เล่ม 1 ตอนที่ 391-1 ซัดน่วมอยู่ฝ่ายเดียว คว้าชัยชนะครั้งใหญ่ (2)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 391-1 ซัดน่วมอยู่ฝ่ายเดียว คว้าชัยชนะครั้งใหญ่ (2)

ชั่วพริบตาที่ราชครูถูกยิงจนตัวลอย ทุกคนต่างตาโตอ้าปากค้าง นี่ไม่ใช่การยิงธนู แต่เป็นการเล่นหมากเก็บเสียมากกว่ากระมัง แต่ละคนแข่งกันลอยขึ้นไปสูงกว่าอีกคน นี่แข่งกันว่าผู้ใดจะตายเร็วกว่ากันหรืออย่างไร

ร่างของราชครูลอยเป็นเส้นโค้งอันงดงามกลางอากาศ

ทุกคนแหงนหน้าอย่างพร้อมเพรียง สายตาไล่มองตามวัตถุที่ลอยโค้งชิ้นนั้นแล้วหมุนคอของตัวเองตามไป อยากมองดูว่าท่านราชครูจะถูกยิงไปตกที่ใดกันแน่ ผลปรากฏว่า…เขาหายไปแล้ว

คุณหนูเล็กของตระกูลอัครมหาเสนาบดียิงท่านราชครูผู้เลื่องชื่อของเยี่ยหลัวจนหายลับไปแล้ว!

พวกเขาไม่ได้ฝันอยู่กระมัง

“อาจารย์..”

ลูกศิษย์ทั้งหลายของตำหนักราชครูที่ชมอยู่ด้านล่างเวทีต่างสับสนอลหม่าน พวกเขาพุ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกไร้ทิศทาง

ฝูกงกงลำบากนักกว่าจะปีนขึ้นมาจากแอ่งน้ำได้ เขายังไม่ทันยืนมั่นคงดีก็ถูกลูกศิษย์ทั้งหลายของตำหนักราชครูชนจนตกกลับไปในแอ่งน้ำอีกหน

ปฏิกิริยาแรกของศิษย์เอกคือการออกไปตามหาอาจารย์ ทว่าเมื่อเดินมาถึงขอบเวทีประลองกำลังจะกระโดดลงไป จู่ๆ เขาก็พลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้จึงหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองจีหมิงซิวอย่างเย็นชา

จีหมิงซิวปล่อยให้เขามองสำรวจอย่างใจกว้าง

สายตาของเขาเลื่อนไปจับธนูจันทร์โลหิตคันนั้นในมือวั่งซูในพริบตา “เป็นไปไม่ได้…ธนูจันทร์โลหิตมีเพียงคันเดียว…”

จีหมิงซิวเลิกคิ้วถามว่า “เจ้าหมายความว่าธนูจันทร์โลหิตคันนี้ของข้าคือของปลอมอย่างนั้นหรือ”

ศิษย์เอกย่อมไม่คิดว่าธนูจันทร์โลหิตของอีกฝ่ายเป็นของปลอม หากจะมีคันไหนเป็นของปลอมแล้วล่ะก็ จะต้องเป็นคันที่อยู่ในมือของอาจารย์อย่างแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะอธิบายได้ว่าเหตุใดสาวน้อยคนนั้นถูกยิงอยู่ตั้งนานแต่กลับไม่เป็นอะไรสักนิด

ศิษย์เอกสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงเย็นยะเยือกถามว่า “เมื่อคืนวานพวกเจ้าต้องฉวยโอกาสที่อาจารย์ข้าบาดเจ็บแอบมาสับเปลี่ยนธนูของท่านผู้เฒ่าแน่ๆ!”

ก็ไม่โง่นี่ เจ้าหนู

แต่เรื่องเช่นนี้ ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีขุนนางใหญ่จอมเจ้าเล่ห์จะยอมรับได้เช่นไรเล่า

จีหมิงซิวทำหน้าอย่างผู้บริสุทธิ์ตอบว่า “เจ้ากล่าวเช่นนี้ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก เจ้าจะบอกว่าข้าแอบสับเปลี่ยนของของพวกเจ้าเพียงเพราะธนูของบ้านข้าหน้าตาเหมือนธนูที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของบ้านเจ้าไม่ได้สิ”

ศิษย์เอกขมวดคิ้ว “ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลจีก็มีธนูจันทร์โลหิตด้วย!”

“พวกเราก็เพิ่งหาพบเหมือนกัน” จีหมิงซิวตอบหน้าตาย “วันนั้นหลังจากเห็นธนูในมือราชครู ข้าก็เพิ่งนึกออกว่าในคลังเก็บสมบัติตระกูลจีของข้าก็มีธนูหน้าตาเหมือนกันทุกประการอยู่คันหนึ่ง ดังนั้นจึงนำมันออกมาลองสักหน่อย”

ศิษย์เอกยังคงคลางแคลงไม่เชื่อ “เจ้า…เจ้าโกหก!”

จีหมิงซิวถอนหายใจตอบว่า “ข้ามีเหตุอะไรให้ต้องโกหก ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เจ้าพูดเองว่าธนูจันทร์โลหิตของเยี่ยหลัวของพวกเจ้ามีเพียงอาจารย์ของเจ้าที่ง้างสายธนูได้ หากธนูคันนี้เป็นของอาจารย์เจ้าจริง เหตุใดลูกสาวของข้าจึงใช้ได้อย่างง่ายดายเหมือนกันเล่า”

“เรื่องนี้…” ศิษย์เอกสะอึก

เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบนโลกนี้มีธนูจันทร์โลหิตสองคัน สัญชาตญาณบอกเขาว่า ธนูในมือของแม่นางน้อยคนนั้นจะต้องเป็นของอาจารย์!

แต่…หากมันเป็นของอาจารย์จริง เหตุใดนางจึงง้างสายธนูได้เล่า

ต้องรู้ก่อนว่าก่อนทำพิธีบวงสรวงเสร็จสมบูรณ์ แม้แต่ลูกศิษย์ที่มีคุณสมบัติเช่นตัวเขาเองก็ยังไม่อาจใช้ธนูจันทร์โลหิตได้

จีหมิงซิวตอบว่า “แล้วก็ หากเจ้ายืนกรานว่าข้าสับเปลี่ยนธนูของอาจารย์เจ้ามา ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามข้าสับเปลี่ยนได้อย่างไร พวกเจ้าเฝ้าตำหนักข้างอยู่ตลอดทั้งคืน มีคนเข้าไปหรือไม่ พวกเจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ”

ไม่ผิด ในตำหนักมีลูกศิษย์ตระเวนตรวจตราอยู่ตลอดทั้งคืน เขามั่นใจว่าไม่มีมนุษย์คนใดเข้าใกล้

เหนือหลังคาตำหนักฉางฮวน อินทรีทองสยายปีก เผยให้เห็นก้อนขนสีขาวข้างซ้ายหนึ่งก้อนกับข้างขวาหนึ่งก้อน

ไม่เคยมีมนุษย์มาก็จริง แต่เดรัจฉานอย่างพวกเรามาไม่ใช่แค่รอบเดียวแล้วล่ะ!

จีหมิงซิวถามอีกว่า “อีกอย่าง หากเป็นดังที่เจ้าพูดจริง ข้าสับเปลี่ยนธนูของอาจารย์เจ้าไป ถ้าเช่นนั้นเมื่อครู่ธนูในมืออาจารย์เจ้าคันนั้นไยมิใช่ของปลอม หากเป็นของปลอม ศิษย์น้องทั้งหกคนของเจ้าจะถูกยิงจนบาดเจ็บได้เช่นไรเล่า”

ศิษย์เอกพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ใช่แล้ว หากธนูในมืออาจารย์ไม่ใช่ของจริง เหตุใดศิษย์น้องทั้งหลายถึงถูกทำร้ายบาดเจ็บหนักเช่นนี้ได้เล่า

หรือว่า…ธนูของอาจารย์เป็นของจริงหรือ

บนโลกใบนี้มีธนูจันทร์โลหิตสองคันจริงๆหรือ

ตอนนี้สมองของเขาสับสนยิ่งนัก

หากธนูของอาจารย์เป็นของจริง เหตุใดสาวน้อยคนนี้ถูกยิงหลายครั้งหลายคราถึงเพียงนั้นกลับไม่เป็นอะไรสักนิด นางเป็นผู้ใดกันแน่

หากธนูของอาจารย์เป็นของปลอม ศิษย์น้องทั้งหลายจะได้รับบาดเจ็บได้เช่นไร

เขาเดินเข้าสู่ทางตัน

บนที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที เฉียวเวยรินชาถ้วยหนึ่งให้อาจารย์ตาฮั่ว “ขอบคุณอาจารย์ตายิ่งนักที่ลงมือ”

อาจารย์ตาฮั่วทำหน้านิ่ง จิบน้ำชาหนึ่งคำ

ข้างกายเขา จูเอ๋อร์ก็วางหน้านิ่งหยิบถ้วยน้ำชาที่ไม่มีอยู่จริงมาจิบชาที่ไม่มีอยู่จริงหนึ่งคำบ้าง

อีกด้านหนึ่งศิษย์ของตำหนักราชครูคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาศิษย์เอกแล้วบอกเขาว่าในที่สุดก็ตามหาราชครูพบแล้ว แต่สภาพของราชครูไม่ดีนัก

ตอนราชครูสภาพสมบูรณ์พร้อมถูกธนูจันทร์โลหิตยิงเข้าไปยังบาดเจ็บทั่วทั้งตัว เมื่อวานเขาถูกพิษเหลือกำลังภายในเพียงเจ็ดส่วน จะบาดเจ็บสักเพียงใดจินตนาการดูก็รู้

ศิษย์เอกหัวใจว้าวุ่นสับสน!

จีหมิงซิวมองศิษย์เอกผู้กำลังลำบากอย่างรื่นเริง ท่าทางของเขาเหมือนกำลังพูดว่า เป็นอย่างไรบ้าง ตาเฒ่าบ้านเจ้ายังสู้ไหวอยู่หรือไม่ หากสู้ได้ก็ขึ้นมาสิ มาให้ลูกสาวข้าซัดให้น่วมอีกสักยกสิ!

ศิษย์เอกเสียขวัญแล้ว!