ท่ามกลางสายตาของทุกคน ปรากฏร่างบึกบึนหนึ่งโรยตัวลงมาจากฟ้า
มองไปคนคล้ายค่อยๆโรยตัวลงมา ทว่าในเวลาแค่พริบตาร่างดังกล่าวก็มาปรากฏในเพดานบินเดียวกันกับทุกคนเสียแล้ว อีกทั้งทั่วร่างของอีกฝ่ายยังแผ่กลิ่นอายลี้ลับไม่ธรรมดาประการหนึ่ง!
เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงบึกบึน ใบหน้ารูปเหลี่ยม ไว้หนวดเครา จุดสังเกตที่เห็นชัดที่สุดก็คือไฝแดงอันโดดเด่นกลางหว่างคิ้วนั่น
“หวงเชา ขอคารวะผู้พิทักษ์เถี่ย!”
ไม่ทันที่คนอื่นๆจะรู้สึกตัว เป็นผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี หวงเชา ที่เร่งประสานมือโค้งคารวะผู้มาใหม่ด้วยท่าทีนอบน้อมมากเคารพ
ลึกลงไปในแววตาของหวงเชา ยังฉายถึงความงุนงงสงสัยไม่น้อย
เท่าที่มันทราบมา ไม่ใช่ว่าผู้พิทักษ์เถี่ยไม่ค่อยสนใจอิสตรีหรอกหรือ?
แล้วไฉนถึงมาปรากฏกายที่นี่ได้?
‘ไม่สิ…เมื่อครู่ ดูเหมือนผู้พิทักษ์เถี่ยจะทักเจ้าหนุ่มนี่!’
สองตาหวงเชาฉายแสงววาบหนึ่งด้วยฉุกคิดอะไรได้ออก ลูกตายังเริ่มหดเล็กลง ‘ยิ่งไปกว่านั้น ผู้พิทักษ์เถี่ยยังใช้น้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพเป็นพิเศษ…หรือผู้พิทักษ์เถี่ยรู้จักกันกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหนุ่มคนนี้?’
ช่วงเวลาสั้นๆ หวงเชาก็ลอบคาดเดาเรื่องราวไปมากมายในใจ ยังละสายตาออกมาจากเถี่ยไท่เหอ มามองชายหนุ่มชุดม่วงที่มีเพลิงอมตะระดับสูงลุกโชนอยู่เหนือฝ่ามือ
ถึงแม้ในบรรดาทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ตอนนี้อาจไม่ได้มีแต่ชายหนุ่มชุดม่วงแค่คนเดียวที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ
อย่างไรก็ตามปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่สามารถทำให้เถี่ยไท่เหอ ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อีคนนี้ กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงสุภาพ บอกให้รู้ว่าต้องเป็นชนชั้นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงแน่นอน!
มันก็เลยสรุปได้ทันที
คำ ปรมาจารย์โอสถต้วน ที่ผู้พิทักษ์ว้ายของนิกายอมตะไท่อีกล่าวถึง ก็คือชายหนุ่มชุดม่วง!
‘หากข้าล่วงรู้แต่แรกว่ามันรู้จักกับผู้พิทักษ์เถี่ย ต่อให้ข้าต้องการสตรีนางนั้นเพียงใด ก็คงไม่มาให้โง่…กระทั่งให้รู้แต่แรกว่ามันไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง ข้าก็ไม่มีวันมาด้วยซ้ำ!’
ตอนนี้หวงเชาบังเกิดความเสียใจนัก
‘หวังว่าผู้พิทักษ์เถี่ยจะไม่ถือสาหาความข้าเพราะเรื่องนี้…อย่างไรเสียข้าก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้พิทักษ์เถี่ยจะรู้จักกันกับมันด้วย’
หวงเชาลอบภาวนาในใจ
ในฐานะผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี มันย่อมล่วงรู้ลักษณะนิสัยของผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อีดี เช่นนั้นมันจึงได้แต่ภาวนาในใจเท่านั้น ว่าผู้พิทักษ์ซ้ายกับอีกฝ่ายจะไม่สนิทสนมกันมาก หาไม่แล้วคราวนี้มันซวยหนักแน่!
“ข้าน้อยคารวะผู้พิทักษ์เถี่ย”
“ยินดีที่ได้พบท่านผู้พิทักษ์เถี่ย”
หลังหวงเชาคารวะทักทายเถี่ยไท่เหอออกไป เถิงชิ่ง ผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง และผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจี เชวียลั่ง ก็ทยอยกันฟื้นสติ แต่ละคนเร่งทักทายผู้มาใหม่ด้วยทันที ยังแลดูประหม่าไม่น้อย
ขณะเดียวกันคนอื่นๆที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบก็หวนกลับมารู้สึกตัวเรียบร้อย ยังหันไปมองชายวัยกลางคนร่างกำยำเป็นสายตาเดียวกัน
“เมื่อครู่ผู้ดูแลอาวุโสแห่งนิกายอมตะไท่อี หวงเชา เรียกหาคนผู้นั้นว่าผู้พิทักษ์เถี่ยหรือ?”
“ผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลงอย่างเถิงชิ่ง และผู้คุมกฏนิกายอมตะเชียนจีเชวียลั่งก็ยังเรียกหาอีกฝ่ายว่ผู้พิทักษ์เถี่ยอย่างนอบน้อม…หรือคนผู้นี้ก็คือผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ!?”
…
ฟังจากเสียงซุบซิบของผู้คนเห็นได้ชัดว่าเริ่มคาดเดาตัวตนของผู้มาใหม่ได้แล้ว
“ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ…ที่ลือกันว่าพึ่งทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดาราเมื่อไม่นานมานี้หรือ?”
“ขุนนางอมตะ 7 ดารา!”
…
เมื่อเดาถึงอัตลักษณ์ชายวัยกลางคนได้ออก หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงข่าวลือหนาหูที่แพร่สะพัดไปในเมืองไท่อีก่อนหน้า เรื่องที่ว่าผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ ทะลวงขั้นพลังสำเร็จ!
ขุนนางอมตะ 7 ดารา!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งประมุขนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ของแดนร้าง ก็ยังเป็นแค่ขุนนางอมตะ 7 ดาราเช่นกัน!
จึงกล่าวได้ว่าตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดารา เป็นผู้ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนร้าง!
อย่างน้อยๆในสายตาของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ มันก็เป็นอย่างนั้น
ทว่าด้านเถี่ยไท่เหอ ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อีที่กำลังเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนในช่วงนี้ กลับไม่ได้แยแสการคารวะทักทายของ หวงเชา เถิงชิ่งและเชวียลั่งแม้แต่น้อย ยังคงมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
“ปรมาจารย์โอสถต้วน…ดูเหมือนท่านกำลังเจอเรื่องน่ารำคาญอันใดใช่หรือไม่?”
เถี่ยไท่เหอ กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ พลางยิ้ม
“ผู้พิทักษ์เถี่ย…”
ได้ยินคำถามดังกล่าวขวองเถี่ยไท่เหอ ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือคราหนึ่งดับเพลิงอมตะสีเทาในมือ ค่อยกล่าวว่า “ข้ากำลังเจอเรื่องน่ารำคาญหรือไม่ ท่านยังต้องถามทำอะไรเล่า หากข้าเดาไม่ผิดไม่ใช่ว่าท่านพึ่งมาถึง แต่สมควรอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้วมากกว่ามั้ง?”
ขณะพูดถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องเถี่ยไท่เหอด้วยสายตาแหลมคมคล้ายมองออกทุกสิ่ง
เถี่ยไท่เหอที่ถูกต้วนหลิงเทียนจ้องตา ก็รู้สึกเสมือนไม่อาจปกปิดอะไรต่อหน้าอีกฝ่าย จึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
ส่วนด้านผู้อาวุโสนิกายอมตะหวู่หลง เถิงชิ่งนั้น ทันทีที่มันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนดับเพลิงอมตะระดับสูงไป ในแววตามันก็ปรากฏเจตนาฆ่าฟันสว่างขึ้นมาวาบหนึ่ง
อย่างไรก็ตามพอมันเห็นต้วนหลิงเทียนกับเถี่ยไท่เหอสนทนาตอบโต้กัน และเห็นรอยยิ้มแห้งๆนั่นของเถี่ยไท่เหอรวมถึงทีท่าสุภาพพิกลตั้งแต่แรกปรากฏจนถึงตอนนี้ มันก็ได้แต่ระงับเจตนาฆ่าฟันของมันทันที ในแววตายังฉายถึงความหววั่นหวาดประการหนึ่ง
เพราะตอนนี้มันเห็นชัดเจน
ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอผู้นี้ ดูเหมือนจะรู้จักกันกับชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ที่เป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง!
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยท่าทีปฏิบัติสุภาพให้เกียรติของเถี่ยไท่เหอ อีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงธรรมดาๆ เพราะมันเองก็เคยเห็นยามที่เถี่ยไท่เหอพบเจอปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนอื่นมาก่อน ตอนนั้นอีกฝ่ายไม่ได้แลดูสุภาพเกรงใจขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่มันเห็น ผู้พิทักษ์ซ้ายตรงหน้ายังเป็นแค่ขุนนางอมตะ 6 ผสาน เท่านั้น!
ทว่าบัดนี้ผู้พิทักษ์ซ้ายได้กลายเป็นตัวตนขอบเขตขุนนาอมตะ 7 ดาราไปแล้ว ทรงพลังทั้งมีอำนาจเหนือกว่าตอนยัเป็นแค่ขุนนางงอมตะ 6 ผสานมากนัก!
‘ดูเหมือนพวกมันจะรู้จักกันมาก่อนจริงๆ’
ทันใดนั้นใจของเถิงชิ่งก็จมลงทันใด ความคิดดังกล่าวยังผุดขึ้นในหัวโดยอัตโนมัติ
แต่มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าที่ไฉนเถี่ยไท่เหอถึงได้แลดูสุภาพเกรงใจต้วนหลิงเทียนขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนเป็นคนรู้จักมักคุ้นอะไร แต่เพราะต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถที่สามารถหลอมโอสถอมตะระดับสูงอย่างโอสถหลัวเทียนได้ต่างหาก! ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั่วๆไปไม่อาจเทียบเทียมได้เลย!!
“นี่เรื่องราวมันยังไงกันแน่?”
“ไม่รู้จริงๆว่าเรื่องวันนี้จะจบลงอย่างไร?”
“ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ ผู้นั้น ดูเหมือนจะรู้จักกันกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน…”
“ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง แต่ก็ไม่ควรยิ่งใหญ่จนทำให้ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดารา สุภาพขนาดนี้ใช่ไหม? หรือผู้พิทักษ์เถี่ยจะรู้จักกันกับชายหนุ่มชุดม่วงมาก่อน?”
…
เหล่าคนของประเทศอมตะเถิงหลงได้แต่หันมามองสบตากัน และต่างแลเห็นถึความงุนงงทั้งสับสนในแววตากันและกัน
พวกมันไม่มีใครเคยคิดเคยฝันมาก่อน
ว่าชายหนุ่มชุดม่วงข้างกายองค์ชาย 13 จะไปข้องเกี่ยวกับตัวตนอย่างเถี่ยไท่เหอได้…
“มิใช่มันบอกว่าเดิมทีคิดจะเข้านิกายอมตะหวู่หลงหรือไร? ในเมื่อมันรู้จักกับผู้พิทักษ์เถี่ย แล้วไฉนไม่คิดจะเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อีแต่แรก?”
ฮ่องเต้เถิงหลงย่อมจดจำวาจาที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยกับเถิงชิ่งก่อนหน้าได้ชัดเจน จึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาด้วยความงุนงง
“น้องต้วน…”
“ต้วนหลิงเทียน… ”
จังหวะนี้กระทั่งหลงเฟยอวิ๋นกับฉินอวี่ก็อึ้งกิมกี่ พวกมันไม่ทราบจริงๆว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
ไฉนตัวตนอย่างผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ ขุนนางอมตะ 7 ดารา ถึงรู้จักกับต้วนหลิงเทียนได้?
“ผู้พิทักษ์เถี่ยข้าไม่ชอบอ้อมค้อม…”
ต้วนหลิงเทียนที่กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ มองกล่าวกับเถี่ยไท่เหอด้วยทีท่าน้ำเสียงสงบ “ท่านสมควรรู้เรื่องที่ข้าอยากเข้าร่วมนิกายอมตะหวู่หลงแล้วสินะ…”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบไปมองเถิงชิ่ง อาวุโสนิกายอมตะหวู่หลงเล็กน้อย
ทันใดนั้นสีหน้าของเถิงชิ่งก็เปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวทันที
ปากสิ่งที่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงผู้นี้กล่าวเป็นความจริง หากเรื่องราววันนี้ล่วงรู้ถึงหูประมุขนิกายอมตะหวู่หลง มันไม่ถูกถามหาความรับผิดชอบจนตายหรือไร? อย่างน้อยๆมันไม่พ้นต้องโดนตราหน้าว่าเป็นคนบาปของนิกาย เห็นสตรีดีกว่าปรมาจารย์อมตะระดับสูง!
“ใช่”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เถี่ยไท่เหอก็พยักหน้ารับคำ
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนเคยบอกมันไว้แล้ว
“แล้วตอนนี้ หากข้าอยากเปลี่ยนไปเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อี ผู้พิทักษ์เถี่ยยังจะยินดีต้อนรับอยู่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นพลางถาม
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบคำ สองตาเถี่ยไท่เหอพลันทอแสงจ้าขึ้นมาทันที สีหน้ายังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีโดยไม่รู้ตัว “ปรมาจารย์โอสถต้วน…ท่าน…ท่านยินดีเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อีของเราจริงๆ?!”
เป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดา
อันที่จริงเถี่ยไท่เหอมาถึงจุดเกิดเหตุแต่แรกเพียงแค่ซ่อนตัวเอาไว้
และตอนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่าผิดหวังกับนิกายอมตะหวู่หลงมาก รวมถึงเรื่องที่หันไปพูดกับหลงเฟยอวิ๋นว่าจะไม่เข้ารว่มกับนิกายอมตะหวู่หลงแล้ว เถี่ยไท่เหอก็ได้ยินชัดถนัดหู
กระทั่งตอนนั้นในใจมันยังตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
พอมาตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนเอ่ยเรื่องจะเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อีขึ้นมาตรงๆ มันก็ไม่อาจระงับอาการ และความตื่นเต้นได้อีกต่อไป!
“ปรมาจารย์โอสถต้วน ขอท่านโปรดมั่นใจ ตราบใดที่ท่านเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อีของพวกเรา ทางนิกายเราจักปฏิบัติต่อท่านอย่างดีที่สุด…ถึงตอนนั้นพวกเรายังจะแต่งตั้งท่านให้เป็น หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ ของนิกายอมตะไท่อีเรา และไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านต้องการพวกเราจะพยายามเติมเต็มความปรารถนาให้ท่าน!”
เถี่ยไท่เหอเร่งกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นคึกคัก
ในวาจานั้นไม่ขาดคำล่อลวง ราวกับพยายามจะดึงตัวต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีให้จงได้!
และทันทีที่คำของเถี่ยไท่เหอดังออกมา ผู้คนโดยรอบก็เงียยบลงทันที
หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ?
ต้องทราบด้วยว่านิกายอมตะไท่อีก็มีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอยู่หลายคน หากแต่ฐานะของปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะในนิกายอมตะไท่อีล้วนเท่าเทียมกันไม่มีแบ่งแยกสูงต่ำ ไร้ผู้ใดโดดเด่นพอจะรับตำแหน่งหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะได้โดยไร้ข้อกังขา
ทว่าตอนนี้เถี่ยไท่เหอกลับบอกว่า…
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อี ตำแหน่งหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะจะกลายเป็นของเขาทันที! นี่ต้องได้รับอภิสิทธิ์ถึงขั้นไหนกัน?
ต้องทราบด้วยว่าหากต้วนหลิงเทียนได้รับตำแหน่งนั้นจริงๆ ก็เป็นการบอกผู้คนโดนนัยว่า ความสามารถในศาสตร์แห่งการหลอมโอสถอมตะของต้วนหลิงเทียนสูงส่งกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะทุกคนในนิกายอมตะไท่อี เช่นนั้นหากไม่แน่จริง…ไม่ใช่ว่าจะทำให้เหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อีทั้งหลายเดือดดาลหรือไร?
และด้วยสาเหตุนี้นิกายอมตะไท่อีจึงไม่คิดจะแต่งตั้งใครเป็นหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะเลยสักครั้ง เพื่อไม่ให้เหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้คนอื่นบังเกิดความไม่พอใจ
เว้นเสียแต่คนผู้นั้น จะมีทักษะการหลอมโอสถเหนือล้ำกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะคนอื่นแล้วจริงๆ!