ตอนนี้ขอเพียงสายตาไม่ฝ้าฟางและยังพอมีหัวคิดอยู่บ้าง ย่อมมองเห็นเรื่องราวกระจ่าง…
ไฉนผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ ก่อนที่จะลงมือเข่นฆ่าทั้ง 2 คนต่างนิกายจำต้องให้ต้วนหลิงเทียนตอบรับเรื่องเข้าร่วมนิกาอมตะไท่อีก่อน? ทั้งหมดเพื่อให้มีสาเหตุในการลงมือเข่นฆ่าเถิงชิ่งและเชวียลั่ง!
หวงเชานั้น อย่างไรก็เป็นคนของนิกายอมตะไท่อี กล่าวได้ว่าเป็นคนใน เช่นนั้นเถี่ยไท่เหอจะจัดการคนของตัวเองอย่างไรก็ไม่มีใครขัดข้อง แถมประมุขนิกายก็คงแค่ถามไถ่เถี่ยไท่เหอไม่กี่คำ จากนั้นก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
เพราะสุดท้ายเถี่ยไท่เหอ ในฐานะผู้พิทักษ์ซ้ายที่บรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดารา ไม่ทราบมีค่ากว่าหวงเชากี่เท่าต่อกี่เท่า!
ทว่ากับเถิงชิ่งและเชวียลั่งนั้น มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง! อีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนของนิกายอมตะไท่อี และยังเป็น 2 นิกายอมตะที่มีอำนาจทัดเทียมกับนิกายอมตะไท่อี หากคิดฆ่าผู้อื่นจำต้องมีเหตุผลอันสมควร หาไม่แล้วย่อมเป็นการเพาะสร้างความแค้น ก่อโทสะให้นิกายที่อยู่เบื้องหลังทั้งสอง สร้างเภทภัยให้นิกายอมตะไท่อีโดยใช่เหตุ
แต่วันนี้เถี่ยไท่เหอก็ได้เข่นฆ่าเถิงชิ่งกับเชวียลั่งด้วยข้อหาล่วงเกิน ‘หัวหน้าปรมาจรย์หลอมโอสถ’ ของนิกายอมตะไท่อี! ถึงแม้ภายหลังนิกายอมตะทั้ง 2 จะมาสืบสาวหาความ เพื่อถามหาความรับผิดชอบในภายหลัง แต่ก็คงทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ประหนึ่งทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้หายไป…
“ต้วนหลิงเทียน…”
ฉินอวี่ได้แต่มองร่างชายหนุ่มชุดม่วงข้างๆด้วยความงุนงง ตอนนี้สีหน้าแววตาของมันเต็มไปด้วยความตกใจ อึ้งทึ่ง อื้ออึงคงจนไม่รู้เหนือใต้แล้ว!
ก่อนหน้านี้เท่าที่มันจำได้…
ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำ…
แต่วันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเปิดเผยเพลิงอมตะระดับสูงออกมาโต้งๆ ประกาศฐานะตัวว่าเป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง! เรื่องนี้ทำให้ฉินอวี่ตกตะลึงพรึงเพริดนัก เพราะมันไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนจริงๆ
ยิ่งมาเห็น เถี่ยไท่เหอ ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อีตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดารา พอได้ยินวาจาตอบรับเข้าร่วมนิกายของต้วนหลิงเทียน ก็เปิดฉากสังหารอำมหิตในชั่วพริบตา ส่งคนของนิกายอมตะหวู่หลงและนิกายอมตะเชียนจีไปเมืองผี!
เรื่องราวความเปลี่ยนแปลงที่อุบัติขึ้นตรงหน้าทั้งหมด เสมือนประดังเข้ามาทีเดียว ทำให้มันรู้สึกตะลึงจนยากจะสงบจิตสงบใจ
“ปรมาจารย์โอสถต้วน”
ในขณะที่ทุกคนยังตกใจไม่หาย เสียงดังปานฟ้าร้องของเถี่ยไท่เหอ ผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อี ที่พึ่งเข่นฆ่าสังหารขุนนางอมตะไป 3 ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นมันมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจัดการเรื่องราวเช่นนี้ ท่านพอใจแล้วหรือไม่?”
“ข้าพอใจยิ่ง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็ผายมือไปทางฉินอวี่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามเถี่ยไท่เหอว่า “ผู้พิทักษ์เถี่ย นี่คือสหายของข้า…ข้าอยากให้เขาเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีด้วย ไม่ทราบว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่?”
“ต้วนหลิงเทียน!”
เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ผายมือมาทางตัววเอง ฉินอวี่ก็ได้แต่งุนงง ทว่าพอได้ยินคำพูดต่อมาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้นล่ะ มันถึงกับโพล่งออกมาด้วยความตกใจทันที ดวงตาทั้งคู่มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้นทั้งสำนึกขอบคุณ!
มันเป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งของวังฉินในประเทศอมตะระดับกลางเท่านั้น กระทั่งยังไร้ซึ่งคุณสมบัติในการเข้าร่วมการประลองใหญ่ในแดนร้างด้วยซ้ำ! ด้วยเหตุนี้หมายความว่าชั่วชีวิตของมันคงไม่อาจมีจุดพาดผ่านใดๆกับ 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้างได้เลย…
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ดีว่ายากนักที่มันจะข้องเกี่ยวกับนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ได้ แต่ลึกๆแล้วในใจของฉินอวี่ก็อยากเข้าร่วม 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้างเหลือเกิน…
แต่เป็นธรรมดาว่ามันรู้ตัวเองดีว่านี่ก็เป็นได้แค่ฝันลมๆแล้งๆ ให้ใจปรารถนาเพียงใดแต่ไร้กำลังสามารถ ไหนเลยฝันจะเป็นจริงได้? มันรู้ว่าชั่วชีวิตคงแทบไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3!
เพราะข้อกำหนดของนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 มันสูงเกินไป สำหรับฉินอวี่แล้วไม่ต่างอะไรกับคิดปีนกำแพงสูงเทียมฟ้าฉาบน้ำมันหมู
เช่นนั้นหลังได้ยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเถี่ยไท่เหอ ฉินอวี่จึงตกใจทั้งตื่นเต้นยินดีจนออกนอกหน้า สิ่งที่เป็นได้แค่ความฝันลมแล้งๆ บัดนี้คล้ายเป็นความจริงที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าห่างเพียงแค่เอื้อมมือ เช่นนั้นหลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสำนึกขอบคุณแล้ว จึงมองจ้องไปยังเถี่ยไท่เหอด้วยความคาดหวังทันที
มันรู้ดีแก่ใจ
วินาทีนี้ตราบใดที่เถี่ยไท่เหอพยักหน้าลงมา เรื่องมันได้เข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีก็ตอกฝาโลงได้เลย!
เพราะสุดท้ายแล้วเถี่ยไท่เหอไม่ใช่แค่ผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี แต่ยังเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 7 ดาราอีกด้วย! ในนิกายอมตะไท่อีนอกจากเถี่ยไท่เหอ ก็มีแค่ประมุขกับผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่บรรลุถึงขอบเขตพลังดังกล่าว!
ไม่พูดก็ไม่ได้ การก้าวหน้าครั้งนี้ของเถี่ยไท่เหอที่สามารถบรรลุถึงขุนนางอมตะ 7 ดาราได้ ฐานะและอำนาจของเถี่ยไท่เหอในนิกายอมตะไท่อีได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง!
และต่อให้เป็นเถี่ยไท่เหอเมื่อกาลก่อนที่เป็นเพียงขุนนางอมตะ 6 ผสาน ทว่าเรื่องรับตัวคนมาเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีสักคนหรือหลายสิบคน ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงออกปากเท่านั้น…
“เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ย่อมไม่มีปัญหา…”
เถี่ยไท่เหอหันไปเหลือบมองฉินอวี่ที่กำลังมองจ้องมาที่ตนด้วยความคาดหวังปราดหนึ่ง ค่อยหันกลับไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์โอสถต้วน ในเมื่อท่านตัดสินใจเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีแล้ว ให้ข้าพาท่านกลับไปยังนิกายเพื่อพบปะท่านประมุขเลยดีหรือไม่?”
“และสหายของท่านคนนี้ก็สามารถเดินทางไปพร้อมกันกับพวกเราได้เลย ข้าจักจัดการเรื่องรับเขาเข้าเป็นศิษย์นิกายอมตะไท่อีด้วยตัวเอง”
ขณะกล่าวประโยคท้ายออกมา ดูเหมือนเถี่ยไท่เหอจะกังวลไม่น้อย ด้วยกลัวต้วนหลิงเทียนจะไม่กลับไปนิกายอมตะไท่อีกับมัน จึงเอ่ยเรื่องฉินอวี่ออกมาอย่างทันท่วงที
“ดี!”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ หลังจากนั้นเมื่อหันไปร่ำลาหลงเฟยอวิ๋นกับชิวหลิงแล้ว เขาก็พาฮ่วนเอ๋อกับฉินอวี่ติดสอยห้อยตามเถี่ยไท่เหอไปทันที
แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหลือบแลคนอื่นในประเทศอมตะเถิงหลง ไม่แม้แต่ฮ่องเต้เถิงหลงอย่างหลงตงผิง อย่างไรก็ตามไม่เพียงพวกมันจะไม่กล้าพูดอะไรออกมา ยังทำได้แต่เฝ้ามองพวกต้วนหลิงเทียนจากไปด้วยความเคารพ
พวกมันรู้ดีแก่ใจ
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้วนหลิงเทียนถูกกำหนดให้กลายเป็นตัวตนที่พวกมันได้แต่แหงนมองแล้ว…
บางที หลังจากนี้ต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อี อย่างที่เถี่ยไท่เหอพูดไว้…
อย่างไรก็ตาม ในฐานะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะไท่อีคนหนึ่ง ก็เป็นตัวตนอันสูงส่งสุดที่พวกมันจะเอื้อมถึงได้ชั่วชีวิต…นับจากนี้ก็ทำได้แค่แหงนมองขึ้นไปเท่านั้น
“เจ้า 13…”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆหายไปจากสายตาขอคนประเทศอมตะเถิงหลง หลงตงผิง ฮ่องเต้แห่งประเทศอมตะเถิงหลง ก็หันไปมององค์ชาย 13 หลงเฟยอวิ๋น ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด ถามออกมาว่า “ไฉนเจ้าไม่บอกข้าแต่แรก ว่าชายหนุ่มข้างกายเจ้าผู้นั้น เป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง?”
หลงเฟยอวิ๋นหันไปมองหลงตงผิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ ค่อยกล่าวตอบออกไปว่า “แล้วถ้าพูดไปฝ่าบาทจะเชื่อหรือไม่เล่า? ไม่พ้นหาว่าข้าปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อคิดหลอกกลวงเอาเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงอีกกระมัง?”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เชื่อ แต่มันมิใช่แค่จุดเพลิงอมตะระดับสูงออกมา ก็สามารถพิสูจน์ฐานะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงได้ง่ายๆหรือไร?”
หลงตงผิงกล่าว
“พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงได้ง่ายๆ?”
หลงเฟยอวิ๋นยิ้มเชิดๆ พลางกล่าวตอบไปว่า “เสด็จพ่อ ท่านคิดว่า…เขาจะสนใจเรื่องที่ท่านอยากรู้ตัวตนของเขาหรือไม่? ท่านอาศัยอะไรไปให้เขายืนยันตัวตน?”
จากนั้นหลงเฟยอวิ๋นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ยังเป็นเสียงหัวเราะที่กระแทกแดกดันนัก!
และในขณะที่เสียงหัวเราะของหลงเฟยอวิ๋นดังขึ้น
“น้อง 13 เจ้ากล้าดีอย่างไร!?”
“น้อง 13 หรือเจ้าคิดว่าตัวเอง ปีกกล้าขาแข็งจนสามารถทำตัวหยาบคายก้าวร้าวกับเสด็จพ่อได้แล้วจริงๆ?”
องค์ชาย 4 หลงเซี่ยงอวิ๋น กับองค์ชาย 7 หลงฉิงอวิ๋น มองจ้ององค์ชาย 13 โพล่งกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง วาจาเสียงเย็นฟังคล้ายกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ…
ตอนนี้พวกมันหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเสด็จพ่อของพวกมันจะขับไล่หลงเฟยอวิ๋นออกจากตระกูลราชวงศ์ของประเทศอมตะเถิงหลงไปด้วยโทสะ!
ด้วยวิธีนี้ต่อให้ภายหลังต้วนหลิงเทียนจะวิ่งเต้นช่วยหลงเฟยอวิ๋นอย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเป็นในตระกูลราชวงศ์ ไหนเลยจะกลายเป็นฮ่องเต้คนต่อไปของประเทศอมตะเถิงหลงได้?
อย่างไรก็ตาม พวกมันถูกลิขิตให้ผิดหวัง…
ความคิดปล้นบ้านผู้อื่นตอนไฟไหม้ของพวกมันทั้งคู่ อย่างหลงตงผิงที่เป็นฮ่องเต้ของประเทศอมตะเถิงหลง ยังจะมองไม่เห็นหรือ?
“เจ้า 13 เจ้ากล่าวถูกแล้ว…ปรมาจารย์หลอมโอสอมตะระดับสูง ไม่จำเป็นต้องแยแสว่าข้าจะรู้ตัวตนของเขาหรือไม่…”
หลงตงผิงเอ่ยวาจาทำนองเห็นด้วยกับหลงเฟยอวิ๋นออกมาแบบนี้ ทำให้หลงเซี่ยงอวิ๋นกับหลงฉิงอวิ๋นฝันสลายไปตามๆกัน ในใจยังรู้สึกเศร้านัก
และหากพวกมันไปอยู่ในตำแหน่งของบิดาตอนนี้ พวกมันก็บอกได้ทันที…
ว่าพวกมันแพ้หลงเฟยอวิ๋นแล้ว
“ข้าหลงตงผิง ฮ่องเต้แห่งประเทศอมตะเถิงหลงขอประกาศว่า…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปองค์ชาย 13 หลงเฟยอวิ๋น จักเป็นองค์ชายรัชทายาทสืบบัลลังก์ต่อจากข้า ทันทีที่ข้าสละราชสมบัติ เขาจักกลายเป็นฮ่องเต้คนต่อไปของประเทศอมตะเถิงหลง!”
ในขณะที่สีหน้าของหลงเซี่ยงอวิ๋นและหลิงฉิงอวิ๋นมืดมนลง หลงตงผิงก็ประกาศราชโองการแต่งตั้งออกมาเสียงดังฟังชัด
ทันทีที่มันกล่าวจบคำผู้คนก็ฮือฮา วุ่นวายไปตามๆกัน
“เสด็จพ่อ!!”
หน้าของหลงเซี่ยงอวิ๋นและหลงฉิงอวิ๋นเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
ถึงแม้พวกมันจะรู้ดีว่าคงไม่มีทางสู้หลงเฟยอวิ๋นได้อีกแล้ว แต่พวกมันก็ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆบิดาจะเป็นฝ่ายประกาศราชโองการแต่งตั้งหลงเฟยอวิ๋นเป็นองค์ชายรัชทายาทสืบบัลลังก์ออกมาตรงๆ!
หากหลงเฟยอวิ๋นได้ขึ้นครองราชย์เพราะความช่วยเหลือของต้วนหลิงเทียน พวกมันยังพอทำใจรับได้
ทว่าตอนนี้…
ในขณะที่ทั้งคู่หน้าเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง พวกมันก็เอาแต่มองจ้องหลงตงผิงด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ไม่ใช่เสด็จพ่อของมันมีความแคลงใจต่อชาติกำเนิดหลงเฟยอวิ๋นหรือไร? ไม่ใช่คิดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกแท้ๆหรอกหรือ? แล้วไฉนตอนนี้ถึงได้สนับสนุนหลงเฟยอวิ๋น ถึงขั้นประกาศแต่งตั้งอีกฝ่ายให้เป็นองค์ชายรัชทายาทออกมาเล่า?
“ถวายบังคม องค์ชายรัชทายาท!”
“ถวายบังคม องค์ชายรัชทายาท!”
…
ในขณะที่หลงเซี่ยงอวิ๋นและหลงฉิงอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวตรงหน้า คนของประเทศอมตะเถิงหลงทั้งหลายที่รู้ความสามารถของหลงเฟยอวิ๋นดี ก็รีบถวายบังคม แสดงความเคารพและการยอมรับออกมาทันที
พวกมันรู้ดี ว่าตั้งแต่ที่หลงเฟยอวิ๋นได้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทมา อีกฝ่ายก็เสมือนหนึ่งก้าวถึงฟ้า!
และทั้งหมด เป็นเพราะชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งจากไปทั้งสิ้น!
“องค์ชายรัชทายาท?”
พอได้ยินหลงตงผิงประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็นองค์ชายรัชทายาท หลงเฟยอวิ๋นถึงกับตกตะลึงอึ้งไป ยากจะดึงสติกลับมาได้อยู่นาน จนสุดท้ายพอได้ยินเสียงแสดงความเคารพจากทุกคนโดยรอบ หลงเฟยอวิ๋นก็ค่อยๆดึงสติกลับมาได้
หลังรู้สึกตัว หลงเฟยอวิ๋นก็อดหันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเสด็จพ่อของตัวเองไม่ได้ ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนอยู่ๆหลงตงผิงถึงแต่งตั้งมันอย่างกะทันหัน…
สายตาที่หลงตงผิงใช้มองสบตาหลงเฟยอวิ๋นก็ช่างเต็มไปด้วยความซับซ้อนนัก
มันไม่เคยคิดจะสนใจใยดีบุตรชายคนนี้เลย เพราะมันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายใช่ลูกชายแท้ๆของมันหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้น ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นลูกชายแท้ๆของมันหรือไม่ มันก็ต้องชิงเอ่ยปากแต่งตั้งลูกชายคนนี้ให้เป็นองค์ชายรัชทายาทไว้ก่อน หาไม่แล้วเกรงว่ามันคงดำรงตำแหน่งฮ่องเต้เถิงหลงได้อีกไม่นาน!
ถึงแม้ว่าประเทศอมตะเถิงหลงจะไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของนิกายอมตะไท่อี
แต่ถึงกระนั้นหากปรมาจารย์หลอมโอสถของนิกายอมตะไท่อีออกปากสักคำว่าจะสนับสนุนองค์ชาย 13 ขึ้นครองราชย์ ตราบใดที่ผู้พิทักษ์ซ้ายไปออกปากต่อนิกายอมตะหวู่หลงอีกทอด เช่นนั้นหลงเฟยอวิ๋นก์ต้องขึ้นครองราชย์ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
นั่นเพราะผู้พิทักษ์ซ้ายของนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ บัดนี้ได้กลายเป็นขุนนางอมตะ 7 ดาราแล้ว…
เมื่อขุนนางอมตะ 7 ดาราออกหน้า หรือนิกายอมตะหวู่หลงกล้าไม่ไว้หน้า?
ถึงตอนนั้นตัวมันไม่พ้นถูกบีบให้สละราชสมบัติทันทีแน่!
แต่ตอนนี้มันเลือกที่จะชิงลงมือประกาศแต่งตั้งหลงเฟยอวิ๋นเป็นองค์ชายรัชทายาทก่อน บางทียังอาจนั่งบัลลังก์นี้ได้นานขึ้น…!
…