“หรือว่า…ทักษะหลอมโอสถอมตะของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ จะสูงส่งเหนือกว่าเหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อี?!”
หลังได้ยินคำของเถี่ยไท่เหอ สายตาที่ทุกคนใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ท่วมท้นไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม พวกมันเข้าใจอะไรบางอย่างดี…
ตัวตนระดับเถี่ยไท่เหอ ผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อีอันลือชื่อ ไม่ควรกล่าววาจาเหลวไหลไปเรื่อย….
โดยเฉพาะอย่ายิ่งที่ตอนนี้เถี่ยไท่เหอยังบรรลุถึงขุนนางอมตะ 7 ดาราแล้ว เรียกว่าต่อให้มองไปทั่ววแดนร้าง เถี่ยไท่เหอก็เป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ! ตัวตนเช่นนี้ไหนเลยจะกล่าววาจาเพ้อเจ้อสร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเอง และเสี่ยงให้เหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้งหลายของนิกายอมตะไท่อีบังเกิดความไม่พอใจจนเลือกจะตีจาก…
เช่นนั้นพวกมันจึงตระหนักอะไรได้บางอย่าง…
น่ากลัวว่าทักษะความสามารถในศาสตร์แห่งการหลอมโอสถอมตะของต้วนหลิงเทียน คงสูงส่งเหนือปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อีแล้วจริงๆ!
‘ทักษะการหลอมโอสถอมตะของมัน…สูงส่งขนาดนั้น!?’
ผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง เถิงชิ่ง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมันก็ส่ายหัวไปมา ‘เป็นไปไม่ได้…กลิ่นอายเลือดเนื้อที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของมัน ยังอายุไม่ถึงร้อยปีชัดๆ เอาแค่อายุไม่ถึงร้อยปีแต่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะรดับสูงได้ ก็อัศจรรย์มากพอแล้ว ไหนเลยมันจะมีทักษะการหลอมโอสถเหนือกว่าเหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีอายุเป็นพันเป็นหมื่นปีของนิกายอมตะไท่อีได้?’
ในขณะที่เถิงชิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อทั่วร่างต้วนหลิงเทียนว่าเขายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี คนอื่นๆเองก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน
“ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอายุมิถึงร้อยปี!?”
พอหลายคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อต้วนหลิงเทียน และพบว่ามันสดใหม่ถึงขนาดไหน ต่างก็พากันก็อื้ออึงไปทันใด
ปรมาจารย์หลอมโอสุอมตะอายุไม่ถึงร้อยปี!?
ไม่ต้องกล่าวถึงในพื้นที่แดนร้างของพวกวมันด้วยซ้ำ ให้กวาดตามองไปทั่วหลิงหลัวเทียน พวกมันก็ไม่เคยได้ยินว่ามีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่!
แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันอาจมีความรู้จำกัด
ทว่าอย่างน้อยๆ ต้วนหลิงเทียนก็เป็นคนแรกที่พวกมันเคยได้ยินมาก่อนในชีวิต…ว่าสามารถกลายเป็นปรมาจารย์หอมโอสถอมตะระดับสูงได้ทั้งๆที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อย!
‘ต่อให้มันอายุไม่ถึงร้อยปีและเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงได้จริง แต่มันสมควรดวงดีไปพบเจอเพลิงอมตะระดับสูงมากกว่า แต่ฝีมือการหลอมโอสถยังงูๆปลาๆ เผลอๆยังไร้ประสบการณ์อะไรด้วยซ้ำ ไหนเลยจะไปเทียบกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนอื่นของนิกายอมตะไท่อีได้…’
เถิงชิ่งได้แต่กล่าวปลอบตัวเองในใจ
เพราะสุดท้ายแล้วหากทักษะสามารถในศาสตร์แห่งการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียนสูงส่งขึ้นมาจริงๆ มันได้ฉิบหายแน่ ที่เป็นต้นเหตุทำให้นิกายอมตะหวู่หลงพลาดมณีเลอค่าหาใดเปรียบไปอย่างน่าหัวเราะ! ถึงตอนนั้นมันไม่พ้นโดนประมุขและอาวุโสที่มีระดับสูงกว่าตำหนิอย่างแรง!
สำหรับคำพูดที่เถี่ยไท่เหอบอกว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อี แล้วจะกลายเป็นหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะนั้น มันคิดว่าเถี่ยไท่เหอเพียงต้องการดึงตัวอัจฉริยะ จึงกล่าวขายฝันอย่างขอไปทีเพื่อล่อลวงอีกฝ่ายเท่านั้น
“ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี…เช่นนั้นทักษะการหลอมคงมิได้สูงส่งอะไรมากใช่ไหม?”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! การหลอมโอสถอมตะเป็นเรื่องง่ายดายหรือไร ลำพังแค่เรื่องมองจำแนกคัดสมุนไพรก็ไม่ทราบต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์กี่ปีต่อกี่ปี แถมเรื่องนี้มิว่าไหวพริบปฏิภาณจะเลิศล้ำปานเทพยดาเพียงใด แต่หากขาดประสบการณ์ก็ไร้ความหมาย! การหลอมโอสถก็เหมือนกับการสั่งสมประสบการณ์ข้ามผ่านความผิดพลาดนับหมื่นพันเพื่อบรรลุถึงหนทางที่ถูกต้อง! อาศัยคนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีต่อให้หัดหลอมโอสถตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ยังจะไปสู้คนที่ทุ่มเวลาศึกษานับพันๆปีได้อย่างไร!?”
“เช่นนั้นหมายความว่า…เรื่องที่ผู้พิทักษ์ซ้ายเถี่ยไท่เหอบอกว่าจะแต่งตั้งให้มันเป็นหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถของนิกายอมตะไท่อีทันทีที่เข้าร่วม ก็เป็นแค่วาจาขอไปทีกล่าวเพื่อล่อลวงให้เจ้านั่นมันเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีหรือ? ในเมื่อความสามารถไม่ถึง แล้วจะรับตำแหน่งนั้นได้อย่างไร?”
“สมควรเป็นผู้พิทักษ์เถี่ยกล่าวเพื่อล่อลวงให้ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีจริงๆ…พอถึงตอนที่มันเข้าร่วมกับนิกายอมตะไท่อีแล้ว ผู้พิทักษ์เถี่ยไม่พ้นต้องกล่าวทำนองว่า สามารถแต่งตั้งมันให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถได้ แต่หากคิดให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนอื่นยอมรับ ก็มีแต่ต้องประชันกันด้วยฝีมือทักษะ..”
“จริงด้วย! นับว่าผู้พิทักษ์เถี่ยดีดลูกคิดรางแก้วมาดีจริงๆ…”
…
หลังทราบว่าต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี วาจาทำนองดังกล่าวก็เริ่มดังขึ้นระงม
นอกจากไม่กี่คนที่ล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนสามาถรหลอมโอสถหลัวเทียนได้แล้ว ไม่มีใครที่คิดว่าทักษะในการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียนจะใช้การได้เลย ยากนักที่จะเหนือกว่าเหล่าผู้เฒ่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะทั้งหลายในนิกายอมตะไท่อี
คนไม่กี่คนที่ว่า นอกจากตัวต้วนหลิงเทียนเองแล้ว ก็มีแค่ฮ่วนเอ๋อ หลงเฟยอวิ๋น ชิวหลิง และก็เถี่ยนไท่เหอผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อีเท่านั้น ที่ได้เห็นโอสถหลัวเทียนที่เขาหลอมมากับตา…
กระทั่งฉินอวี่เองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้!
“ผู้พิทักษ์เถี่ย”
ท่ามกลางสายตาที่มองจ้องมาของทุกคน ต้วนหลิงเทียน ในฐานะผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง แม้จะมีเสียงซุบซิบจากรอบข้างหนาหู แต่เขาก็ยังคงมองกล่าวกับเถี่ยไท่เหออย่างสงบใจเย็น “คำมั่นเรื่องผลประโยชน์อันใดข้าไม่สนใจ และไม่อยากฟัง…เรื่องเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีข้าไม่มีปัญหา แต่ว่า…”
“ท่านต้องแสดงความจริงใจ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยประโยคนี้จบสายตาของเขาก็เหลือบไปมองเถิงชิ่ง ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง ผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจี เชวียลั่ง และผู้ดูอาวุโสนิกายอมตะไท่อี หวงเชา…
เถิงช่งกับเชวียลั่งนั้น ไม่ได้กลัวอะไร แม้จะรู้ดีว่าการเหลือบมองมาของงต้วนหลิงเทียนคราวนี้ คือการกำหนดเป้าหมายมาที่พวกมัน แต่อย่างไรเสียพวกมันไม่ใช่คนของนิกายอมตะไท่อี ให้เถี่ยไท่เหอร้ากาจแถมมีอำนาจสูงแล้วทำไม? หรือเรื่องราวภายในนิกายอมตะผู้อื่นก็สอดมือมายุ่งได้?
ต่างจากความมั่นใจของเถิงช่งและเชวียลั่ง ด้านหวงเชาผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี บัดนี้สีหน้าซีดลงจนหาสีเลือดไม่เจอ เพราะมันรู้ดีว่าสายตาที่ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองมาหมายความว่าอะไร ในใจยังหวาดผวาทั้งแตกตื่นกระวนกระวายนัก
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมองกวาดผ่านร่าง เถิงชิ่ง เชวียลั่ง และหวงเชาครบคน เถี่ยไท่เหอไหนเลยจะไม่รู้เจตนาของต้วนหลิงเทียนว่าต้องการอะไร มันจึงตอบรับขานคำกลับไปฉับไว แววตายังฉายแววเยียบเย็นชวนให้ผู้คนขนลุก!
และไม่ทันที่ทุกคนจะได้ตอบสนองเรื่องราว…
ฟั่ฟฟฟ!
เสียงวัตถุมีคมฟาดผ่าอากาศออกไปฉับไวเสียงหนึ่งดังขึ้น!
และหลังจากที่ทุกคนพึ่งจะรู้สึกตัว ต่างก็อดประหลาดใจไปไม่ได้เมื่อพบว่า…
ผู้ดูแลอาวุโสนิกายอมตะไท่อี หวงเชา นั้น….ไม่ทราบคนถูกแบ่งครึ่งเป็นสองเสี่ยงได้อย่างไร! หากแต่ร่างกายของมันปรากฏเส้นแดงหนึ่งลากจากกลางกระหม่อมลงมาจรดหว่างขา แยกผ่าร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยง เป็นเส้นแดงอันสมมาตรนัก!!
และไม่ทันที่ร่างกายของมันจะแยกออกจากกันมากมาย ให้ทุกคนเห็นฉากอุจาดลำไส้อวัยวะทะลักคาวคลุ้ง ก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังสะท้านความว่างเปล่าอีกครา!
ครู่ต่อมาท่ามกลางสายตานับร้อยๆคู่ ความว่างเปล่าคล้ายบิดเบือนวิปริต เป็นพลังอำนาจมหาศาลขุมหนึ่งอยู่ๆก็ห่อหุ้มร่างหวงเชาเอาไว้ ก่อนจะป่นปี้ร่างมันจนแหลกสลายหายไปในความว่างเปล่า…คงเหลือเพียงหมอกโลหิตพร่างพราวหล่นฟ้าไปชโลมย้อมผืนดินเบื้องล่างให้แดงฉาน…
หวงเชา ผู้ดูแลอาวุโสนิกายอมตะไท่อี ขุนนางอมตะ 2 ยศ ตาย!
“อะ?”
จังหวะนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองยังอดอึ้งไปไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าเถี่ยไท่เหอจะลงมือได้รวบรัดหมดจดขนาดนี้ ถึงขั้นประหารหวงเชาผู้ดูแลอาวุโสนิกายตัวเองได้โดยตาไม่กระพริบ!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอึ้งกับเรื่องราวตรงหน้า เหล่าผู้ชมโดยรอบที่ดึงสติกลับเข้าตัวได้แล้ว ก็พากันสูดลมหายใจเข้าอย่างเหน็บหนาว มองไปยังเถี่ยไท่เหออีกครั้ง แววตาราวกับแต่งแต้มไปด้วยสีสันแห่งความหวาดกลัว สยดสยอง
นี่น่ะหรือพลังอำนาจของขุนนางอมตะ 7 ดารา
ยังพูดคุยหัวเราะร่าอยู่หลัดๆ พริบตาต่อมากลับสังหารขุนนางอมตะ 2 ยศด้วยอำมหิต…ไม่เหลือแม้แต่ศพให้กลบฝัง!
ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 2 ยศที่ก่อนหน้านี้ที่เป็นดั่งเทพเจ้าผู้ไร้เทียมทานจนพวกมันไม่อาจล่วงเกินตอแย กลับกลายเป็นดั่งไก่สุนัขต่อหน้าขุนนางอมตะ 7 ดารา…ช่างเปราะบางเหลือเกิน!
“หวงเชา…ตายแล้ว!?”
“มัน…มันฆ่าผู้ดูแลอาวุโสขอบเขตขุนนางอมตะ 2 ยศของนิกายตัวเองจริงๆ?”
หลังเถิงชิ่งกับเชวียลั่งได้สติกลับคืน สีหน้าท่าทีก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
หากเถี่ยไท่เหอเพียงลงมือทุบตีสั่งสอนบทเรียนหวงเชา หรือตัดแขนขาสักข้างพวกมันจะไม่แปลกใจอะไรเลย
ทว่าตอนนี้เถี่ยไท่เหอกลับลงมือสังหารหวงเชาโดยตรง นับว่าเหนือจินตนาการของพวกมันนัก! ขณะเดียวกันพวกมันก็เริ่มตระหนักได้รางๆ ว่าพวกมันประเมินฐานะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนนี้ในใจเถี่ยไท่เหอต่ำไป
“ปรมาจารย์โอสถต้วน”
หลังฆ่าหวงเชาแล้ว เถี่ยไท่เหอก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างตรงไปตรงมา “หวงเชานั้นเป็นคนของนิกายอมตะไท่อีเรา หากมันหาญกล้าทำให้ท่านขุ่นเคืองหมองใจ ข้าย่อมกำหนดความเป็นตายของมันได้ทันทีและมิมีใดให้กังวล…แต่ถ้าเป็นคนอื่น ข้ายังต้องให้ปรมาจารย์โอสถต้วนตกลงก่อน…”
“เพราะอย่างไรเสีย หากคนที่พวกมันล่วงเกินเป็นหัวหน้าปรมจารย์หลอมโอสถของนิกายอมตะไท่อีของพวกเรา ก็เหมือนพวกมันไม่ไว้หน้านิกายอมตะไท่อีเรา…”
เถี่ยไท่เหอกล่าวถึงจุดนี้ สายตาที่ใช้มองเถิงชิ่งกับเชวียลั่งก็ฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอำมหิต พาลให้สีหน้าท่าทีทั้คู่เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ยากจะสงบจิตสงบใจเหมือนก่อนหน้าได้อีก
“ข้า ตกลงเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อี”
ถึงแม้เถี่ยไท่เหอจะไม่พูดออกมาว่าให้ต้วนหลิงเทียนตกลงเรื่องอะไร แต่ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ความนัยวาจาอีกฝ่าย เขาจึงพยักหน้ากล่าวตกลงยืนยันการเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีไปออกไปทันที
พอได้ยินคำนี้ขอต้วนหลิงเทียน เถี่ยไท่เหอก็ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาววาววับ!
“นิกายอมตะไท่อียินดีต้อนรับท่านอย่างยิ่ง ปรมาจารย์โอสถต้วน!”
หลังกล่าวต้อนรับต้วนหลิงเทียนในนามนิกายอมตะไท่อีจบแล้ว เสียงกล่าวของเถี่ยไท่เหอก็แปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น พาลให้ผู้ฟังโดยรอบรู้สึกเหมือนมีไอเย็นโชยผ่านร่าง “ปรมาจารย์โอสถต้วนเป็นถึงหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถของนิกายอมตะไท่อีเรา…พวกเจ้าเมื่อกล้าล่วงเกินปรมาจารย์โอสถต้วน ก็เหมือนหาญกล้าลูบคมนิกายอมตะไท่อีของเรา…พวกสารเลวเจ้า ตาย!!”
วูบ! วูบ!
แทบจะทันทีที่เสียงกล่าวของเถี่ยไท่เหอดังจบคำ สีหน้าท่าทางเถิงชิ่งกับเชวียลั่งที่เดิมไม่ค่อยจะสู้ดีเพราะบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลแรงกล้า ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ไปกันใหญ่!
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นคลื่นพลังทั่วร่างเถิงชิ่งสั่นไหว หมายปะทุพลังชั่วชีวิตหลบหนีไปจากสถานที่ผีสางแห่งนี้
“ผู้พิทักษ์เถี่ย ข้าเป็นผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจีท่านมิอาจ…”
แม้ด้านเชวียลั่งจะไม่ได้ปะทุพลังหลบหนี แต่มันก็เลือกจะโพล่งคำออกมาอย่างแตกตื่น หมายใช้นิกายอมตะเชียนจีเป็นยันต์ช่วยชีวิต…
แต่ยังมีประโยชน์อันใด?
ฟั่ฟฟฟ!!
ฟั่ฟฟฟ!!
เสียงของมีคมพลันดังขึ้น 2 คราติด เป็นคลื่นพลังสะบั้นที่พุ่งวาบออกไปจากร่างเถี่ยไท่เหออย่างไรไม่ทราบ ส่งเถิงชิ่งที่คิดหลบหนีกับเชวียลั่งที่ยังกล่าววาจาไม่ทันจบคำ ให้เดินตามรอยเท้าหวงเชาไปในบัดดล ร่างของพวกมันแบ่งแยกออกเป็นสอง ก่อนที่จะถูกพลังมหาศาลป่นปีขยี้จนแหลกเป็นหมอกเลือด! กลายเป็นพิรุณหิตร่วงฟ้าลงไปอีก 2 ห่า…
เห็นฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นอย่างฉับพลันเบื้องหน้า ทุกผู้คนล้วนเงียบกริบ ไร้คำจะพูด จังหวะนี้กระทั่งเสียงฝนเลือดตกกระทบพื้นสำเนียงแผ่ว ยังแว่วดังเข้าหูให้ได้ยินชัดเจน…
สายตาทุกคนเริ่มหันไปมองสบยังร่างชายหนุ่มชุดม่วงด้วยความตกใจ ทั้งเต็มไปด้วยความทึ่ง อย่างไรก็ตามบัดนี้พวกมันรู้สึกแตกตื่นเสียขวัญมากกว่า…
ในเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว ขุนนางอมตะทั้ง 3 ก็ร่วงหล่นหมดสิ้น!
ขุนนางอมตะ 2 ยศอย่างหวงเชาและเชวียลั่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์อย่างเถิงชิ่ง ที่ไม่ต่างอะไรจากตัวตนอันไร้เทียมทานสุดที่พวกมันจะเทียบเทียม…
หากแต่อาศัยชายหนุ่มชุดม่วงอายุมึ่งร้อยปีผู้หนึ่ง กล่าววาจาออกมาไม่กี่คำ ก็ทำให้เถี่ยไท่เหอผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายยอมตะไท่อีตัวตนอันทรงพลังขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดารา เข่นฆ่าจนหมดสิ้น…
ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?
ใช่เป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงหรือ?
ในเมื่อคนยังอายุไม่ถึงร้อยปี แล้วความสามารถในด้านการหลอมโอสถจะมีสักแค่ไหนกันเชียว…จะเลิศล้ำถึงขั้นมีผลต่อเถี่ยไท่เหอขนาดนี้เลย?