เล่ม 1 ตอนที่ 383-1 การจู่โจมยามราตรี รวบจับ (2)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 383-1 การจู่โจมยามราตรี รวบจับ (2)

ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง อุทยานหลวงอากาศเย็นฉ่ำ ฮ่องเต้กับจีหมิงซิวนั่งอยู่ในศาลาที่แขวนประดับผ้าม่าน เตาถ่านถูกจุดไว้แล้วแม้ออกจะเร็วไปสักหน่อย ฝูกงกงอุ่นสุราชั้นดีหนึ่งกา

จีหมิงซิวไม่กลัวหนาว ทั้งยังไม่ดื่มสุรา ส่วนฮ่องเต้จิบสุราครึ่งจอกอย่างเอื่อยเฉื่อย ร่างกายอบอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว

“หมิงซิวเอ๋ย” ฮ่องเต้ดูไม่เหมือนดื่มจนเมา แต่น้ำเสียงนั่นมีความเมามายแฝงอยู่เล็กน้อย “ได้ยินว่าภรรยาของเจ้าลักพาตัวเจาหมิงกลับไปหรือ”

เรื่องนี้ทำให้ในพระราชวังปั่นป่วนโกลาหล เรื่องจะลอยมาถึงพระกรรณของฮ่องเต้ก็ไม่น่าประหลาดใจ จีหมิงซิวไม่ได้ปฏิเสธ เขาขานอืมตอบนิ่งๆ

จีหมิงซิวยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ กลับทำให้ฮ่องเต้ไม่รู้ว่จะพูดอะไรต่อดี เขาวางหมากสีดำเม็ดหนึ่ง แล้วพูดเหมือนทอดถอนใจ “แม้นั่นจะเป็นมารดาของเจ้า แต่เจ้าก็โตจนไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เรื่องใดควรทำ เรื่องใดไม่ควรทำ ต้องรู้จักความเหมาะสมสมควร”

จีหมิงซิววางเม็ดหมากสีขาว “ในเมื่อฝ่าบาทยอมรับว่านางเป็นมารดาของกระหม่อม ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมรับมารดากลับไปมีสิ่งใดมิเหมาะสม”

ฮ่องเต้ตรัสว่า “แต่เยี่ยหลัว…”

จีหมิงซิวเอ่ยขัดเขา “ฝ่าบาททรงกลัวเยี่ยหลัวหรือไร”

ฮ่องเต้สีพระพัตร์ดำทะมึน “น่าขัน ! ข้าจะกลัวพวกเขาได้เช่นไร ข้าเพียงต้องการจะเคารพเจตนาของมารดาเจ้าเท่านั้น มารดาเจ้าจดจำสิ่งใดไม่ได้แล้ว หากกลับไปตระกูลจีเช่นนี้ เกิดนางไม่ต้องการจะกลับไปคืนดีกับบิดาของเจ้า อยากจะกลับไปอยู่ข้างกายราชาเยี่ยหลัว ถ้าอย่างนั้นเจ้าทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพิ่มความกลัดกลุ้มให้นางเสียเปล่าหรอกหรือ”

“พูดเรื่องสำคัญเถิด” จีหมิงซิวว่า

ฮ่องเต้แค่นเสียงเหอะเบาๆ “ข้าคิดถึงเจาหมิงแล้ว”

จีหมิงซิวตอบโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด “ผ่านไปอีกสองสามวันจะพานางมาคืนท่าน”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่หน้าบูดเท่าเดิม

เรื่องที่ฮองเฮาเยี่ยหลัวเข้าไปพักที่ตระกูลจี กล่าวไปแล้วก็เป็นสิ่งที่เผ่าเยี่ยหลัวทำตัวเอง หากไม่ใช่ว่าเริ่มแรกพวกเขามีความคิดชั่วร้ายอยากลวงหูตาของผู้อื่นก่อน พวกเขาจะรั้งตัว ‘องค์หญิงเจาหมิง’ ไว้ที่ตระกูลจีได้อย่างสง่าผ่าเผยได้อย่างไร

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตำหนักราชครูเคลื่อนไหวอย่างลับๆ มากเท่าใด แต่ในฉากหน้าพวกเขาย่อมสั่งฮองเฮาให้ไปนั่นมานี่ไม่ได้ ดังนั้นขอเพียงฮองเยี่ยหลัวไม่เอ่ยปากเองว่าจะกลับวัง เช่นนั้นทูตของเยี่ยหลัวก็ได้แต่รอเท่านั้น

ทั้งสองคนเดินหมากอยู่พักหนึ่ง ฮ่องเต้ก็พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ “ระหว่างที่ต้าหมิงตี้เสด็จประพาสทางใต้เมื่อปีนั้น เหตุไฉนจึงไปร่วมอภิรมย์กับสตรีเยี่ยหลัวนางหนึ่งได้”

จีหมิงซิวหาใช่คนโง่ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าฮ่องเต้กำลังหลอกถามตน ฮ่องเต้แน่ใจแล้วว่าองค์หญิงเจาหมิงเป็นคนเยี่ยหลัว เพียงแต่พระองค์ไม่ทราบว่านางเป็นลูกครึ่งชนเผ่าเยี่ยหลัว หรือว่าคนเยี่ยหลัวเต็มตัว

จีหมิงซิวไม่มีทางติดกับของเขา ย้อนถามประโยคหนึ่งว่า “กระหม่อมก็อยากจะถามฝ่าบาทอยู่เช่นกัน ว่าปีนั้นแท้จริงแล้วเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ เหตุไฉนต้าหมิงตี้จึงมีบุตรกับสตรีเผ่าเยี่ยหลัวได้”

ฮ่องเต้วางหมากลง พระองค์มองจีหมิงซิวแล้วตรัสว่า “เฮ้อ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่น่ารักเอาเสียเลย!”

จีหมิงซิวแสร้งโง่ต่อ “กระหม่อมไม่เข้าใจความหมายของฝ่าบาท”

ฮ่องเต้อ้าพระโอษฐ์ อยากตรัสบางสิ่งแต่ก็หยุดตนเองเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงโบกพระหัตถ์ ตรัสว่า “…ไม่พูดก็ช่างเถิด”

พระองค์ไม่พูด จีหมิงซิวก็ไม่พูดเช่นกัน

ทั้งสองคนนิ่งงันอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งฝูกงกงที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งจั้งสัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนอันแปลกประหลาด

คนมากมายอยากจะประจบเอาใจฮ่องเต้แต่ไร้โอกาส แต่อัครมหาเสนาบดีคนนี้กลับหัวแข็งเหมือนลา!

“เจ้ายังโกรธที่ข้าวางยาพิษเจ้าใช่หรือไม่”

จีหมิงซิวไม่ส่งเสียงตอบ

“ข้าก็กินยาพิษด้วยไม่ใช่หรือไร ข้ายกชีวิตไว้ในกำมือเจ้าแล้ว”

จีหมิงซิวยังคงหน้านิ่ง

ฮ่องเต้เอ่ยอย่างจนปัญญา “ได้ๆ เจ้าชนะ ยาแก้พิษมอบให้เจ้า!”

ตรัสแล้วก็ล้วงขวดยาใบน้อยออกมาจากอกเสื้อแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างไม่กระแทกกระทั้นใดๆ ทั้งสิ้น

จีหมิงซิวเอ่ยขึ้นเรียบๆ “กำหนดเวลาครึ่งปียังไม่ถึง กระหม่อมมิกล้ารับยา”

ฮ่องเต้ตรัสว่า “ข้าให้เจ้า เจ้าก็เอาไปเถอะ!”

จีหมิงซิวพูดต่ออย่างสบายๆ “ถึงฝ่าบาทจะให้ยาแก้พิษกระหม่อมล่วงหน้า กระหม่อมก็ไม่มอบยาให้ฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ไม่พูดพร่ำซุกยากลับไปในอกเสื้อทันควัน

มาถึงก้าวนี้ ฮ่องเต้ร้อนใจกว่าจีหมิงซิวแล้ว เวลาคนตัดสินใจด้วยอารมณ์บุ่มบ่าม น้อยคนนักที่จะไม่เสียใจภายหลัง แต่นึกเสียใจแล้วจะได้ยากลับไปกินง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีขอบอกว่าไม่มีทาง

ฮ่องเต้แลกยาล้มเหลวแต่ก็หน้าหนาเอ่ยปากขอยาแก้พิษตรงๆ ไม่ลงจึงได้แต่ร้อนรน ตอนนั้นพระองค์สมองส่วนไหนผิดปกติกันนะ ถึงได้วางยาพิษตัวเองกับเขา ชั่วพริบตานั้นพระองค์คิดว่าตัวเองเป็นยอดจักรพรรดิผู้เป็นตำนานเหล่านั้นจริงๆ หรืออย่างไรกัน

ทำตัวเองถึงที่ตายแท้ๆ!

ฮ่องเต้กลัดกลุ้มร้อนใจแต่มิอาจแสดงออกมาได้ ขันทีอายุน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยกับฝูกงกงว่า “ผู้ติดตามของอัครมหาเสนาบดีมาหาขอรับ”

ฝูกงกงรายงานฮ่องเต้ ฮ่องเต้กวักมือเรียกให้คนเข้ามา

หมิงอันคำนับฮ่องเต้อย่างเคารพ หลังจากนั้นจึงรายงานเสียงเบากับจีหมิงซิวหลายประโยค จีหมิงซิวสีหน้านิ่งสงบขณะที่มือวางถ้วยชาลง “เข้าใจแล้ว เจ้าไปรอข้าด้านนอก”

“ขอรับ”

หมิงอันถอยออกไป

ฮ่องเต้เลิกพระขนง “อะไร จะไปแล้วหรือ หมากตานี้ยังเล่นไม่จบเลยนะ!”

ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีตอบโดยที่หน้าไม่แดงหัวใจไม่เต้นระรัวสักนิด “เสี่ยวเวยเฝ้าห้องหอเปล่าเปลี่ยว คิดถึงกระหม่อมแล้ว”

ฮ่องเต้สำลักลมหายใจ แล้วถลึงตาใส่เขาอย่างเย็นชา “ได้ๆ รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเบื่อจะอยู่เป็นเพื่อนข้า กลับไปเสียไป!”

จีหมิงซิวเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองสักนิด