ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาบังขวางและปกป้องฮ่วนเอ๋อเอาไว้เบื้องหลังนั้น คนส่วนใหญ่คิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างรนหาที่ตายโดยแท้
แต่เป็นธรรมดาว่ายังมีบางคนที่ล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดา คนเหล่านั้นย่อมรวมถึงฮ่องเต้เถิงหลง หลงตงผิงอยู่ด้วย และพวกมันก็คิดว่าไม่พ้นเดี๋ยวต้วนหลิงเทียนต้องเปิดเผยภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ออกมาสะกดความคิดชั่วร้ายของเถิงชิ่งแน่แท้!
ในเมื่อตัวตนระดับคุณหนู 3 สกุลโจว โจวฉู่ชิง ยังไม่กล้าแตะต้องต้วนหลิงเทียน ทำให้พวกมันรู้สึกว่าความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนไม่ง่ายเป็นแน่!
หาไม่แล้วด้วยฐานะของศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกายอมตะเชียนจีรุ่นก่อน ศิษย์น้องหญิงคนเล็กที่ประมุขนิกายอมตะเชียนจีเอ็นดูเป็นที่สุดอย่างคุณหนู 3 สกุลโจว ไฉนยังไม่กล้าแตะต้องต้วนหลิงเทียน?
อย่างไรก็ตามพอวาจาดุร้ายอำมหิตของเถิงชิ่งดังจบคำ ฉากเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าก็นำพาความตกใจมาสู่ทุกผู้คนยกเว้นตัวต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ หลงเฟยอวิ่น และชิวหลิงครั้งใหญ่!
เพราะทันทีที่สิ้นคำอำมหิตของเถิงชิ่ง ในขณะที่เถิงชิ่งปะทุพลังเตรียมจัดการต้วนหลิงเทียนนั้นเอง…
ภายใต้สายตาของคนทุกผู้
ฟู่มมม! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!!
…
มือขวาต้วนหลิงเทียนเอื้อมมาเบื้องหน้าไม่รีบไม่ร้อน พอหงายฝ่ามือขึ้น ความว่างเปล่าใจกลางฝ่ามือคล้ายบิดเบี้ยววิปริต พริบตาต่อมาก็อุบัติเพลิงสีเทาปะทะลุโชนขึ้นเหนือฝ่ามือ!
และทันทีที่เปลวเพลิงสีเทาปะทุลุกโชนขึ้นมา กลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวหนึ่ง ก็เริ่มกำจายไปในบรรยากาศ หอบหิ้วความรู้สึกอันน่าครั่นคร้ามประการหนึ่งแผ่ขยายออกไป ทำให้จิตใจของทุกผู้คนโดยรอบบังเกิดความหวั่นหวาดขนลุก!
“นะ…นั่นมัน….เพลิงอมตะ!?”
และแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เพลิงเทาอุบัติขึ้นแผ่พลังอำนาจลี้ลับชวนขนลุก ใครบางคนที่มีความรู้ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นตกใจ เพราะสัมผัสได้ว่าเพลิงในมือต้วนหลิงเทียนเป็นเพลิงอมตะ!
“เป็นเพลิงอมตะจริงๆ…แถมดูท่าจักมิใช่เพลิงอมตะธรรมดาๆ?!”
“ข้าเคยเห็นเพลิงอมตะระดับต่ำมาก่อน! แต่มันมิมีกลิ่นอายพลังลี้ลับชวนสยองให้ข้าหวาดกลัวแบบนี้ มันไม่ใช่เพลิงอมตะระดับต่ำแน่นอน…กลิ่นอายพลังนี่มันเหนือกว่าเพลิงอมตะระดับต่ำไปคนละโลก!!”
“ข้าเองก็มีวาสนาได้พบพานปรมาจารย์หลอมโอสอมตะระดับกลางกำลังหลอมยาครั้งหนึ่ง จึงได้เห็นเพลิงอมตะระดับกลาง…แต่กระนั้นกลิ่นอายของเพลิงอมตะระดับกลางก็ยังไม่แผดเผาชวนสยองขนาดนี้!!”
“เอ่อ…หากกระทั่งกลิ่นอายเพลิงอมตะระดับกลางยังไม่รุนแรงขนาดนี้…หรือนั่นจักเป็นเพลิงอมตะระดับสูง!?”
“เพลิงอมตะระดับสูงเรอะ!?”
…
เหล่าผู้รู้ของประเทศอมตะเถิงหลงมองจ้องเพลิงสีเทาเหนือฝ่ามือต้วนหลิงเทียนไม่วางตา และต่างก็บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองออกมา พอปะติดปะต่อเรื่องราวกันแล้ว ต่างก็เผยความตื่นตระหนกตกตะลึงออกมาตามๆกัน!
เพลิงอมตะระดับสูง!?
หากเพลิงอมตะสีเทาเหนือฝ่ามือชายหนุ่มชุดม่วงเป็นเพลิงอมตะระดับสูงจริงๆ นั่นมิได้หมายความว่าคนอาจเป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถหรืออุปกรณ์อมตะระดับสูงแล้วหรือไร!?
“จริงสิ! พวกเจ้ายังจดจำกันได้หรือไม่!? หลังจากที่องค์ชาย 13 ได้รับตำแหน่งองค์ชายอันดับ 1 ในการประลองคัดเลือกวันนั้นที่วังชวีหรง…องค์ชาย 13 กลับเต็มใจละทิ้งอุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง เพื่อเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงเตาหนึ่ง!!”
“ข้าย่อมจำได้แน่นอน! ตอนนั้นข้ากับคนอื่นๆล้วนคิดว่าองค์ชาย 13 ฟั่นเฟือนไปแล้วด้วยซ้ำ!!”
“มาตอนนี้ยังมีใครกล้าพูดอยู่อีกหรือไม่…ว่าองค์ชาย 13 สติฟั่นเฟือน?”
“อย่าบอกนะว่า…วันนั้นทั้งหมดที่องค์ชาย 13 กระทำไป…เป็นเพราะคิดมอบเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงให้ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้!?”
“ข้าเกรงว่านอกเหนือจากเหตุผลดังกล่าว คงไม่มีเหตุผลอื่นใดจะมาอธิบายได้แล้วล่ะ…”
“ให้ตายเถอะ! ข้าไม่อยากกจะเชื่อเลยว่าข้างกายองค์ชาย 13 กลับมีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงเร้นกายอยู่!!”
…
บัดนี้ เหล่าคนของประเทศอมตะเถิงหลงทั้งหลายก็เริ่มนึกถึงเรื่องราวในวันงานประลองคัดเลือกขึ้นมาได้แล้ว ยังเข้าใจขึ้นมาทันที ว่าไฉนวันนั้นองค์ชาย 13 ถึงได้เลอะเลือน โดยเลือกที่จะสละอุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง แล้วร้องขอเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงออกมา
ในตอนนั้นทุกคนคิดว่าองค์ชาย 13 เสียสติไปแล้วจริงๆ ที่ตัดสินใจอะไรแบบนั้น!
เพราะสุดท้ายแล้วมูลค่าของอุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง ก็ไม่ใช่อะไรที่เตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงจะเทียบเคียงได้เลย!
แต่มาตอนนี้พอเห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงข้างๆองค์ชาย 13 หงายฝ่ามือจุดเพลิงอมตะระดับสูงออกมา ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่คิดว่าการเลือกขององค์ชาย 13 วันนั้นเหลวไหลไร้สาระ แต่รู้สึกว่าองค์ชาย 13 ช่างตัดสินใจได้ถูกต้องและประเสริฐนัก!
เพราะสุดท้ายแล้วไมตรีจากปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง ก็สุดที่อุปกรณ์อมตะระดับขุนนางชิ้นหนึ่งจะเปรียบเทียบได้!
“ทุกคนล้วนเมามาย มีแต่เราสร่างอยู่ผู้เดียว…ข้าว่าความรู้สึกขององค์ชาย 13 ในวันนั้นไม่พ้นวาจาประโยคนี้”
“ข้าล่ะเสียใจจริงๆที่หลงคิดว่าองค์ชาย 13 สติเลอะเลือน…ตอนนี้ดูเหมือนผู้ที่เลอะเลือนจักมิใช่องค์ชาย 13 แต่เป็นพวกเราเอง!”
“องค์ชาย 13 สมแล้วที่เป็นผู้ที่ปรีชาสามารถและโดดเด่นที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งมวลของประเทศอมตะเถิงหลงเรา ช่างคิดอ่านยาวไกลไปพันลี้…สุดที่องค์ชาย 4 และองค์ชาย 7 จะเทียบได้!”
…
ต่างจากวันนั้นที่วังชวีหรงอย่างสิ้นเชิง คำครหาใดๆไม่มีให้ได้ยิน คงเหลือเพียงวาจากล่าวสรรเสริญองค์ชาย 13
ได้ฟังวาจาสรรเสริญน้องชายจากผู้คนโดยรอบ องค์ชาย 4 กับองค์ชาย 7 ก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปานเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน และพอมองไปยังองค์ชาย 13 ผู้เป็นน้องอีกครั้ง สองตาของพวกมันก็ฉายแววอิจฉาริษยาแรง!
ตอนนี้ใจพวกมันกระจ่างชัดปานกระจก
ว่าตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนยินดีสนับสนุนองค์ชาย 13 ขึ้นครองบัลลังก์ประเทศอมตะเถิงหลงล่ะก็ พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องช่วงชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทสืบบังลังก์อะไรอีกต่อไป พับแผนการทั้งหลายเก็บกระเป๋าไปได้เลย…เพราะพวกมันไร้ซึ่งวาสนาและโชคชะตากับบัลลังก์แน่นอนแล้ว!!
ในเรื่องนี้ต่อให้ในใจพวกมันจะร่ำร้องไม่ยินยอมให้ตาย แต่พวกมันก็รู้ดีว่าพวกมันไร้ซึ่งกำลังอำนาจใดๆจะช่วงชิงอีก
เว้นเสียแต่ จะมีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูปรากฏกายขึ้นมาสนับสนุนพวกมันเช่นกัน แต่เรื่องพรรค์นั้นไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่หนทางอันมืดมิดตีบตัน ไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาได้เลย…
“เพลิงอมตะระดับสูง!?”
ฉินอวี่ที่ลอยร่างอยู่กลางหาวไม่ห่างจากต้วนหลิงเทียนเท่าไหร่ ได้แต่เหม่อมองเพลิงสีเทาปะทุลุกโชนในมือต้วนหลิงเทียนอย่างเลื่อนลอย สมองกลายเป็นอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้
ต้วนหลิงเทียน…กลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงไปแล้วหรือ?
ความจริงข้อนี้มันไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ กระทั่งยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ยากนักที่จะทำใจรับได้ในทันทีทันใด!
“มัน…มันยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงด้วยงั้นเหรอ!?”
ฮ่องเต้ของประเทศอมตะเถิงหลง หลงตงผิง ก็ได้แต่มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตางุนงง ใบหน้าฉายชัดถึงความอึ้งทึ่ง
สิ่งที่มันกำลังเห็นคาตา สุดที่มันจะคิดฝันได้จริงๆ!
มันพึ่งเตรียมตัวเตรียมใจรับฟังภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ของต้วนหลิงเทียน ที่สมควรทำให้เถิงชิ่งผวาได้หยกๆ…
แต่คาดไม่ถึงเลย ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เปิดเผยพื้นเพความเป็นมาใดๆทั้งสิ้น เพียงหงายมือจุดเพลิงอมตะระดับสูงอออกมาต่อหน้าต่อตาผู้คนก็เท่านั้น เปิดเผยฐานะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง!
‘คิดไม่ถึงจริงๆ…มันที่แท้กลับเป็นปรมาจารยย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง แบบนี้ต่อให้ไม่ต้องกล่าวพื้นเพความเป็นมา ก็มากพอขู่ขวัญเถิงชิ่งให้หวาดกลัวจนต้องล่าถอย…’
หลงตงผิงลอบกล่าวในใจอย่างลับๆ
ขณะเดียวกันมันก็อดหันไปมองหลงเฟยอวิ๋นที่ลอยร่างข้างต้วนหลิงเทียนไม่ได้ ‘โชควาสนาของเจ้า 13 ไฉนดีนักเล่า! ยังอ่านขาด สามารถสละใกล้หวังไกลได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้…’
‘และหากวันนั้นเจ้า 13 เพียงบอกว่าต้องการเอาเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงไปมอบให้คนผู้นี้…ข้าคงมิคิดปฏิเสธมันแต่แรก!’
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หลงตงผิงก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจอย่างเสียดาย
มันรู้ดี ว่ามันได้พลาดโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะสานไมตรีกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงไปเสียแล้ว
“เพลิงอมตะระดับสูง!?”
“เจ้าหนูนั่น…มันเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง!?”
หวงเชาและเชวียลั่ง เดิมทีคิดว่าพวกมันคงทำได้แค่เฝ้ามองโฉมตรูถูกอสูรเถื่อนคว้าไปเสียแล้ว พอเห็นต้วนหลิงเทียนจุดเพลิงสีเทาขึ้นมา กอปรกับได้ยินบทสนทนาโดยรอบ พวกมันก็หน้าเหวอไปตามๆกัน
และในฐานะตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ ที่มีสัมผัสพลังสูงล้ำ พวกมันย่อมยืนยันได้ทันทีว่าเพลิงสีเทาในมือต้วนหลิงเทียน เป็นเพลิงอมตะระดับสูงไม่แปลกปลอม! แต่แค่พวกมันไม่รู้ว่าที่แท้เป็นเพลิงอมตะระดับสูงที่ใช้หลอมโอสถอมตะหรืออุปกรณ์อมตะกันแน่!!
อย่างไรก็ตามฟังจากเรื่องราวโดยรอบ พวกมันจึงตระหนักได้ว่าเพลิงอมตะในมือต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นเพลิงอมตะระดับสูงที่ใช้หลอมโอสถอมตะ จึงทราบได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง!
หลังดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหวงเชาหรือเชวียลั่ง ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็ฉายความหวาดเกรงขึ้นหลายส่วน
“เพลิงอมตะระดับสูง!?”
ขณะเดียวกัน ทางด้านเถิงชิ่งที่ประจัญหน้ากับต้วนหลิงเทียนทั้งเตรียมลงมือทุบตีสังหารต้วนหลิงเทียน หน้าก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวงพอเห็นต้วนหลิงเทียนจุดเพลิงอมตะขึ้นมาในมือคาตา!
ขณะเดียวกันมันก็เร่งลดพลังเซียนอมตะทั่วร่างที่ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟทันที กระทั่งยังสลายจิตฆ่าฟันออกไปจนไม่มีเหลือ ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของมัน!
ล้อกันเล่นหรือไร!
เพลิงอมตะระดับสูงนั่น หากเจ้าของจุดชนวนระเบิดขึ้นมา เว้นแต่มันจะหลบหนีไปให้ไกลจากรัศมี 2 ลี้…หาไม่แล้วมันก็คงต้องตายร่างสลายเป็นเถ้าธุลีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!!
กระทั่งให้หนีออกไปพ้นรัศมี 2 ลี้ต่อให้จะเก็บกู้ชีวิตมาได้ แต่ก็คงต้องบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย!
นั่นเพราะเพลิงอมตะระดับสูงนั้น ยามจุดชนวนมันจักปะทุพลังสังหารอันน่าพรั่นพรึง ให้เป็นถึงขุนนางอมตะขั้นสูงสุดหากอยู่ในระยะไม่เกินร้อยหมี่จากผู้จุดชนวนเพลิงอมตะระดับสูง ก็ยัง 9 ตาย 1 รอด!
และมันเป็นแค่ขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์เท่านั้น…
หลังสูดหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ครั้ง สายตาที่เถิงชิ่งใช้มองต้วนหลิงเทียนบัดนี้ ได้ฉายให้เห็นถึงความหวาดกลัวอยู่บ้าง “ไม่คิดเลยว่าคุณชายท่าน จักเป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง ข้าเถิงชิ่งเสียมารยาทแล้ว…”
“ผู้อาวุโสเถิงชิ่ง มิใช่ว่าจะชิงตัวฮ่วนเอ๋อไปหรอกหรือ?”
ได้ยินคำพูดของเถิงชิ่ง ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบ กล่าวถามออกไปอย่างใจเย็น “หากอาวุโสเถิงชิ่งมั่นใจ เช่นนั้นก็ลองดูได้…”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยยวาจานี้จบคำ
ซูว! ซูว! ซูว! ซูว!
…
ทุกผู้คนในอาณาบริเวณ ไม่เว้นหลงตงผิงฮ่องเต้ประเทศอมตะเถิงหลงและตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 2 ยศ อีก 2 คนอย่างหวงเชากับเชวียลั่ง ก็อดหน้าเปลี่ยนสีไปไม่ได้! ในแววตายังฉายชัดถึงความตื่นตระหนกหวาดกลัวออกมาพร้อมเพรียง!!
เพราะสุดท้ายแล้วหากเถิงชิ่งเกิดเสียสติคิดชิงตัวสตรีชุดขาวไม่เลิก แล้วชายหนุ่มชุดม่วงนั่นเกิดคลั่งจุดชนวนเพลิงอมตะระดับสูงขึ้นมา ไม่เพียงแต่เถิงชิ่งต้องตายโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก พวกมันเองต่อให้ปะทุพลังชั่วชีวิตหลบหนีไปสุดใจ หากไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โตแล้ว!!
เผชิญกับคำถามดังกล่าวขอต้วนหลิงเทียน หน้าเถิงชิ่งก็เปลี่ยนไปเป็นเขียวสลับขาว อาการเป็นดั่งคนขี่หลังเสือยากจะลง!
แต่ตอนนี้มันยังมีความกล้าลงมือหรือไร?
ต่อให้มันจะมั่นใจในความเร็วของตัวเองมากแค่ไหน ทว่าเพลิงอมตะระดับสูง อาศัยหนึ่งห้วงคิดของเจ้าของก็สามารถจุดชนวนระเบิดได้ทันที มันไหนเลยจะกล้าเสี่ยงล้อเล่นกับชีวิตตัวเอง?
เพราะหากมันแพ้เดิมพัน มันก็ต้องทิ้งหนึ่งชีวิตไว้ตรงนี้…!
การนำชีวิตไปล้อเล่นกับความตายเพียงเพื่อสตรีนางหนึ่ง เป็นสิ่งที่เหลวไหลไร้สาระอย่างยิ่งในความคิดมัน!
ต่อให้สตรีนางนั้นจะเป็นโฉมงามพิลาศล้ำเลิศภพจบแดนก็ตามที…
ในขณะที่เถิงชิ่งกำลังงหน้าเปลี่ยนสีไปมาระหว่างขาวเขียว ด้วยไม่ทราบจะตอบคำถามต้วนหลิงเทียนอย่างไรดี..
ทันใดนั้นเอง
“ปรมาจารย์โอสถต้วน…”
เสียงสนั่นปานฟ้าคำรามจากทุกทิศทางหนึ่ง พลันดังขึ้นเข้าหูผู้คน
แม้เสียงนั้นจะดังสนั่นปานฟ้าคำราม หากแต่ถ้อยคำน้ำเสียงกลับสุภาพนัก และยังดังชัดถ้อยชัดคำให้ผู้คนทั้งหมดได้ยินถนัดหู ทั้งหลายจึงพากันมองหาเจ้าของเสียงที่ดังก้องขึ้นมาทุกทิศทางนี้ทันที
“เสียงนี้มัน…”
หวงเชา ในฐานะผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี พอได้ยินเสียงดังกล่าวสองตาถึงกับเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงไปวูบหนึ่ง จากนั้นมันก็หยีตาลงเร็วไวคิดไปด้วยความตื่นตระหนก “เสียงนี้มัน…เหมือนจักเป็นเสียงของท่านผู้พิทักษ์เถี่ยมิใช่หรือ?!”