี่ยวเถียน รู้จักกฎเกณฑ์บ้างไหม?” รัฐมนตรีต้วนเอ่ยคนแรก

ซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าตัวเองทำผิด แต่วันนี้เธอได้ให้ความช่วยเหลือประเทศ L จับคนร้าย แล้วเราก็ไม่ได้ดูแลให้ดีด้วย

“ฉันผิดไปแล้วค่ะรัฐมนตรีต้วน วันนี้เป็นความผิดของฉันจริง ๆ ทีแรกฉันจะไปซื้อของให้คนในครอบครัว แต่ใครจะทราบว่าที่ห้างเกิดเรื่องล่ะคะ? คนร้ายมันยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันเลยค่ะ”

“ในสถานการณ์แบบนั้นท่านอาจไม่ทราบถึงความเป็นความตายที่อาจเกิดขึ้นได้เลย และฉันนิ่งดูดายไม่ได้ค่ะ!”

แต่ยิ่งพูดเท่าไร สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่เท่านั้น

เด็กสาวเพิ่งตระหนักได้ว่าคำพูดไม่น่าฟัง เลยหยุดทันที